เล่า 3 วัน 3 คืนก็ไม่จบ : อะไรคือประสบการณ์ในเมืองไทยที่คุณจะไม่มีวันลืม?
สวัสดีค่ะ ในชีวิตของคนเรานั้น ย่อมที่จะต้องผ่านเรื่องราวหรือประสบการณ์ต่าง ๆ มาอย่างมากมาย ซึ่งประสบการณ์เหล่านั้นบางเรื่องก็เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ น่าจดจำ แต่กับบางเรื่องนั้นก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย และสำหรับเรื่องของประสบการณ์ในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ นั้น เราก็ได้ไปเจอกับกระทู้หนึ่งในเวบไซต์ของต่างประเทศ หัวข้อกระทู้แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า อะไรคือประสบการณ์ในประเทศไทยที่คุณจะไม่มีวันลืม? ส่วนความคิดเห็นหรือประสบการณ์ที่ชาวต่างชาติแต่ละคนได้นำมาแชร์กันนั้น จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปรับชมรับฟังกันได้เลยค่ะ
ความคิดเห็นแรกนะคะ ถ้าให้ผมเล่า 3 วัน 3 คืนก็คงเล่าไม่หมด แต่ถ้าให้เล่าแบบสั้นๆ ผมสรุปว่าประเทศไทยดีทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ถ้ามันไม่ดีจริง ผมคงจะไม่กลับไปที่นั่นบ่อยๆ อย่างแน่นอน
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ผมได้พบกับภรรยาของผม มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตของผม
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ผมพักอยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถโดยสาร และก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเอามือลูบคลำไปที่ท้องเหมือนเธอต้องการจะสื่อถึงผมว่าเธอหิว ดังนั้นผมก็เลยซื้อของกินให้เธอ มันก็แค่ของว่างเองนะ หลังจากนั้นผมรู้สึกได้ว่าเธอกำลังตามผมอยู่ ผมขึ้นรถบัสและเธอก็ขึ้นรถเช่นกัน ผมลงจากรถซึ่งเธอก็ลงมาเช่นเดียวกัน เธอตามผมกลับบ้าน ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมก็ปล่อยให้เธอตามผมไปที่อพาร์ตเมนต์ของผม เธอเป็นผู้หญิงที่ดี เธออยากเรียนภาษาอังกฤษ และเธอก็ใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนอยู่กับผม และผมก็ได้ขอเธอแต่งงาน แต่เธอปฏิเสธผม เธอเรียนภาษาอังกฤษได้มากพอที่จะไปหางานทำในร้านกาแฟหรือคาเฟ่หรูๆ ที่ภาษาอังกฤษจะช่วยเปิดโอกาสให้เธอได้งานทำมากขึ้น แล้วเราก็ต้องแยกทางกัน เธอได้งานทำ มีที่อยู่ ผมซื้อชุดนอน กระทะ และเตาไฟฟ้าให้เธอก่อนที่เราจะจากกัน เรายังคงคุยกันเป็นระยะๆ ทางไลน์ และในที่สุดเธอก็ได้พบกับสามีในแบบที่เธอต้องการ
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ครั้งหนึ่งผมเคยต้องติดค้างอยู่ในกรุงเทพฯเป็นเวลา 3 วันด้วยเงินเพียงแค่ 15 ดอลลาร์เท่านั้น ผมบินไปที่สนามบินสุวรรณภูมิและตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าบัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิตของผมใช้ไม่ได้ในประเทศไทย มันเป็นช่วงก่อนที่จะมีการใช้บัตรสมาร์ทการ์ดและสมาร์ทโฟน ครอบครัวของผมจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผมจึงรู้ได้ว่าทุกอย่างจะโอเคขึ้นเมื่อพวกเขามาถึง ผมแลกเงินสดเท่าที่ผมมี และตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตผจญภัยในรูปแบบไหนบ้างในระหว่างที่รอพวกเขา ผมใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง กินอาหารข้างทางซึ่งราคาถูกมาก และมานอนอยู่ที่ชั้นล่างของสนามบินสุวรรณภูมิในทุกๆ คืน แน่นอนว่ามันมีวิธีที่ดีกว่านี้ในการสัมผัสกับประสบการณ์ต่างๆ ในประเทศไทย แต่อย่างน้อยเรื่องนี้มันก็เป็นสิ่งที่น่าจดจำสำหรับผม
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ผมยังคงจำการเดินทางมาประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2509 ได้อย่างแม่นยำ ตอนนั้นผมอายุประมาณ 19 หรือ 20 ปีนี่แหละ ซึ่งในเวลานั้นกองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้มอบภารกิจในต่างประเทศให้กับผมเป็นครั้งแรก ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าประเทศไทยเป็นยังไงบ้าง และผมก็ทำพลาดมากด้วยการสวมเสื้อขนสัตว์หนาๆ ซึ่งมันหนักมากด้วยในระหว่างการเดินทาง เพราะเมื่อผมไปถึงสนามบินดอนเมืองซึ่งในสมัยนั้นเรายังคงต้องลงจากเครื่องด้วยการเดินลงบันได และมันก็ทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าผมเพิ่งจะเดินออกจากช่องแช่แข็งเพื่อผ่านเข้าไปยังเตาหลอมความร้อนสูง แต่อย่างไรก็ตามระหว่างที่เดินจากเครื่องบินไปยังอาคารผู้โดยสาร ฝนก็เริ่มตกลงมา ซึ่งมันกลายเป็นสภาวะน้ำท่วมอย่างรวดเร็วตามแบบฉบับของประเทศไทย และตัวของผมก็เปียกโชกไปหมดเมื่อไปถึงเทอร์มินอล เครื่องแบบของผมมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่าเลยนี่แหละ ในตอนนั้นผมรู้สึกตลกและอนาถชีวิตของตัวเองมากๆ
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ผมมีโอกาสได้ไปบ้านเพื่อนที่ชัยภูมิในช่วงสงกรานต์ ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่เรียบง่ายและติดดินมากที่สุดสำหรับชีวิตของผม สิงคโปร์ได้กลายเป็นมหานครไปแล้ว ทำให้ชีวิตในหมู่บ้านไม่มีอยู่จริงสำหรับผม แต่ทั้งหมดที่ผมเห็นนั้น ทุกคนที่นี่มีความสนุกสนานเรียบง่ายราวกับว่าผมกำลังดูสารคดีอยู่ พวกเขาให้การต้อนรับผมดีมาก พวกเขาไม่ได้ร่ำรวยแต่พวกเขาหาให้คุณดื่มหรือกินอยู่ตลอดเวลา ตอนนั้นผมพูดภาษาไทยไม่ได้ จึงได้แต่ส่งรอยยิ้มให้กับพวกเขาแทน คุณจะได้เห็นเด็กๆ กระโดดลงไปในสระน้ำ ผู้คนบนจักรยานที่กำลังสาดน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งมันจะไม่เหมือนกับที่คุณเห็นในกรุงเทพฯ ผมขอเรียกที่กรุงเทพว่า สงกรานต์ปลอมๆ ที่ซึ่งผู้คนเพียงแค่ฉีดน้ำใส่กันโดยที่ไม่รู้ว่าเทศกาลมีความหมายสำหรับคนไทยอย่างไรบ้าง ที่นี่ในตอนเย็นทุกคนจะมานั่งล้อมวงกันเพื่อทานอาหารเย็น นั่งเล่นอยู่บนพื้น ร้องเพลง เล่นกีตาร์ เบียร์ไหลมาอย่างไม่ขาดสาย ผมไม่รู้จริงๆ เลยว่าพวกเขาเก็บซ่อนมันเอาไว้ที่ไหน มันก็แค่มาเรื่อยๆ นี่เป็นประสบการณ์ที่ผมสัมผัสได้เหมือนกับว่ามีคนกำลังทำหนังสารคดีอยู่ต่อหน้าผมเลยนะ
ความคิดเห็นต่อมานะคะ 1. หลังจากที่ก้าวเท้าแตะพื้นที่กรุงเทพ ไกด์บอกให้พวกเราพักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อที่จะต้องตื่นแต่เช้าตรู่ในเช้าวันรุ่งขึ้น เพราะพวกเราจะต้องไปผจญภัยกับผู้คนจำนวนมากที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งที่นั่นจะมีผู้คนเดินทางมาเที่ยวชมอย่างล้นหลาม เราไปถึงที่นั่นก่อนที่จะเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชม และผมคิดว่าไกด์ของเราจ่ายเงินให้กับคนรับตั๋วที่ทางเข้า ทำให้กลุ่มเล็กๆ ของเราเป็นกลุ่มเดียวที่ได้เข้าไปเที่ยวชมภายในนั้นก่อนใคร ที่นั่นดูน่าเกรงขาม ดูศักดิ์สิทธิ์ ทั้งความยิ่งใหญ่ของวัด ขนาดของพระพุทธรูป และความนิ่งขรึมของเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสถานที่ 2. ตลาดน้ำ ผมไม่เคยเห็นตลาดน้ำมาก่อนหน้านี้ หรือไม่เคยเห็นอะไรที่ยิ่งใหญ่หรือเป็นมิตรได้เท่ากับคนที่นี่มาก่อนเลย มันเป็นช่วงแรกๆ สำหรับการมาเยือนประเทศไทย ซึ่งเราประทับใจมากกับความเป็นมิตรของคนไทย และมีความสุขกับพวกเขามากจริงๆ
ความคิดเห็นต่อมานะคะ การเผชิญหน้ากับความตาย ผมไปเที่ยวที่กระบี่กับเพื่อนชาวมาเลเซียของผม และเราก็ได้ออกเรือไปในทะเลเพื่อไปดูแพลงก์ตอนในตอนกลางคืน ซึ่งมันน่าจะตื่นเต้นมากๆ สิ่งหนึ่งก็คือในตอนกลางคืนกระแสน้ำแรงขึ้นมาก ซึ่งผมและแฟนของผมไม่รู้เรื่องนั้น ไกด์บอกเราแต่มันเป็นภาษามลายูและเราทั้งคู่ไม่เข้าใจ เพื่อนที่พูดภาษามลายูได้คงลืมแปลให้เราฟัง ซึ่งสิ่งที่เขาบอกไว้คือเวลาลงไปในน้ำไม่ควรว่ายไปไกลๆ หรือเคลื่อนตัวเร็วเกินไปเพราะน้ำขึ้นสูง และเราเองก็ไม่ทันได้ระวังตัวด้วย เราลงไปในน้ำและว่ายออกไปอย่างเต็มกำลังเพื่อหลีกทางให้คนอื่นๆ ได้ลงมาร่วมกันตื่นตาตื่นใจกับแสงของแพลงตอนในตอนกลางคืน และเพียงแค่ไม่กี่จ้วง เราก็พบว่าตัวเราเองอยู่ไกลจากเรือมาก มันเป็นคืนเดือนมืด เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเรือลำไหนคือเรือของเรา เราร้องขอความช่วยเหลือดังที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ในขณะที่เราก็ต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อว่ายทวนกระแสน้ำ โชคดีที่พนักงานบนเรือเห็นและกระโดดลงมาช่วยชีวิตของเราเอาไว้
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ประสบการณ์อันน่าสะพรึงกลัวอย่างหนึ่งของฉันคือ การถูกทหารที่ถือปืนไรเฟิลเฝ้าติดตามในสนามบินหาดใหญ่ ฉันเป็นผู้โดยสารคนสุดท้ายที่รับกระเป๋า ในความโง่เขลาของฉันนั้น ฉันได้วางกระเป๋าลงบนพื้นเพื่อตรวจสอบว่ามันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ไหม คุณเคยรู้ไหมว่าในอดีตนั้นสถานที่ต่างๆ ในหาดใหญ่เคยตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ซึ่งมักจะเป็นระเบิด และแน่นอนว่าการกระทำของฉันนั้นก็ถูกตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ในทันที ในขณะที่ฉันกำลังดูกระเปาะของฉันอยู่ ฉันก็เห็นภาพของบุคคลที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดทหารและถือปืนยาวสีดำ และนิ้วชี้ของเขาก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ไกปืนด้วย ฉันรู้สึกได้ว่าเขากำลังเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฉันอยู่ ฉันหยิบกระเป๋าขึ้นมาอย่างระมัดระวังและเดินไปที่ทางออกที่ใกล้ที่สุด ทหารเดินตามฉันมาอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งฉันก้าวขึ้นแท็กซี่และสั่งให้คนขับพาฉันไปที่โรงแรมในตัวเมือง ในตอนนั้นฉันรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของทหารมาก แต่ตอนนี้ฉันต้องขอยกย่องเขาสำหรับการอุทิศตนเพื่อความปลอดภัยของสาธารณะชน ทหารและครูจำนวนมากในภาคใต้ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องเสรีภาพของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจากภัยคุกคามจากการก่อการร้าย
ความคิดเห็นสุดท้ายนะคะ ผมรักประเทศไทย ประสบการณ์ส่วนใหญ่ของผมยังคงเป็นภาพที่ชัดเจนอยู่ในใจของผมเสมอมา และผมต้องขอบอกว่าการได้พบกับภรรยาของผมที่พัทยา แล้วได้แต่งงานกับเธอที่กรุงเทพในอีกสามปีต่อมาคือประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว
ที่มา: https://bit.ly/3GLzHX8