จัดฟันโลหะ จัดฟันแบบเหล็ก ราคาเท่าไหร่ เตรียมตัวยังไงดี?
เคยไหม? ไม่กล้ายิ้มเห็นฟันเวลาถ่ายรูป รู้สึกว่าฟันไม่ค่อยสวย ไม่มั่นใจ แถมยังชอบมีปัญหาสุขภาพช่องปากตามมากวนใจอยู่ตลอด เพราะฟันเรียงตัวไม่เหมาะสม เลยทำให้ส่วนอื่นๆได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดภาวะฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง การสบฟันไม่ดี และอื่นๆ อีกมากมาย
ปัญหานี้สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ เพียงแค่คุณ “จัดฟันแบบโลหะ” เพราะการจัดฟันแบบโลหะนั้น เป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ไม่เพียงแต่จะช่วยในเรื่องปัญหาการเรียงตัวของฟันเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้คุณสนุกไปกับสีสันของยางตามกระแสแฟชั่นได้อีกด้วย ฉะนั้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการจัดฟันแบบโลหะ ว่าคืออะไร ดีจริงไหม ราคาเท่าไหร่ เจ็บรึเปล่า และอีกสารพัดข้อมูลที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ ถูกรวมไว้แล้วที่นี่ ไปดูพร้อมๆ กันเลย
จัดฟันแบบโลหะ จัดฟันยอดนิยมตลอดกาล
การจัดฟันแบบโลหะ (Metal Braces) หรือที่เรียกกันในชื่อว่า จัดฟันแบบเหล็ก จัดฟันยางสี เป็นหนึ่งในทันตกรรมการจัดฟัน ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องการเรียงตัวของฟันที่ไม่เหมาะสม เช่น ฟันเก ฟันซ้อน ฟันห่าง ปัญหาการสบฟัน ความสัมพันธ์ของขากรรไกรฟัน เป็นต้น และยังสามารถช่วยปรับให้รูปหน้าสมส่วนมากขึ้น อีกทั้งจัดฟันโลหะ เป็นการจัดฟันที่ราคาค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับการจัดฟันในรูปแบบอื่นๆ วิธีการจัดฟันโลหะ คือ ทันตแพทย์จะทำการจัดฟัน โดยการใช้เครื่องมือแบบโลหะ (Bracket) ติดไว้ที่บริเวณผิวหน้าฟันของผู้รับบริการ จากนั้นจะนำลวดรอยเข้าไปในเครื่องมือแบบโลหะและใช้ยางโอริง (O-ring) ที่มีสีสันสวยงามตามที่ผู้รับบริการเลือก รัดระหว่างเครื่องมือการจัดฟันแบบโลหะกับลวดจัดฟัน เพื่อให้ฟันมีการเคลื่อนตัวอย่างเหมาะสมและตรงกับตำแหน่งที่ทันตแพทย์คำนวณไว้ ซึ่งวิธีการนี้จะต้องทำการเข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรับเครื่องมือและติดตามผลในทุกๆเดือน
จัดฟันโลหะแตกต่างกับจัดฟันแบบอื่นอย่างไร
การจัดฟันโลหะมีความแตกต่างกับการจัดฟันรูปแบบอื่นๆ ในแง่ต่างๆ ดังต่อไปนี้
- เครื่องมือและวัสดุ
การจัดฟันแบบโลหะ จะใช้เครื่องมือที่เป็นโลหะ มีการใส่ลวด และใส่ยางที่มีสีสัน แตกต่างจากการจัดฟันประเภทอื่น เช่น
- การจัดฟันแบบเซรามิก จะมีรูปแบบการจัดฟันที่คล้ายคลึงกับการจัดฟันแบบโลหะ เพียงแต่เครื่องมือที่ใช้ในการติดบริเวณผิวหน้าฟันจะมีสีที่ลักษณะใกล้เคียงกับฟัน
- การจัดฟันแบบดามอน เป็นการจัดฟันที่ไม่ต้องใส่ยางที่รัดอยู่ระหว่างเครื่องมือจัดฟันกับลวดจัดฟัน เนื่องจากการจัดฟันรูปแบบนี้จะมีเครื่องมือการจัดฟันเป็นแบบบานพับและใช้ลวดพิเศษในการดึงฟันให้เรียงตัวในตำแหน่งที่ถูกต้อง
- การจัดฟันแบบใส จะไม่มีการติดเครื่องมือหรือลวดจัดฟันไว้ที่บริเวณผิวฟัน แต่จะทำเครื่องมือจัดฟันเฉพาะบุคคล เป็นลักษณะพลาสติกที่มีความใส ผิวเรียบ มาให้ผู้รับบริการสวมใส่แทน
- การทำความสะอาด
เนื่องจากการจัดฟันแบบโลหะไม่สามารถถอดเครื่องมือออกได้ จึงทำให้การทำความสะอาดภายในช่องปาก ค่อนข้างยากกว่าและต้องพิถีพิถันมากกว่าเครื่องมือที่สามารถถอดเข้าออกได้ เช่น การจัดฟันแบบใส
- ค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน
การจัดฟันแบบโลหะ จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างถูกที่สุด เมื่อเทียบกับการจัดฟันรูปแบบอื่นๆดังข้างต้น จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการจัดฟันแต่มีงบจำกัด หรือคนที่ชื่นชอบกระแสแฟชั่นมากกว่ารูปแบบการจัดฟันอื่นๆ
- ระยะเวลาในการจัดฟัน
ในความเป็นจริงแล้ว ระยะเวลาในการจัดฟันของแต่ละบุคคลจะมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับโครงสร้างการเรียงตัวของฟัน ปัญหาฟัน และรูปแบบที่ใช้ในการจัดฟันด้วย โดยสามารถประมาณระยะเวลาของแต่ละรูปแบบการจัดฟันได้ ดังนี้
- การจัดฟันแบบโลหะ และการจัดฟันแบบเซรามิก จะใช้ระยะเวลาในการจัดฟันประมาณ 1-3 ปี
- การจัดฟันแบบดามอน ใช้ระยะเวลาประมาณ 10 เดือน - 3 ปี
- การจัดฟันแบบใส ใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน - 2 ปี
ข้อดีของการจัดฟันแบบโลหะ
ข้อดีในการจัดฟันแบบโลหะ มีดังต่อไปนี้
- จัดฟันแบบโลหะ สามารถแก้ปัญหาในเรื่องการเรียงตัวของฟันที่ไม่เหมาะสม เช่น ฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง ฯลฯ และปัญหาความผิดปกติที่มีความซับซ้อน ให้กลับมาเรียงตัวได้อย่างสวยงามและมีตำแหน่งที่ถูกต้องได้
- ทำให้ผู้รับบริการมีความมั่นใจในรอยยิ้มมากยิ่งขึ้น มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น และมีโครงสร้างใบหน้าที่สมส่วนมากยิ่งขึ้น
- เมื่อฟันเรียงตัวในตำแหน่งที่ถูกต้อง จะทำให้สุขภาพภายในช่องปากดีขึ้น เนื่องจากสามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ปัญหากลิ่นปากจึงลดลงด้วยเช่นกัน
- จัดฟันโลหะ จะทำให้ฟันมีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารดียิ่งขึ้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกระแสแฟชั่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถเลือกสีสันของยางได้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนสียางได้ในทุกๆเดือน
- ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันแบบโลหะค่อนข้างถูกกว่าการจัดฟันรูปแบบอื่นๆ
ข้อจำกัดของการจัดฟันแบบโลหะ
ข้อจำกัดในการจัดฟันแบบโลหะ มีดังต่อไปนี้
- อาจมีอาการตึง หรือเจ็บปากในระยะเวลาที่มีการจัดฟันโลหะได้ เนื่องจากเครื่องมือการจัดฟันจะมีแรงดึงที่ทำให้ฟันเคลื่อนเข้าตำแหน่งที่ถูกต้อง
- ผู้รับบริการบางคนอาจเกิดแผลด้านในช่องปาก เนื่องจากมีโอกาสที่เครื่องมือการจัดฟันจะเกี่ยวหรือทำให้ระคายเคืองได้
- ในระยะที่มีการจัดฟัน อาจทำให้การทำความสะอาดฟันค่อนข้างยาก เนื่องจากเครื่องมือจัดฟันโลหะ ไม่สามารถถอดออกได้ด้วยตนเอง จึงทำให้ผู้รับบริการต้องระมัดระวังเรื่องของฟันผุและกลิ่นปากเป็นพิเศษ
- จัดฟันแบบโลหะ จำเป็นต้องมีเวลาในการเข้าพบทันตแพทย์ทุกเดือนหรือทุกครั้งที่นัด เนื่องจากการปรับเครื่องมือการจัดฟันและการติดตามผลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
- การจัดฟันโลหะ ใช้ระยะเวลาในการจัดฟัน 1-3 ปี ซึ่งค่อนข้างนาน
- หลังจากที่การจัดฟันเสร็จสิ้น ผู้รับบริการต้องใส่รีเทนเนอร์เป็นประจำ เพื่อคงสภาพการเรียงตัวของฟันไว้
การเตรียมตัวก่อนจัดฟันแบบโลหะ
สำหรับใครที่ไม่เคยทำการจัดฟันมาก่อน ไม่ต้องกังวล บทความนี้มีวิธีการเตรียมตัวก่อนจัดฟันแบบโลหะอย่างละเอียดมาแนะนำ ดังนี้
- หากคุณค้นพบแล้วว่าตนเองอยากจัดฟันโลหะ ให้คุณค้นหาข้อมูลให้มากที่สุด เกี่ยวกับรูปแบบ วิธีการทำ ข้อดี ข้อจำกัด ค่าใช้จ่าย ฯลฯ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าตนเองตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
- จากนั้นทำการเลือกสถานที่ทางทันตกรรม ไม่ว่าจะโรงพยาบาลหรือคลินิกทางทันตกรรมที่คุณสนใจ โดยต้องคำนึงถึง ความสะดวกในการเดินทาง ความน่าเชื่อถือ ความเป็นมาตรฐาน และสถานที่ที่คุณเลือกจะต้องมีใบอนุญาตในการประกอบกิจการอย่างถูกต้อง ทันตแพทย์จะต้องมีใบประกอบวิชาชีพทางทันตกรรมอีกด้วย
- เมื่อเลือกสถานที่ได้แล้ว คุณควรเตรียมพร้อมถึงค่าใช้จ่าย และเวลาว่างที่สะดวกไปพบทันตแพทย์
- ทำการเข้าพบทันตแพทย์ บอกถึงความต้องการและปรึกษาในเรื่องของการจัดฟัน เพื่อที่ทันตแพทย์จะนำข้อมูลเหล่านั้นไปวางแผนการรักษาของแต่ละบุคคล
- ทันตแพทย์จะทำตรวจวินิจฉัยสุขภาพภายในช่องปาก เพื่อตรวจดูว่ามีปัญหาใดที่ต้องทำการรักษาก่อนจัดฟันหรือไม่ โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การพิมพ์ฟัน การถ่ายรูปภายในช่องปาก เข้าเอ็กซเรย์ประเมินโครงสร้างใบหน้า และทำการเช็คฟันผุภายในช่องปาก
- หากพบปัญหาภายในช่องปาก ทันตแพทย์จะทำการรักษาก่อนจัดฟัน แต่ถ้าหากไม่พบความผิดปกติหรือปัญหาใดๆ ในวันที่จะติดเครื่องมือจัดฟัน ทันตแพทย์จะทำทันตกรรมทั่วไป เพื่อเคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อย
- การเคลียร์ช่องปาก เช่น ขูดหินปูน ถอนฟัน อุดฟัน ผ่าฟันคุด ฯลฯ จากนั้นทันตแพทย์จึงจะทำการติดเครื่องมือการจัดฟัน และเข้าสู่วิธีการจัดฟันโลหะต่อไป
ขั้นตอนในการจัดฟันแบบโลหะ
โดยปกติแล้ว ทางโรงพยาบาลหรือทางคลินิกทันตกรรม จะมีขั้นตอนในการจัดฟันแบบโลหะ ดังนี้
- เมื่อผู้รับบริการเข้าพบทันตแพทย์ จะได้ทำประวัติทางทันตกรรม และตรวจวินิจฉัยโครงสร้างฟันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ฟัน ถ่ายรูปภายในช่องปาก เอ็กซเรย์ประเมินโครงสร้างใบหน้าและเช็คฟันผุภายในช่องปาก เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปวางแผนการรักษาแต่ละรายบุคคล
- หากทันตแพทย์ตรวจแล้วไม่พบปัญหาใดๆที่ต้องรักษาก่อนจัดฟันโลหะ จึงจะทำการเคลียร์ช่องปาก ด้วยการขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน หรือผ่าฟันคุด เป็นต้น
- จากนั้นจะเข้าสู่การติดเครื่องมือการจัดฟันแบบโลหะ โดยเริ่มจากการขัดฟัน ทันตแพทย์จะนำหัวขัดแปรงยางมาขัดเพื่อเตรียมผิวฟันให้สามารถติดเครื่องมือการจัดฟันได้
- เมื่อขัดฟันเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะทำการกั้นน้ำลาย ทากรดกัดฟันในบริเวณที่จะติดเครื่องมือ เพื่อให้ผิวฟันมีความขรุขระเล็กน้อย ทิ้งไว้ประมาณอย่างน้อย 15 วินาที แล้วทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด และใช้ลมเป่าฟันให้แห้งสนิท
- ต่อมา จะทาน้ำยาที่ทำหน้าที่เชื่อมระหว่างเครื่องมือจัดฟันและผิวฟัน ซึ่งผู้ช่วยทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือฉายแสงเพื่อให้น้ำยาแข็งตัว และจะจับเครื่องมือโลหะ(Bracket)ทาน้ำยาเชื่อมส่งให้ทันตแพทย์นำไปติดบนผิวฟันในตำแหน่งที่ต้องการ แล้วทำการฉายแสงซ้ำอีกครั้ง
- จากนั้น เมื่อติดเครื่องมือโลหะ (Bracket) เรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะใส่ลวดที่นิ่มที่สุดให้ในระยะแรกเริ่ม เพื่อให้ผู้รับบริการเจ็บปวดน้อยลง และให้เวลาในการปรับตัวกับเครื่องมือการจัดฟัน
- ทันตแพทย์จะทำการนัดวันและเวลา เพื่อให้ผู้รับบริการเข้ามาปรับเครื่องมือจัดฟัน เปลี่ยนยางโอริง (O-ring) และทำการติดตามผลลัพธ์เป็นระยะ
- เมื่อทำการจัดฟันเสร็จสิ้นแล้ว ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือการจัดฟัน และพิมพ์ฟันอีกครั้ง ทำรีเทนเนอร์ไว้ใส่สำหรับคงสภาพฟัน ซึ่งจำเป็นต้องใส่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันล้มหรือฟันเคลื่อนกลับไปยังตำแหน่งเดิม
- ถึงแม้ว่าจะจัดฟันเสร็จสิ้นแล้ว ผู้รับบริการควรตรวจสุขภาพช่องปากและฟันประจำปีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดี และลดความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้
ระยะเวลาในการจัดฟันแบบโลหะ
โดยปกติแล้ว การจัดฟันโลหะ (Metal Braces) จะใช้ระยะเวลาในการจัดฟันอยู่ที่ประมาณ 1-3 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพฟัน โครงสร้างฟัน รวมไปจนถึงระยะเวลาในการที่ฟันเคลื่อนตัวเข้าสู่ตำแหน่งที่ต้องการของแต่ละคนด้วย ระหว่างที่ทำการจัดฟัน ทันตแพทย์จะนัดวันและเวลาให้เข้ามาพบ เพื่อปรับเครื่องมือการจัดฟันและเปลี่ยนยางโอริง (O-ring)ให้เหมาะสมกับแต่ละขั้นตอนของการเคลื่อนฟัน อีกทั้งยังเป็นการติดตามผลเป็นระยะด้วย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนัดพบทันตแพทย์ทุกๆเดือน หรือ 4-6 สัปดาห์
การดูแลรักษาความสะอาดระหว่างจัดฟันแบบโลหะ
เมื่อเราทำการจัดฟันโลหะ สิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คือวิธีการดูแลและรักษาความสะอาดภายในช่องปาก ดังนั้นสิ่งที่ควรปฏิบัติในระหว่างการจัดฟันและหลังการจัดฟัน ได้แก่
- เข้าพบทันตแพทย์ตามการนัดหมายที่ได้กำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับเครื่องมือ เปลี่ยนยางโอริง(O-ring)และติดตามผลลัพธ์ที่ได้ในแต่ละเดือน เพราะหากไม่ไปตามการนัดหมาย อาจเกิดเหตุที่ฟันเคลื่อนไม่ถูกตำแหน่งและทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการจัดฟันเพิ่มขึ้นไปอีก
- ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีลักษณะนิ่มๆ เคี้ยวได้ง่าย หลีกเลี่ยงอาหารที่เหนียว แข็ง เพื่อลดอาการปวดฟันในช่วงเริ่มแรกที่มีการจัดฟัน และยังช่วยป้องกันให้เครื่องมือการจัดฟันไม่หลุดอีกด้วย
- ใช้แปรงสีฟันสำหรับบุคคลจัดฟันโดยเฉพาะ จะช่วยให้สามารถทำความสะอาดบริเวณเครื่องมือจัดฟันได้อย่างทั่วถึง และใช้ไหมขัดฟัน ทำความสะอาดบริเวณที่เข้าถึงได้ยาก
- ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกๆครั้งหลังมื้ออาหาร
- ควรใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารฟลูออไรด์ เพื่อช่วยป้องกันปัญหาฟันผุ
- หากจัดฟันเสร็จสิ้นแล้ว ควรใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อป้องกันปัญหาฟันเคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง
- ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน รวมไปจนถึงการขูดหินปูน ทุก 6 เดือน
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แน่นอนว่า การจัดฟันเป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างฟัน ดังนั้นจึงทำให้การเปลี่ยนแปลงต่างๆเหล่านี้ มีผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาด้วย ดังต่อไปนี้
- ช่วงระยะเวลาที่มีการเปลี่ยนเครื่องมือการจัดฟันหรือช่วงที่ฟันมีการเคลื่อนตัว จะทำให้ผู้รับบริการมีอาการตึงบริเวณปาก หรือปวดฟันได้ ซึ่งหากปวดฟันอย่างมาก สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดฟันได้
- ช่วงแรกที่ทำการจัดฟันโลหะ อาจทำให้ผู้รับบริการพูดไม่ชัด เพราะยังไม่คุ้นชินกับการออกเสียงทั้งๆที่มีเครื่องมือจัดฟันอยู่ภายในปาก ซึ่งอาการนี้สามารถหายเองได้ เมื่อมีการปรับตัวให้คุ้นชินได้แล้ว
- เครื่องมือการจัดฟัน อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องปากเล็กน้อย แต่ในบางราย อาจเกิดแผลขึ้นในช่องปาก ไม่ว่าจะมาจากการที่เครื่องมือไปเกี่ยวโดนบริเวณรอบๆ หรือเกิดการเสียดสีก็ตาม ดังนั้นทันตแพทย์จึงช่วยเหลือโดยการให้ขี้ผึ้งมาทาบริเวณเครื่องมือจัดฟัน เพื่อลดความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
- การทานอาหารยากขึ้น เนื่องจากจำเป็นต้องคอยเลือกอาหารที่เหมาะสำหรับคนจัดฟันทาน เพื่อป้องกันเครื่องมือการจัดฟันชำรุด หรือหลุดระหว่างรับประทานการจัดฟัน จึงทำให้ผู้ที่ทำการจัดฟัน ไม่สามารถรับประทานได้ตามความต้องการของตนเองมากนัก
- การจัดฟันโลหะอาจทำให้การทำความสะอาดภายในช่องฟันยากมากขึ้น ซึ่งถ้าหากทำความสะอาดได้ไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดการฟันผุได้ง่าย มีปัญหากลิ่นปาก หรือปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น คือ การเกิดโรคปริทันต์อักเสบหรือโรคเหงือกอักเสบนั่นเอง
- หลังจากที่ทำการจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากไม่ใส่รีเทนเนอร์ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ จะทำให้ฟันมีโอกาสล้ม หรือเคลื่อนตัวจนผิดตำแหน่งได้
ค่าใช้จ่าย จัดฟันแบบโลหะ ราคาเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันแบบโลหะ แต่ละสถานที่ทางทันตกรรมอาจจะมีราคาไม่เท่ากัน ซึ่งปกติการจัดฟันโลหะจะมีราคาที่ไม่แพงเท่าการจัดฟันรูปแบบอื่นๆ โดยส่วนใหญ่แล้ว ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 40,000-60,000 บาท และในหลายๆแห่งจะมีระบบผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละประมาณ 1,500-3,000 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแห่ง อีกส่วนหนึ่งที่มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน คือการทำรีเทนเนอร์หลังจากจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ค่าใช้จ่ายในการทำรีเทนเนอร์เพื่อคงสภาพฟัน จะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการทำรีเทนเนอร์ และสถานที่ที่จัดทำ ซึ่งสามารถประมาณค่าใช้จ่ายได้ ดังนี้
- รีเทนเนอร์แบบลวด ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ชิ้นละประมาณ 1,500-3,500 บาท
- รีเทนเนอร์แบบใส ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ชิ้นละประมาณ 2,000-6,000 บาท ซึ่งหากเป็นรีเทนเนอร์ใสแบบที่มีแบรนด์ ราคาอาจอยู่ที่ประมาณหลักหมื่นบาท
จัดฟันแบบโลหะเจ็บไหม
“จัดฟันแบบโลหะเจ็บไหม?” เป็นประเด็นที่ใครหลายๆคนมักจะสงสัยกันมากที่สุด ซึ่งจะขอตอบไว้ตรงนี้เลยว่า โดยปกติแล้ว การจัดฟันเป็นการใช้เครื่องมือทางทันตกรรมเข้ามาช่วยเป็นแรงดึงให้ฟันเคลื่อนที่เข้าสู่ตำแหน่งที่เหมาะสม ดังนั้นจึงมีอาการตึงๆบริเวณปาก และมีอาการเจ็บในระยะที่เพิ่งเริ่มทำการจัดฟัน ช่วงที่มีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือการจัดฟัน หรือช่วงที่ฟันมีการเคลื่อนตัว
แต่แน่นอนว่าอาการจะไม่คงอยู่ตลอดไป อาการปวดมักจะดีขึ้นภายใน 3-5 วัน ซึ่งในระยะเวลาที่มีอาการปวด ผู้รับบริการสามารถรับประทานยาแก้ปวดร่วมด้วย เพื่อบรรเทาอาการปวดได้ และขอแนะนำว่า ในช่วงระยะเวลาที่มีอาการปวด ให้เลือกรับประทานอาหารที่อ่อนนุ่ม จะสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง
หากบุคคลใดมีอาการเจ็บเนื่องจากเครื่องมือการจัดฟันเกี่ยวหรือเสียดสีภายในปาก ขอแนะนำว่าให้ทำการทาขี้ผึ้งลงบนเครื่องมือการจัดฟันบริเวณที่มักมีการเสียดสี ก็จะสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บหรือระคายเคืองอันเนื่องมาจากเครื่องมือการจัดฟันได้นั่นเอง
ข้อสรุป ‘การจัดฟันแบบโลหะ’
การจัดฟันแบบโลหะ เป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาการเรียงตัวของฟันในรายที่มีความซับซ้อน ให้ฟันกลับมาเรียงตัวได้อย่างถูกต้อง ทำให้บุคคลที่ทำการจัดฟัน รู้สึกมั่นใจในรอยยิ้มของตนเองเพิ่มมากขึ้น สามารถตามกระแสแฟชั่นได้จากการเปลี่ยนยางที่มีสีสันหลากหลาย อีกทั้งยังเป็นรูปแบบการจัดฟันที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างถูกที่สุด เมื่อเทียบกับรูปแบบการจัดฟันอื่นๆ
แต่อย่างไรก็ดี ก่อนเลือกทำการจัดฟัน ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ และควรให้ความสำคัญกับการเลือกสถานที่ทางทันตกรรมที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ มีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการจัดฟัน เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการจัดฟันผิดพลาดได้ และในขณะเดียวกัน ควรดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างสม่ำเสมอ เข้าพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อผลลัพธ์การจัดฟันจะได้ออกมาตามแบบที่คุณต้องการ