ลมหวนอดีต!!พระตำหนักดาราภิรมย์
ที่ประทับในพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ตอน พระตำหนักดาราภิรมย์
ภายหลังที่พระราชชายาเจ้าดารารัศมีเสด็จกลับเชียงใหม่และประทับอยู่ที่คุ้มท่าเจดีย์กิ่วเป็นระยะเวลาพอสมควร พระราชชายาเจ้าดารารัศมี
เริ่มมีพระชนมายุที่มากขึ้น โปรดความสงบ และสนพระทัยในการเกษตร
จึงหาที่ดินเพื่อสร้างพระตำหนักส่วนพระองค์ขึ้น และได้ซื้อที่ดินแถวด้านหลังที่ว่าการอำเภอแม่ริม สร้างเป็นพระตำหนักดาราภิรมย์ในปี พ.ศ. 2470-2472
พระตำหนักดาราภิรมย์เป็นพระตำหนักที่มีการออกแบบ การวางทิศทางของห้อง
ทิศทางของลมและแสงด้วยตัวพระองค์เอง ซึ่งพระองค์เคยตรัสว่า
"ที่นี่คือบ้านของพระองค์อย่างแท้จริง"
พระองค์ใช้ชีวิตอยู่ที่พระตำหนักดาราภิรมย์แห่งนี้ได้เพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น
ต่อมาพระอาการประชวรด้วยโรคพระปัปผาสะก็ได้กำเริบขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
จึงทำให้ต้องมีแพทย์คอยดูแลพระอาการตลอดเวลา และเพื่อความสะดวกต่อการรักษาพระอาการประชวร ทางพระประยูรญาติจึงได้ทูลเชิญพระราชชายาฯ
ไปประทับที่คุ้มรินแก้ว ปัจจุบันพระตำหนักดาราภิรมย์ ได้ทำการบูรณะและเปิดเป็น พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ ในความดูแลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เจ้าดารารัศมีประสูติ เมื่อวันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2416
ณ คุ้มหลวง กลางนครเชียงใหม่ เป็นพระธิดาในพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่และแม่เจ้าทิพเกสร (เทพไกรสร) ทรงได้รับการศึกษาจากพระชนกชนนีในเรื่องอักษรไทยเหนือและใต้เช่นเดียวกับกุลบุตรกุลธิดาในสมัยนั้น
เมื่อเจ้าดารารัศมีทรงเจริญชันษาได้ 11 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณราโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าอินทวิชยานนท์จัดพิธีโสกันต์ พร้อมกับพระราชทานเครื่องโสกันต์ระดับเจ้าฟ้าให้เจ้าดารารัศมีทรงในพิธีอีกด้วย
เมื่อเจ้าดารารัศมีได้ตามเสด็จพระบิดาซึ่งเสด็จมาร่วมงานพระราชพิธีลงสรงและเฉลิมพระนามสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศสยามมงกุฎราชกุมาร
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าดารารัศมีถวายตัวเข้ารับราชการฝ่ายในในฐานะเจ้าจอม เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2429 เจ้าดารารัศมีมีพระราชธิดาพระนามว่า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสี แต่ทรงเจริญพระชันษาเพียง 3 ปีเศษ ก็ประชวรสิ้นพระชนม์
ภายหลังจากพระเจ้าอินทวิชยานนท์พระบิดาถึงแก่พิราลัย เมื่อปี พ.ศ. 2440 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2451 เจ้าจอมมารดารัศมีมีพระประสงค์จะเสด็จกลับไปเยี่ยมพระประยูรญาติและเพื่อถวายความเคารพพระอัฐิพระบิดาที่ถึงแก่พิราลัยจึงกราบบังคมทูลลากลับ พร้อมกับเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์
พระเชษฐาผู้เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 8 ซึ่งเสด็จลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่กรุงเทพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต อีกทั้งยังโปรดเกล้าฯ จัดงานพระราชพิธีสถาปนาพระอิสริยยศเจ้าดารารัศมีจากเจ้าจอมมารดาขึ้นเป็น “พระราชชายาเจ้าดารารัศมี” (อ้างอิง:หนังสือสายใยรักสองแผ่นดิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) แต่หลังจากที่พระราชชายาฯ เสด็จกลับจากเชียงใหม่ได้เพียง 10 เดือน ก็ต้องทรงประสบความเศร้าโศกอันยิ่งใหญ่ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เถลิงถวัลยราชสมบัติสืบต่อมา พระราชชายาเจ้าดารารัศมียังคงประทับ ณ พระตำหนักสวนฝรั่งกังไส พระราชวังดุสิต จนกระทั่งปีพ.ศ. 2457 จึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเสด็จกลับนครเชียงใหม่ พระราชชายาเจ้าดารัศมีทรงดำรงพระชนม์ชีพอย่างสงบสุข ณ พระตำหนักดาราภิรมย์ อยู่หลายปีจนสิ้นพระชนม์ด้วยโรคปัปผาสะพิการ (โรคปอด) เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476 ณ คุ้มรินแก้ว รวมสิริพระชันษาได้ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานพระศพเป็นงานพิธีหลวง พระอัฐิส่วนหนึ่งบรรจุไว้ที่กู่วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ อีกส่วนหนึ่งอัญเชิญไปบรรจุไว้ ณ สุสานหลวง วัดราชพิธสถิตมหาสีมาราม
ข้อมูลจาก พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์
ขอบคุณข้อมูลภาพ