แบบแรกของหัวลำโพง (สถาปนิกเยอรมัน)!!หัวลำโพงเกือบไม่ใช่อย่างที่มีในปัจจุบัน
ตอนนี้กระแสหัวลำโพงกำลังมาแรงวันนี้ผมได้ดูในเพจรถไฟได้แก่ข้อมูลนี้ว่าเมื่อก่อนนั้นสถานีหัวลำโพงหรือหัวลำโพงไม่ได้เป็นรูปแบบต่างๆที่เราเห็นท่าว่าสถาปนิกคนนี้ได้เสนอผลงานผ่านและเห็นชอบ
ถ้าแบบแรกผ่านหน้าตาจะเป็นนี้..แต่ไม่ชอบ
สถานีรถไฟกรุงเทพที่เรารู้กันโดยทั่วไปคือเป็นสถานีที่สร้างขึ้นช่วงปีสุดท้ายของรัชกาลที่ 5 ในราวปี 2453 และมาสำเร็จลงในช่วงรัชกาลที่ 6 คือปี 2459 ด้วยรูปแบบอิตาเลียน-นีโอคลาสสิค โดยสถาปนิกอย่าง ตามาญโญที่ได้รับความนิยมจากราชสำนักในการสร้างโครงการจำนวนมากตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลที่ 6
.
แต่ก่อนหน้านั้นเกือบ 4 ปีสถานีรถไฟกรุงเทพเคยมีโครงการก่อสร้างสถานีในอีกรูปแบบหนึ่งที่หากสร้างเสร็จน่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่แปลกตาท่ามกลางอาคารราชการแบบนีโอคลาสสิคนั่นคือโครงการสถานีรถไฟกรุงเทพที่ไม่ได้สร้างของ คาร์ล ดอห์ริ่ง ในปี 2449
.
คาร์ล ดอห์ริ่ง (Karl Döhring)เป็นสถาปนิกที่เราอาจกล่าวได้ว่ามีความพิเศษต่างจากสถาปนิกคนอื่นๆที่เข้ามารับราชการในช่วงครึ่งหลังของรัชกาลที่ 5 ในด้านหนึ่งรูปแบบของดอห์ริ่งโดดเด่นด้วยงานลักษณะที่เรียกว่า ยุงเก้นสติลล์(Jugendstil) อันเป็นลักษณะผสมสไตล์อาร์ตนูโวเข้ากับอัตลักษณ์แบบเยอรมัน งานดอห์ริ่งจึงแตกต่างจากสถาปนิกยุโรปที่เขามาทำงานในไทยจำนวนมากที่ส่วนมากเป็นชาวอิตาเลียนและนิยมออกแบบด้วยรูปแบบคลาสสิค
.
กระนั้นด้วยรูปแบบที่แหวกและอาจว่าไม่ได้เป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นนำอย่างกว้างขวาง บวกกับที่ดอห์ริ่งเข้ามารับราชการในกรมรถไฟหลวง ก็ทำให้เขาไม่ได้เป็นที่รู้จักหรือได้รับงานที่หลากหลายนักแต่ผลงานเท่าที่ปรากฎก็มีความโดดเด่นและได้งานจากเจ้านายพระองค์สำคัญอยู่ไม่น้อย
ตั้งแต่วังวรดิศของกรมพระยาดำรงฯ วังบ้านปืนที่เพชรบุรี วังพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐที่เทเวศตำหนักสมเด็จในวังบางขุนพรหม และผลงานที่น่าจะเกือบสร้างชื่อให้กับดอห์ริ่งได้ก็คือโครงการสถานีรถไฟกรุงเทพนี้เอง
ข้อมูลเท่าที่มีปรากฎคือ ดอห์ริ่งได้เสนองานออกแบบสถานีในปีเดียวกับที่เขาเข้ามารับราชการ(พ.ศ.2449) โดยใช้รูปแบบยุงเก้นสติลล์(Jugendstil) ที่เขาถนัด ออกแบบส่วนฟาสาดหน้าของสถานีเป็นผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบยาวบังส่วนโครงสร้างหลังคาเหล็กของสถานีที่เป็นหลังคาเหล็กโค้งเช่นเดียวกับลักษณะที่ปรากฎในปัจจุบันแต่มีความแตกต่างที่ ดอห์ริ่งได้ทำมุขทั้งหมดสามมุขเป็นหอหลังคาสูงทำลวดลายอย่างการก่อศิลา โดยมุขประธานมีการทำหอนาฬิกาและช่องหน้าต่างเป็นรูปโค้งเกือกม้ารับกับหลังคายอดสูงคล้ายคลึงกับยอดปราสาทศิลาอย่างปราสาทหินเขมร ขนาบด้วยหอด้านซ้ายขวาที่มีความสูงลดหลั่นลงมา
.
โดยการออกแบบที่แปลกประหลาดแต่ดูสัมพันธ์กับงานโบราณในสยาม น่าจะสอดคล้องกับความหลงใหลในงานศิลปสถาปัตยกรรมไทยของดอห์ริ่งเอง เห็นได้จากระหว่างที่มาทำงานในไทยเขาได้เดินทางไปที่ต่างๆเก็บภาพจำนวนมาก(ที่เป็นประโยชน์มากๆกับสายประวัติศาสตร์สถาปัตย์ในภายหลัง)
และยังแต่งตำราเกี่ยวกับศิลปสถาปัตยกรรมในสยามที่ชื่อ Siam, Land und Volk ด้วยความหลงใหลนี้เราอาจมองว่าได้มีอิทธิพลต่อการออกแบบสถานีออกมาเป็นรูปแบบดังที่เห็นได้พอสมควร
.
แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าท้ายที่สุดโครงการนี้ก็ถูกพับไป ซึ่งสมชาติ จึงสิริอารักษ์มองว่ามาจากความแปลกประหลาดเกิดกว่ารสนิยมสังคมในสมัยนั้นจะตามทันก็เป็นไปได้ แม้ว่าเราจะพอเห็นลักษณะคล้ายคลึงกันที่วังบ้านปืนก็ตาม กระนั้นดอห์ริ่งก็ยังมีผลงานสถานีรถไฟได้สร้างจริงอยู่บ้างอย่างที่เคยปรากฎคือ
สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ที่รูปแบบคล้ายคลึงกันแม้ว่าจะมีสเกลที่ย่อมกว่า น่าเสียดายว่าอาคารดังกล่าวได้รับความเสียหายจากสงครามครั้งที่สองจนต้องถูกรื้อลงในเวลาต่อมา
.
-- ชีวิตของดอห์ริ่งดูจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อผลัดแผ่นดิน เริ่มตั้งแต่ปัญหาสุขภาพ ความเครียดจากการโหมทำงาน และปัญหาจากงานพระราชวังบ้านปืนที่ยังคงก่อสร้างต่อเนื่องมาตั้งแต่รัชกาลก่อนก็ดูจะสร้างความขัดพระทัยให้รัชกาลที่ 6 ผู้ที่ดูจะไม่โปรดงานออกแบบของดอห์ริ่งอยู่ในที อาการป่วยของเดอห์ริ่งทรุดหนักจนแพทย์ต้องแนะนำให้เขากลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดในเยอรมัน
.
ประกอบกับในเวลาไล่เลี่ยกันที่เกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่หนึ่งก็ปะทุขึ้น รัชกาลที่ 6 ประกาศสงครามอย่างแข็งขันกับเยอรมันนีและชาติอักษะ และทำให้ข้าราชการเยอรมันในสยามจำนวนมากได้รับผลกระทบไปด้วย และทำให้เดอห์ริงไม่มีโอกาสกลับเข้ามารับราชการหรือแม้เพียงกลับเข้ามาในแผ่นดินสยามอีก
กระนั้นคุณูปการสำคัญของดอห์ริ่งคงกล่าวได้ว่าเป็นสถาปนิกคนแรกๆที่ได้นำเสนอรูปแบบที่มีความทันสมัยเข้ามาในสยาม แบบที่พูดได้ว่าเป็นผู้ที่มาก่อนกาล
ถือว่าเก๋ไปอีกแบบครับ
ปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลภาพ