พกเงินบ้าง!!อย่าเสี่ยงใช้ชีวิต"สังคมไร้เงินสด 100%"
สังคมไร้เงินสด คำนี้เป็นคำที่บัญญัติขึ้นใหม่ ในสังคมเมืองไทย แต่ต่างประเทศก็คงมีกันหลายประเทศแล้ว
สังคมไร้เงินสดคนไทยพึ่งมาคุ้นชินกัน ตอนสมัย ที่มีโครงการ คนละครึ่ง ใช้กันใน สังคมทุกชนชั้น ที่ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลผ่านคนละครึ่งแอปกระเป๋าตังค์
ซึ่งในช่วงแรก หลายคนยัง ไม่คุ้นชิน อาจจะไม่อยากจะ ใช้ เพราะมันยุ่งยาก
แต่พอจำเป็นต้องใช้ เริ่มที่จะเคยชิน และเริ่มรู้ถึงความสะดวกสบาย ของการใช้ เทคโนโลยี ในการจ่ายเงิน แก้สแกน QR Code ก็เสร็จสิ้นไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหาเงินและรอรับเงินทอน
》》》》 จนเป็นเทรน ใครใช้เงินสด ถือว่าเชย
จนมี บางคนแซวว่า ยุคนี้สังคมไร้เงินสดแล้วนะ
แต่เหรียญมันมีสองด้านเสมอ
ข้อดีคือ
สะดวก รวดเร็ว ในการจับจ่าย
และปลอดภัย จากการ โดนขโมยล้วงกระเป๋า หรือ ทำเงินตก นั่นเอง
ลดการสัมผัสเงินลดการติดเชื้อ โรคต่างๆ ที่มากับเงิน เพราะเงิน 1 ใบผ่านมาหลายมือกว่าจะถึงเรา นะครับ เพราะต่างคนต่างอาชีพเราไม่รู้ว่าแต่ละคนสัมผัสเชื้ออะไรมาบ้างและเมื่อสัมผัสเงินก็เชื้อโรคก็จะติดมากับเงินนั่นเอง
เคยมีเรื่องเล่า ถึง เงิน 1 ใบ แต่ มีเจ้าของ ถึง 2 คน ที่มาอ้างว่าเงินนั้นเป็นของตนเอง ซึ่งสองคนนี้ มีอาชีพต่างกัน สมมุติว่า คนหนึ่ง ขาย หน้ากากอนามัย อีกคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งขายลูกชิ้นทอด ซึ่งอยู่ร้าน ใกล้ๆกับที่เงินตก แล้วมีคนพบเจอ ต่างคนก็ต่างห้างว่าเงินนั้นเป็นของตนเอง
จนร้อนถึงคนที่ต้องมาพิสูจน์ว่าเงินนี้เป็นของใคร
การพิสูจน์ก็คือ สำรวจ คราบ ต่างๆเป็นเงิน
ซึ่งคนพิสูจน์ก็ตัดสินให้ เงินนั้นเป็นคนของ คนขาย ลูกชิ้น เพราะมีคราบน้ำมันติดอยู่บนเงินนั่นเอง
ข้อที่เรามองข้าม ไม่เรียกว่าข้อเสียแล้วกันเนาะ เพราะมัน ไม่ได้เป็นก็เสียอะไรขนาดนั้น
การที่เราอินกับสังคมไร้เงินสด จนเราไม่พกเงินสดติดตัวเลย บางครั้งเวลาจำเป็นที่ต้องใช้เงินสด เพราะ ร้านที่เราจะซื้อหรือสิ่งที่เราอยากได้ ไม่มีการสแกนจ่าย ต้องใช้เงินสดอย่างเดียว
หรือใช้บริการตู้หยอดเหรียญ ค่าโดยสารรถเมล์ สองแถว...
อย่างที่คนโบราณว่า
"พกเงินติดตัวบ้างเวลาออกจากบ้าน เผื่อใครขายช้างตัวละบาท"
ขอบคุณข้อมูลภาพ