รีวิวหนัง The Last Duel ดวลชีวิต ลิขิตชะตา ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ย้อนยุคสุดดราม่า
https://www.tiktok.com/@oknitithep/video/7027327175363726619
THE LAST DUEL หรือ ดวลชีวิต ลิขิตชะตา เป็นผลงานภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดจากผู้กำกับทำเงินชาวอังกฤษวัย 84 ริดลี่ย์ สก็อต ผู้เข้าชิง 4 รางวัลออสการ์จากเรื่อง เทลม่าแอนด์หลุยส์ แกลดิเอเตอร์ แบล็คฮอล์กดาวน์ และ เดอะมาร์เชี่ยน เป็นการกลับมาเขียนบทร่วมกันอีกครั้งของแมท เดม่อน และเบ็น แอฟเฟล็ค แมท แสดงเป็นอัศวินตัวเอกของเรื่อง ส่วนเบ็นเป็นตัวประกอบ แสดงเป็นเจ้าเมืองอารมณ์ประมาณนายก อบจ.ในปัจจุบัน อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับแมท ซึ่งอันที่จริงตัวเอกก็จะเป็นสองคนนี้แหละแต่ดูเหมือนเบนจะติดงานหลายกองถ่ายก็เลยไปจ้าง อดัม ไดรฟเวอร์ ที่เคยรับบทลูกทรพีฆ่าพ่อฮานโซโลในสตาร์วอร์สมาแสดงแทน(ทุกวันนี้คนโพสท์ยังแค้นไม่หาย) ดังนั้นไม่ต้องบอกเลยว่าทั้งสองคนดวลกันนี้เราจะเชียร์ใคร แมทเราชอบมาหลายสิบเรื่องแล้ว อดัมยังทำให้ชอบไม่ได้ซักเรื่อง นักแสดงนำอีกคนคือ โจดี้ คอมเมอร์ นางเอกของเรื่องเพิ่งผ่านตาเราไปหยกๆ จากฟรีกาย พลิกคาแรกเตอร์โดยสิ้นเชิง
หนังเรื่องนี้มีความยาวมาก 2 ชั่วโมง 32 นาที เรท R แนว แอ็คชั่น ดราม่า ประวัติศาสตร์ (history) คะแนนเฉลี่ย IMDb นักวิจารณ์ 67 ประชาชน 7.7 ส่วนในเว็บมะเขือ Rotten Tomatoes ได้สูงถึง 86% จากนักวิจารณ์และ 81% จากคนดู ขณะนี้ทำเงินทั่วโลกไปเพียง 23.5 ล้าน $ เท่ากับขาดทุนย่อยยับแม้ว่าจะได้รับการชื่นชมมากขนาดนี้
เรื่องราวในหนังพาย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ยุคจักรๆ วงศ์ ค.ศ.1835 สมัยฝรั่งเศสเป็นนักล่าอาณานิคม ตัวละครทั้งหมดเป็นคนฝรั่งเศสแต่ในหนังพูดภาษาอังกฤษและใช้นักแสดงฮอลลีวูด แมทและอดัมเป็นขุนนางที่ขึ้นตรงต่อเจ้าเมืองเบน แมทเป็นฝ่ายออกรบ อดัมเป็นฝ่ายประจบสอพลอ อดัมแอบลักลอบได้เสียกับเมียแมทที่ไปออกรบ แมทกลับมาเมียฟ้อง ทั้งคู่ต้องการความยุติธรรมและไม่ไว้วางใจให้เบนตัดสิน เรื่องจึงไปถึงกษัตริย์ที่มีลักษณะเหมือนเด็กแว๊น (พล็อตคล้ายขุนช้างขุนแผนมากเลยนะเราว่า) พระราชาแว๊นๆ ตัดสินให้มีการดวลกัน ถ้าใครชนะคือผู้นั้นเป็นฝ่ายถูก เป็นที่มาของต้นเรื่องท้ายเรื่องและชื่อเรื่องว่า THE LAST DUAL ซึ่งเป็นการดวลกันครั้งสุดท้ายอย่างเป็นทางการตามประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสในสมัยที่ยังมีพระเจ้าแผ่นดิน ใครจะชนะเราไม่สปอยล์ครับ แต่คงเดาไม่ยาก อยากรู้ไปดูเองหรือเปิดประวัติศาสตร์ดูได้
ทุกอย่างทำดีแล้ว ระดับผู้กำกับ ดารา และคนเขียนบทเกรดเอขนาดนี้ แต่สิ่งเดียวที่ขัดใจคือทำไมต้องเดินเรื่องสามมุมมองแบบราโชมอน ซึ่งการเล่าเรื่องแต่ละครั้งในเรื่องนี้มันก็แทบไม่ได้แตกต่างกันเลย เหมือนกับทำเรื่องสั้นให้มันยาวขึ้นสามเท่า นอกเหนือจากเรื่องเล่าฉากประลองก็ซ้ำกันหัวท้ายอีก มีแค่ช่วงตอนจบเท่านั้นที่ให้ดูครั้งเดียว หรืออาจเป็นเพราะถ้าเดินเรื่องรอบเดียวอาจทำให้หนังสั้นเกินไปเพราะที่จริงฉากที่ไม่จำเป็นต่อเรื่องแต่ต้องเล่นซ้ำไปซ้ำมาก็มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว