ดราม่าหนักจับสึก 2มหา!!พุทธศาสนาไม่ทันยุค4.0 เซ่นปมพระมหาสมปอง&พระมหาไพรวัลย์Liveเทศนา
ยุค 5 G หรือ Thailand 4.0
และยิ่งโควิดด้วย...การเทศนา liveสด ธรรมะก็ไม่แปลกนะดีเสียอีกคนได้เข้าถึงธรรมะมากขึ้น
แต่ทำไมถึงได้มีการไม่พอใจในวงการพระพุทธศาสนา
คุณเคยเข้าวัดมั้ย? ผมถามง่ายๆก่อน คุณเคยไปฟังเทศนาในวัดมั้ย...
.......ทุกอย่างคือธุรกิจหมด...จะมีการเรี่ยไรทำบุญ....หยดทำบุญจุดโน่นนี้มากมาย...คนหนึ่งไปที่หลังร้อย
ยิ่งสังฆทานเวียนอีก...ถังหนึ่งขั้นต่ำ100 บาท
แล้ว...ถวายไปแค่เป็นโมเดล พระไม่ได้ใช้จริงๆ
แล้วยังค่าเช่าที่คนมาทำธุรกิจบุญในวัดอีก...
และที่สำคัญ ..... ในวัดมีอิทธิพลนะ
..ผมได้ยินคนที่อยู่ กทม.เล่า
รู้มั้ยวัดดังๆนะ ไม่มีเงินบวชไม่ได้นะ และเผาศพอะไรก็จะแพงตามความดังวัด...
เมื่อพระเจ้ามาแสวงหาเงินทองในวัด...จากคนเลื่อมใสศรัทธา พระพุทธศาสนาจึงไม่ขลังเท่าสมันก่อน....
และการที่ ยุคนี้ Liveสดให้คนเข้าถึงศาสนา ได้ไม่ต้องไปถึงวัดมันเลยขัดต่อรายได้ที่วัดพึ่งจะมีหรือเปล่า...อันนี้ก็ไม่รู้
จึงทำให้เกิดดราม่าในโลกออรไลน์ เมื่อมีข่าวจะสึกของ 2มหาครับไปดูกัน
คำว่ามหาไม่ได้มาง่ายๆนะ
พระมหา เป็นคำสมณศักดิ์ใช้นำหน้าชื่อพระภิกษุที่สอบไล่ได้ตั้งแต่เปรียญธรรม 3 ประโยค ขึ้นไป โดยคำ "มหา" มาจากศัพท์ในภาษาบาลี (มหนฺต ลดรูปเป็น มหา) ใช้นำหน้าพระเถระผู้มีร่างกายสูงใหญ่ในสมัยพุทธกาลเช่น พระมหากัสสปเถระ พระมหาโมคคัลลานะ และใช้เรียกนำหน้ายกย่องพระเถระผู้เป็นที่น่าเคารพนับถือว่า พระมหาเถระ แปลว่า พระเถระผู้ใหญ่โดยคำว่า "พระมหา" สันนิษฐานว่ากร่อนมาจากคำว่า "พระมหาชาติ" ที่ชาวพุทธใช้เรียกพระผู้ทรงภูมิบาลีแตกฉาน จนสามารถเทศนาพระมหาชาติเวสสันดรชาดกได้ และต่อมาพระมหากษัตริย์จึงใช้คำนี้แต่งตั้งพระผู้ทรงภูมิบาลีให้ดำรงสมณศักดิ์ที่พระมหา หรือพระมหาชาติ เพื่อเป็นการส่งเสริมการศึกษาภาษาบาลีเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนามาแต่โบราณ[2]
พระมหากษัตริย์ไทยแต่โบราณถวายพัดยศสมณศักดิ์สายเปรียญธรรม (พัดยศมหาเปรียญ) แก่พระสงฆ์โดยยกย่องถวายคำว่า "มหา" เพื่อใช้นำหน้าพระภิกษุผู้สอบไล่ได้ ประโยคบาลี เพื่อเป็นการถวายกำลังใจแก่พระสงฆ์ผู้สนใจเล่าเรียนศึกษาและมีความรู้สอบไล่ได้สายเปรียญธรรมบาลีตั้งแต่ชั้นเปรียญตรีขึ้นไปจนถึงปัจจุบันนี้[3] (โดยในอดีตนั้นพระมหากษัตริย์เคยมีการถวายนิตยภัตรแก่พระสงฆ์และสามเณรที่เป็นมหาเปรียญทุกชั้น แต่ปัจจุบันคงมีการถวายนิตยภัตรายเดือนเฉพาะผู้สอบได้ระดับเปรียญธรรม ๙ ประโยค เท่านั้น)
ในปัจจุบัน พัดยศมหาเปรียญ นั้นจะแบ่งเป็นสีและระบุเลขลำดับชั้นเปรียญ ซึ่งเปรียบได้กับครุยวิทยฐานะของบัณฑิตผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย โดยพัดยศเปรียญมีฐานะเสมือนหนึ่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ผู้ทำความชอบในราชการ[4] พระสงฆ์สามเณรผู้ได้รับพระราชทานจะนำพัดยศมหาเปรียญออกใช้ประกอบสมณศักดิ์ได้แต่ในงานพระราชพิธีสำคัญเท่านั้น จะใช้ทั่วไปมิได้
ในอดีตก่อนมีการเลิกทาส หากพระภิกษุหรือสามเณรรูปใดที่สอบไล่ได้เปรียญธรรม มีบิดามารดาเป็นทาสเขาอยู่ ก็จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์ไถ่ให้พ้นตัวจากความเป็นทาสมีอิสรภาพแก่ตนในทันทีที่บุตรชายของตนได้เป็นพระมหาเปรียญหรือสามเณรเปรียญ
ปัจจุบันเรียกพระภิกษุที่สอบได้พระปริยัติธรรมตั้งแต่ เปรียญธรรม ๓ ประโยคขึ้นไปว่า "พระมหาเปรียญ"
ขอบคุณข้อมูลภาพ