หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

“วราวุธ ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการค้า CARBON CREDIT เปิดโอกาสทางเศรษฐกิจและทางรอดใหม่ หลัง Covid-19 แนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว”

โพสท์โดย ธรรมชาติบำบัด

  

      ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักคำว่า คาร์บอนเครดิตก่อนว่าคืออะไร เพราะหลายๆ คนยังไม่ทราบ สำหรับคาร์บอนเครดิต คือ ศักยภาพในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออก จากชั้นบรรยากาศของโลก มาคำนวนเป็นค่าเครดิต ให้สามารถซื้อ-ขายได้ เหมือนเป็นสินค้าประเภทหนึ่ง โดยหนึ่งเครดิต เท่ากับการสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1 ตัน เพื่อขายให้กับประเทศพัฒนาแล้วประเทศอุตสาหกรรม หรือแม้แต่เอกชนบางราย โดยประเทศหรือหน่วยงานเหล่านี้จะซื้อ Carbon Credit ไป เพื่อใช้ขยายขอบเขตหรือชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเอง

สามารถอ่านกลไกการทำงาน ของคาร์บอนเครดิตอย่างละเอียด ได้อีกครั้ง ที่ลิงค์นี้

https://www.facebook.com/.../a.674770109.../1292863657831570

เพราะภาวะโลกร้อน เป็นภัยคุกคาม ที่มนุษยชาติกำลังเผชิญร่วมกัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นานาประเทศจึงมีเป้าหมายร่วมกันในการลดโลกร้อน ด้วยการร่วมกันลงนามใน อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) กำหนดพันธกรณีผูกพันต่อประเทศอุตสาหกรรมให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ผลของการกำหนดเป้าหมายนั้น ก่อให้เกิดกลไก Carbon Credit ที่บังคับให้ประเทศพัฒนาแล้ว หลายๆประเทศ โดยเฉพาะประเทศอุตสาหกรรม จำเป็นต้องลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในประเทศของตนเอง และถ้าไม่สามารถทำได้ ก็จะต้องนำเงินมาซื้อ คาร์บอนเครดิตจากตลาดกลาง ที่มีหน่วยงาน องค์กร และประเทศต่างๆที่มีคาร์บอนเครดิตคงเหลือนำมาขายนั่นเอง

โดยราคาของคาร์บอนเครดิตจะแปรผันขึ้นลงตามปัจจัยต่างๆ หากผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับก๊าซเรือนกระจกของปีนั้นเพิ่มขึ้นสูง ก็มีโอกาสที่ราคาของคาร์บอนเครดิตจะพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

จากรายงานของธนาคารโลก ได้ระบุว่าการซื้อขายคาร์บอนในตลาดโลก เมื่อปี พ.ศ.2562 มีมูลค่าสูงถึง 33,000 ล้านเหรียญสหรัฐ พุ่งสูงขึ้นถึง 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในระยะเวลาแค่ 2 ปี จากปี พ.ศ.2559 ที่มีมูลค่า 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะนี้ สหภาพยุโรป ได้ประกาศร่างกฏหมายและเตรียมบังคับใช้แล้ว เรียกว่า CBAM หรือ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน โดยมีหลักการคือ ผู้นำเข้าสินค้าจากนอกสหภาพยุโรป จะต้องซื้อ “ใบรับรองการปล่อยก๊าซคาร์บอน” หรือ “CBAM certificates” เป็นการจ่ายค่าธรรมเนียมจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตของสินค้านั้นๆ

โดยจะบังคับใช้เป็น 2 ระยะ คือ

  1. ระยะเปลี่ยนผ่าน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2566 – 31 ธ.ค. 2568 ให้ผู้นำเข้าสินค้า รายงานปริมาณการนำเข้าและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้าที่นำเข้าก่อน โดยยังไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม เพื่อบันทึกข้อมูล สถิติ
  2. บังคับใช้จริง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป ผู้นำเข้าสินค้า จะต้องทำรายงานประจำปี แจ้งจำนวนสินค้าที่นำเข้า และปริมาณการปล่อยคาร์บอนของสินค้าดังกล่าว ในช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมส่งให้หน่วยงานกำกับดูแลของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ภายในวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมคาร์บอนด้วย CBAM certificates

เบื้องต้น มาตรการ CBAM จะมีผลต่อสินค้านำเข้าบางประเภท ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง เช่น ซีเมนต์ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ปุ๋ย และไฟฟ้า แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้เปิดช่องให้สหภาพยุโรป มีอำนาจทบทวนกฎหมายดังกล่าวอีกครั้ง ในปี 2569 และอาจพิจารณาบังคับใช้ CBAM เพิ่มเติมกับสินค้าหรือบริการอื่นๆ ในห่วงโซ่อุปทานที่มีลักษณะซับซ้อนกว่า รวมทั้งอาจมีการพัฒนาเงื่อนไขที่มีความเข้มงวดมากขึ้น

นอกจาก สหภาพยุโรปแล้ว สหรัฐอเมริกา ก็กำลังศึกษามาตรการนี้ เพื่อพิจารณาบังคับใช้กับประเทศของตนเช่นกัน ดังนั้น ประเทศไทย ที่พึ่งพาการส่งออก เป็น 1 ในเครื่องจักรเศรษฐกิจสำคัญ ยังไงก็หลีกเลี่ยงการซื้อขาย คาร์บอนเครดิต ไม่พ้นแน่นอน

-โอกาศของไทยอยู่ตรงไหน 

อย่างที่กล่าวไปว่าอนาคต ภาคธุรกิจของไทย จะต้องมีการซื้อ-ขาย คาร์บอนเครดิต เพื่อนำไปขยายขอบเขต หรือชดเชยการสร้างก๊าซเรือนกระจกของตน และการซื้อขายนี้ จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่กับกลุ่มทุน หรือ บริษัทใหญ่ๆ แต่ยังสามารถกระจายโอกาสลงได้ถึงระดับชุมชน และ ครัวเรือน โดยการคำนวนค่าคาร์บอนเครดิต จากต้นไม้ทุกต้นที่ปลูก ป่าทุกผืนที่เรากำลังเร่งขยาย ทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย ผ่านกลไก ป่าชุมชน ที่มีมากกว่า 10,000 แห่ง ในปัจจุบัน และจะเดินหน้าขยายเพิ่มจำนวนอีกเรื่อยๆ ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติการเพิ่มพื้นที่ป่า จาก 32% ให้เป็น 55% ของพื้นที่ประเทศ

รวมถึงการนำเทคโนโลยีการเกษตร เข้ามาปรับปรุงระบบเกษตรกรรม เรือกสวนไร่นา ให้ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก จนมีคาร์บอนเครดิตส่วนเกิน อนาคตเกษตรกรไทย นอกจากมีรายได้จากผลผลิตของตนแล้ว ก็อาจจะยังมีคาร์บอนเครดิต จากพื้นที่เกษตรของตน มาขายในตลาดได้อีกทางนึงด้วย

ปัจจุบัน เรามี องค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก ภายใต้สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการคำนวนคาร์บอนเครดิต และเปิดตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต โดยขณะนี้ มีองค์กรชั้นนำของประเทศที่มีการตั้งเป้าหมาย Net Zero แล้วถึง 23 องค์กร ที่เข้ามาซื้อขายคาร์บอนเครดิตด้วยความสมัครใจ เพื่อเตรียมรับข้อกฏหมายที่จะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้

หากท่านที่สนใจ สามารถเข้าไปซื้อ ขาย ได้ตามลิงค์นี้เลย http://carbonmarket.tgo.or.th

-ความคืบหน้าของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมประชุมหารือ แนวทางยกระดับตลาดคาร์บอนสู่ระดับสากล ร่วมกับคณะกรรมการบอร์ด องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก การประชุมหารือในครั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบถึงผลสรุป COP26 กฎกติกาการดำเนินงานตาม Article 6 ภายใต้ความตกลงปารีส และการเตรียมความพร้อมแผนการพัฒนามาตรฐาน T-VER สู่ระดับสากล กลไกการรับรองภาคป่าไม้ระดับสากล การพัฒนา Thailand Voluntary Carbon Market Development และ แผนการปรับปรุงระบบ Registry ของประเทศไทย โดยได้พิจารณาถึงแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจก และการสร้างความน่าเชื่อถือในกระบวนการลดก๊าซเรือนกระจก ด้วยการใช้กลไกการตลาด ที่มุ่งเน้นตลาดภายในประเทศ และการส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบัน มีองค์กรชั้นนำของประเทศที่มีการตั้งเป้าหมาย Net Zero แล้วถึง 23 องค์กร

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำร่างกฎระเบียบในการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตของประเทศไทยให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเร่งพัฒนาระบบ Registry สู่ระดับสากล ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รวมทั้งเร่งจัดทำแผนการสื่อสารเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศต่อไป

ขอบคุณที่มา        

#TopVarawut #MNRE #พรรคชาติไทยพัฒนา #NetZeroEmission #COP26

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ธรรมชาติบำบัด's profile


โพสท์โดย: ธรรมชาติบำบัด
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: หลานป้าพริก, ธรรมชาติบำบัด
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทยพืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่าแบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปีพบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯสภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนายเปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"ไวรัลอีกครั้ง! “I Promise I Will Comeback” รีรันคืนจอตำรวจแยกสอบ 2 เคส! “เวย์ ไทเทเนี่ยม” ถูกเหยื่อแจ้งความฉ้อโกง อ้างชื่อนักธุรกิจดังตุ๋นลงทุนหุ้นทิพย์ สูญกว่า 50 ล้านตร.เผย เวย์ ไทเทเนี่ยม ใช้ชื่อนักธุรกิจดังหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงิน 50 ล้าน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด มือถือ Gadget เทคโนโลยี
PixNapping ภัยคุกคามใหม่สำหรับ Android ที่ 'ลึก' กว่าเดิม ขโมยข้อมูลได้แม้กระทั่งในอดีต!X Processor 5 ในร่างเล็ก พลัง AF และ Video ที่มาพร้อมกับ Fujifilm X-T30 IIIหลุดพ้นจากภาระ Fujifilm XF 23mm F2.8 R WR เลนส์ที่เบาจนคุณแทบไม่รู้สึกว่าพกอยู่ฟีเจอร์ใหม่จาก LINE ยกเลิกข้อความแบบเนียน ๆ ไม่ส่งแจ้งเตือนถึงอีกฝั่ง .
ตั้งกระทู้ใหม่