สาวมนุษย์เงินเดือนเสียดายเวลา!!ทำงานจนลืมแม่คิดได้ตอนแม่ตาย
มนุษย์เงินเดือนมักจะคิดเสียดายวันเวลาที่บ้างานก็ต่อเมื่อถึงวันที่ต้องสูญเสียสิ่งที่รักไป. โดยไม่ได้ทำให้ดีก่อนจากไป
สาวมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งขยันทำงานจนละเลยคนในครอบครัว เล่าชีวิตของเธอว่า
บางครั้งก็คิดถึงสมัยที่ทำงานอยู่เหมือนกันนะ
ด้วยข้อจำกัดของตัวเอง ที่ไม่อยากไปทำงานไกลบ้าน อยากอยู่ใกล้ๆพ่อกับแม่ เพราะแม่ป่วยเป็นโรควิตกจริต อยากอยู่ใกล้ๆท่าน อยากดูแลท่าน เลยเลือกทำงานอะไรก็ได้ ที่ใกล้ๆบ้าน ...
ตลอด 7 ปี ที่เรียนจบมา ... งานที่เราเคยทำมีหลากหลายตำแหน่ง แตกต่างกันไปคนละแบบ
1.เจ้าหน้าที่ฝ่ายทั่วไป - นั่งดูกล้องวงจรปิด ดูความปลอดภัย รวมทั้งคอยรับโทรศัพท์รับแจ้งปัญหาต่างๆจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้างานเป็นกะ เช้า บ่าย ดึก เลิกงานสูงสุด ก็เที่ยงคืน หยุด 1 วันต่อสัปดาห์
เงินเดือน 12000
2.เจ้าหน้าที่การเงิน - คอยดูแลเอกสาร เดินเอกสารการเงิน และเอกสารอื่นๆ ติดต่อกับแผนกต่างๆ รวมไปถึงเก็บขวด เก็บกระดาษ เก็บของเก่าขาย เข้างาน 6 โมงเช้า เลิกงาน 4 โมงเย็น หยุด 1 วันต่อสัปดาห์ เงินเดือน 14000
3.เจ้าหน้าที่วางแผนการผลิต - คอยวางแผนสั่งผลิตชิ้นส่วนที่ลูกค้าต้องการ และจัดส่งให้ทันตามเวลาที่กำหนด แถมยังมีหน้าที่เพิ่มเติม - Outsource คอยติดต่อกับโรงงานอื่น เพื่อผลิตสินค้าให้เราให้ทันตามเวลา - เจ้าหน้าที่ IT จัดทำระบบบาโค๊ด คอยเช็คแล็คเช็คลังใส่สินค้าเวลาเข้าออกจากโรงงาน เพื่อป้องกันการสูญหาย และสุดท้ายคอยเช็คสต็อกสินค้าในคลังทุกๆสิ้นเดือน พร้อมกับคีย์เข้าระบบ และยังไม่พอ ถ้าหากงานไม่ทัน ก็ต้องไปช่วยแพ็คชิ้นส่วนต่างๆ ลงกล่องเพื่อเตรียมจัดส่งให้กับลูกค้า เข้างาน 8 โมง เลิกงาน 5 โมงเย็น โอที 2 ทุ่ม หยุด 1 วันต่อสัปดาห์ เงินเดือน 12000 โอที อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง รวม14000 - 15000
4.ครู - เริ่มต้นจากการเป็นพี่เลี้ยงเด็กอนุบาล และมีโอกาสได้เป็นครูประจำชั้นอนุบาล 1 (3ขวบ) และน้องเตรียมอนุบาลนอกจากงานในชั้นเรียนแล้ว ก็ต้องทำงานฝ่ายต่างๆ เช่น - ฝ่ายบุคคล ทำเอกสารลงเวลาทำงาน อบรม เวรประจำวัน รวมถึงประกันสังคม ภงด. เกียรติบัตร และแฟ้มประวัติต่างๆ ฯลฯ - งานสวัสดิการ ขายเสื้อผ้า ชุดพละ เอี๊ยม เครื่องแบบลูกเสือ รวมไปถึงดินสอ ยางลบ ปากกา และของใช้ต่างๆให้กับนักเรียน - งานฝ่ายทั่วไป ดูแลเครื่องเสียง หอกระจายข่าว จัดสถานที่ โต๊ะเก้าอี้ อุปกรณ์ต่างๆ และถ่ายภาพทุกกิจกรรม - เวรประจำวัน มีทั้งคุมแถว อบรมนักเรียน และเวรโรงอาหาร ทำอาหารกลางวันให้เด็ก ๆ - ถ้ามีงานประเมินต่างๆของโรงเรียน ต้องจัดเตรียมเอกสาร เตรียมงาน เตรียมต้อนรับแขก และช่วยงานฝ่ายอื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ หยุด เสาร์-อาทิตย์ แต่ก็มีอบรมบ้าง ทำงานที่โรงเรียนบ้าง มีเรื่องต้องเข้าโรงเรียนตลอด เงินเดือนเคยได้ตั้งแต่ 7000 15000 9000 5000 และบางเดือนไม่ได้เลย เพราะปิดเทอม (แต่ก็ไปทำงานปกติ) (แฟนก็ไปช่วยทำด้วย)
ถึงอาชีพต่างๆที่ผ่านมา จะไม่เหมือนกัน ถึงจะได้เงินเดือน มากบ้าง น้อยบ้าง หรืออาจไม่ได้บ้าง...
แต่เราก็มีความสุขที่ได้ทำ...ถึงแม้จะต้องเลิกงาน 5 โมงเย็น 2 ทุ่ม 4 ทุ่ม เที่ยงคืน ตี 2 ตี 4 หรือบางวันอาจต้องนอนค้างที่ทำงาน
ไม่ก็นั่งทำงานที่ทำงานทั้งคืนจนเช้า แล้วก็ไปอาบน้ำเพื่อทำงานต่อ ... ถึงแม้เราจะทุ่มเท กับการทำงานมากเกินไป จนไม่มีเวลาให้คนในครอบครัว และคนรอบข้าง
ทำงานจนไม่มีเวลาดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง ถึงแม้ผลตอบแทนที่เราได้รับ มันไม่คุ้มกับสิ่งที่เราทำอยู่ แต่เราก็ยังภูมิใจและมีความสุขไปกับมัน ....
จนวันนึง สิ่งที่เราทำสะสมมาตลอด ร่างกายเริ่มไม่ไหว อ่อนแอ โรคต่างๆเข้ามารุมเร้า เราใช้ร่างกายเปลืองมาก เราจึงลาออกจากงาน กลับมาใช้ชีวิตอยู่บ้านกับครอบครัว เพื่อรักษาสุขภาพร่างกายตัวเอง และเตรียมตัวที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ...
แต่เราก็เสียแม่ไป ...
เราออกจากงานมาอยู่กับแม่ได้เพียง 2 เดือน และแม่ก็จากเราไป จากไปแบบที่เรา ตั้งตัวไม่ทัน ....
เราจำได้ว่า ช่วงเวลาที่แม่ยังอยู่ และเรายังทำงานอยู่ คืนนั้นเรากลับถึงบ้าน ตอนตี 4 ซึ่งเป็นเวลาที่แม่ตื่นมาหุงข้าวพอดี พอแม่เห็นเรา แม่ก็ถามเราว่า
แม่ : จะไปไหนแต่เช้า
เรา : ไม่ได้ไปไหน หนูเพิ่งกลับมา
เมื่อตอบเสร็จ เราก็รีบขึ้นบ้านไปนอน เพราะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานต่อ ทำให้ในช่วงที่ทำงานนั้น แทบจะไม่ได้เจอและไม่ได้พูดคุยกับแม่เลย เพราะต้องออกไปทำงานแต่เช้า และกลับบ้านมืด พอกลับมาถึงบ้าน แม่ก็เข้านอนไปแล้ว
ทุกวันนี้ เราได้แต่คิดว่า ทำไมเราต้องทุ่มเทกับงานมากมาย จนเราไม่มีเวลาพูดคุยกับคนในครอบครัว เราละเลยหน้าที่ของลูกไปหรือเปล่า งานที่เราทำ งานที่เราบอกว่าเราภูมิใจและมีความสุข มันเป็นความสุขที่แท้จริงของเรารึเปล่า หรือเราแค่หลอกตัวเองขึ้นมา ....
กว่าจะคิดได้ ก็สายเกินไป ....
คิดถึงแม่นะ ❤️
มีคนให้กำลังใจและเล่าว่าชีวิตเขาก็เจอไม่ต่างกัน
พอถึงวัยทำงานเป็นกันทุกคนทุ่มเทให้งาน เพราะต้องการเงินมาดูแลคนที่รัก แต่บางครั้งพอมรเงินให้จับจ่าย เขามองข้ามสิ่งที่มี เขาจะไฝ่คว้าโกยหาสิ่งที่ขาดคือการมีเวลาให้ครอบครัว
บางครอบครัวไม่มีงานทำเวลาเหลือเฝือแต่คนในครอบครัวมองหาเงินที่จะมาซื้อของกินจุ่นเจือครอบครัว
เราต้องหาความพอดีตรงกลางหรือเปล่า
หรือมองมุมดีๆอย่างมองหาสิ่งที่ขาด...
คุณละคิดว่อย่างไรครับ
ขอบคุณข้อมูลภาพ