ภาพประตูท่าแพ เชียงใหม่ ยุค60 ...ยิ่งผ่านเวลายิ่งงดงามตราตรึง
ภาพเก่าถ่ายจากโรงแรมมนตรี เมื่อราวปี1960 หรือเมื่อ60ปีที่แล้ว แสดงให้เห็นสภาพของข่วงประตูท่าแพ ที่เปลี่ยนไปมากหากเทียบกับภาพปัจจุบัน ประตูก็เคยมีเหมือนกับประตูอื่นๆ หากต่อมาได้มีการปรับพื้นที่ สร้างประตูไม้ก่อกำแพงและปรับภูมิทัศน์เพื่อให้มีลานกิจกรรมต่างๆคล้ายเป็นข่วงเมือง
ประตูท่าแพ(ชั้นใน) เดิมเป็นประตู 2 ชั้น วางตำแหน่งเยื้องกันและมีป้อมยื่นออกมาข้างประตูเมือง เพื่อใช้เป็นปราการป้องกันเมืองยามศึกสงครามในอดีต (ดังปรากฏในแผนที่เมืองนครเชียงใหม่ พ.ศ. 2436 ในรัชสมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์)
ประตูท่าแพซึ่งตั้งอยู่ในปัจจุบันนี้ เทศบาลนครเชียงใหม่และกรมศิลปากรได้ร่วมกันสร้างขึ้นมาใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยอาศัยหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ประกอบกับภาพถ่ายประตูเมืองเชียงใหม่ประตูหนึ่ง (ปัจจุบันสันนิษฐานเป็นประตูท่าแพชั้นนอก บริเวณวัดแสนฝาง)
ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. 2508
ประตูท่าแพที่ถูกเรียกกันในปัจจุบันนั้น แท้จริงมีนามว่า "ประตูเชียงเรือก" เพราะอยู่ใกล้หมู่บ้านเชียงเรือก สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพญามังราย เมื่อแรกตั้งเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 1839 ส่วนประตูท่าแพของจริงนั้นเดิมเคยตั้งอยู่บริเวณสี่แยกวัดแสนฝาง ซึ่งเป็นประตูของแนวกำแพงเมืองชั้นนอก ต่อมาเมื่อมีการรื้อแนวกำแพงชั้นนอกออกจึงเหลือแต่ประตูเชียงเรือกที่เป็นประตูชั้นใน ชาวบ้านจึงเรียกประตูเชียงเรือกนี้ว่าประตูท่าแพแทน
ในสมัยโบราณ คำว่า "เชียง" หมายถึง "เวียง" หรือ "เมือง" ส่วนคำว่า "เรือก" นั้นมีความหมายอีกอย่างหนึ่งว่า เรือ หรือ เฮือ ซึ่งหมายถึง พาหนะที่ใช้เดินทางไปมาทางแม่น้ำ คู ครอง ฝายเหมือง เป็นต้น ดังนี้ คำว่า "เชียงเรือก" หากพูดเป็นภาษาชาวบ้าน ก็อาจแปลออกมาได้เป็นเชียงเรือ หรือเวียงเรือ ซึ่งก็หมายถืงเมืองของเรือ ที่ขายของทางเรือ หรือสถานที่มีเรือมากก็ว่าได้ เหตุนี้ในสมัยต่อมาจึงถูกเรียกว่าท่าแพ ซึ่งก็มีความหมายเดิม คือที่จอดแพหรือเรือ มีความหมายเดียวกันคือ เมืองของเรือ ที่ขายของทางเรือ หรือสถานที่มีเรือมาก
ขอบคุณข้อมูลภาพ