“Meketaten” เจ้าหญิงอียิปต์ที่น่าสงสาร เพราะ "พระหัตถ์ต้องคำสาป"
วันนี้จะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ "อียิปต์" ที่ยังคงเป็นเสน่ห์ในอารยธรรมโบราณกันบ้าง เพื่อนๆ คงจะคุ้นหูและเคยได้ยินแต่เรื่องราวของ "พระนางคลีโอพัตรา" ผู้ที่โด่งดังที่เราคุ้นเคยและได้ยินในความงามกันจนชินหูใช่ไหม ?
แต่รู้หรือไม่ ? ประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณยังมีเจ้าหญิงไอยคุปต์พระธิดาของฟาโรห์อีกองค์หนึ่งที่แทบจะไม่มีใครรู้มาก่อนว่าเจ้าหญิงผู้นี้น่าสงสารเพียงใด..งั้นมาตามอ่านกันเลย
ซึ่งมีชื่อว่า..เจ้าหญิง “มาเคตาเตน (Maketaten)” เรื่องราวเกิดขึ้นในรัชสมัยก่อนพระเจ้าตุตอังค์อามุน องค์ฟาโรห์ผู้พ่อของพระองค์คือ "อัคเคนาเตน" เป็นกษัตริย์หัวปฎิรูป จัดการเปลี่ยนศาสนาในอียิปต์ให้มานับถือเทพพระองค์เดียวแทน คือ เทพที่พระองค์ทรงโปรดที่สุด จากนั้นก็ย้ายเมืองหลวงออกจากที่เดิมที่เก่าแก่ของบรรพบุรุษ ไปตั้งอยู่กลางทะเลทรายทุรกันดาร
เป็นกษัตย์ที่ขี้เกียจก็ว่าได้เพราะไม่สนใจว่าราชการใดๆ ไม่สนใจประชาชน เก็บตัวอยู่แต่ในที่ประทับ นิสัยพระองค์ก็ยากที่จะเข้าใจได้ และมักจะกระทำการอย่างที่เรียกว่า "นอกรีต" อารมณ์ก็เดายาก แม้แต่มเหสีที่สนิทเสน่หาอย่างพระนาง "เนเฟอร์ติติ" ก็ยังไม่สนใจทำห่างเหิน ทำราวกับว่า "ทิ้ง" พระมเหสีเสียเฉยๆ ทั้งที่มีพระธิดาด้วยกันถึง 6 พระองค์
โดยหนึ่งในพระธิดานั้นถูกเลือกให้แต่งงานกับตุตอังค์อามุน การกระทำของ "อัคเคนาเตน" นั้นเป็นปฎิปักษ์ต่อศาสนาและอาณาจักร จึงทำให้มีผู้ลุกขึ้นมาต่อต้านทั้งในทางลับและทางแจ้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพระราชธิดาของเขาเอง เขาจึงโกรธอย่างสุดจะประมาณได้
และแล้วความสยองขวัญก็เริ่มขึ้น ณ บัดนี้....
จึงมีการสั่งอย่างโหดร้ายที่สุด นั่นคือการทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง เขาสั่งให้ราชมัลจับธิดาข่มขืน และประหารเสีย โดยก่อนที่จะลงมือฆ่าพระธิดา เขาสั่งให้เพชรฆาตตัดพระหัตถ์ของเจ้าหญิงออกเสียข้างหนึ่งด้วย เพื่อเป็นการตัดสิทธิ์การเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์แห่งเทพโอสิริส เรียกว่า "ฆ่าให้ตายทั้งตอนเป็นและตอนตาย" นั่นเอง
ยังไม่พอ..ยังโหดต่อโดยให้นักบวชช่วยกันสาปให้ดวงวิญญาณของเจ้าหญิง "มาเคตาเตน" นั้นทนทุกข์ทรมานแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดไปชั่วนิรันดร์กันเลยทีเดียว เว้นไว้เสียแต่ว่าจะมีผู้มาปลดปล่อยมือข้างที่หายไปให้กลับคืนสู่เจ้าหญิงได้ เหตุการณ์นี้ผ่านมากว่าสามพันปี ดวงวิญญาณของเจ้าหญิง “มาเคตาเตน (Maketaten)” จึงรออย่างทรมานที่หน้าประตูบ้านปรโลกของเทพโอสิริส ด้วยเพราะร่างกายนั้นไม่ครบ 32 นั่นเอง
จนวันหนึ่งเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 ท่านเคาท์หลุยส์ ฮามอน (นักประจิตวิทยานามอุโฆษ) ได้มายังเมืองลักซอร์ในอียิปต์ แล้วได้ผูกมิตรกับสหายคนสำคัญตำแหน่งท่านชี้ค เพราะท่านเคาท์หลุยส์ได้รักษาท่านชี้คให้หายป่วยจากไข้มาลาเรีย ท่านชี้คพอหายสนิทดีก็ซาบซึ่งในน้ำใจ จึงได้มอบสิ่งของล้ำค่าให้ท่านเคาท์หลุยส์นั่นก็คือ "มือของมัมมี่ที่ดูเก่าโบราณ ที่ถูกตัดถึงแค่ข้อมือ" ให้เป็นการตอบแทน
สภาพของมือนั้นแห้งเกราะและเปลี่ยนเป็นสีดำ มีลักษณาการที่เชื่อได้ว่าเป็นมือของผู้สูงศักดิ์สมัยโบราณเพราะถูกพันไว้ด้วยผ้าลินินเก่าแก่อย่างประณีต ยากจะเป็นของใครอื่นนอกจาก "มาเคตาเตนเจ้าหญิงผู้อาภัพ" นั่นเอง ด้วยมือโบราณข้างนั้นได้หายไปจากความสนใจของผู้คนนานนับศตวรรษ ท่านเคาท์จึงได้รับไว้และเก็บไว้ในคอลเล็กชั่นของสะสมหายากที่ได้มาจากการตระเวนไปทั่วโลก
จนถึงปี 1922 ท่านเคาท์และภริยาก็กลับมายังประเทศอังกฤษถาวร และได้มีเวลานำมือโบราณมาพินิจ เมื่อนำมือมาพิจารณาใกล้ๆแล้วจึงพบว่ามือนั้นอยู่ในสภาพแข็งราวกับหินจากการเก็บนานนับพันปี ทันใดนั้นก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้น มือข้างนั้นดูอ่อนนุ่มลงและมีสีเลือดขึ้น จนมองเห็นเส้นเลือดดำใต้ผิวหนัง และข้อมือก็เริ่มมีเลือดซึม
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองประหลาดใจและตะลึง ทั้งสองจึงตัดสินใจว่าจะ "ส่งเสด็จ" เจ้าหญิงมาเคตาเตนกลับแดนโอสิริส โดยการ “ฌาปนกิจ” มือนี้เสียในเตาผิง โดยสองสามีภรรยาเลือกคืนฮัลโลวีนเป็นวันฤกษ์ส่ง
เขาได้อ่านบทสวดโบราณจากคัมภีร์มรณะของชาวอียิปต์ พอสิ้นพยางค์สุดท้ายแห่งมนตราไอยคุปต์ ก็เกิดอากาศลึกลับขนาดมหาศาลกระแทกประตูหน้าบ้านอย่างแรงจนเปิดออก
สิ่งที่ทั้งสองคนเห็นคือ สตรีร่างงามระหงในพัสตราภรณ์แบบเจ้าหญิงอียิปต์โบราณยืนตระหง่านอยู่ตรงประตูนั้น ศิราภรณ์ที่ทรงอยู่มีดวงตรานาคาแห่งฟาโรห์ จากนั้นร่างนั้นก็ได้มาที่กองไฟตรงเตาผิง และทั้งสองก็ได้สังเกตเห็นว่าแขนขวาของเจ้าหญิงนั้นมีปลายที่สิ้นสุดอยู่เพียงข้อมือเท่านั้น เจ้าหญิงก้มลงแล้วหยิบเอามือข้างที่กำลังถูกไฟเผานั้นขึ้นมา จากนั้นร่างก็ได้หันหลังออกถอยกลับไปยังประตูทางเดิม
และนี่ก็คือเรื่องราวของเจ้าหญิง “มาเคตาเตน (Maketaten)” ที่ถูก "คำสาป" ผู้ที่น่าสงสารในประวัติศาสตร์อารยธรรมอียิปต์โบราณ ที่เฝ้ารอมานานนับพันปีกับการที่จะได้ "พระหัตถ์" ของตนเองกลับคืนมานั่นเอง
ขอบคุณ : ตำนาน,เรื่องเล่า,สิ่งเหนือธรรมชาติ