ดีเดีย์ 24 สิงหาคม 2564 กระท่อมจะเป็นพืชไม่ผิดกฎหมาย
หลังจากที่มีประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ยกเลิกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว โดย กมธ.เห็นว่าไม่ควรมีข้อจำกัด เหมือนที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เพราะพืชกระท่อมเป็นยาสมุนไพรที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ แต่กำหนดไม่ให้เกิดการใช้ในเด็ก เยาวชน และการปลูกที่มีความเท่าเทียมกัน เป็นต้น
ส่งเสริมด้านการแปรรูปให้เกิดประโยชน์ ผลิตยาสมุนไพรแก้โรคต่างๆ ให้เป็นธุรกิจที่ส่งออกได้ทั่วโลก เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ
พืชกระท่อม (Kratom) หรือ Mitragyna speciosa (Korth.) HaviL. คือ พรรณไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งในวงศ์ Rubiaceae ถูกนำมาใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านมานานหลายร้อยปีแล้วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 ตกอยู่ภายใต้ยาเสพติดประเภทที่ 5 เนื่องจากปัจจุบันมีการทำวิจัยเกี่ยวกับพืชกระท่อมอย่างแพร่หลายและให้สอดคล้องกับหลักสากลและบริบทของสังคมไทยในบางพื้นที่โดยเฉพาะภาคใต้ของประเทศไทย จึงมีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8 ) พ.ศ. 2564 ยกเลิก “พืชกระท่อม” จากยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ให้มีกฎหมายครอบคลุมทั้งด้านวัฒนธรรม พฤติกรรม สุขภาพ และวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
การนำพืชกระท่อมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ได้แก่
- ทางด้านการแพทย์ เช่น
- มีสาร ไมตราเจนีน ออกฤทธิ๋ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ช่วย ให้กระปรี้กระเปร่า ลดอาการปวดเมื่อย
- นำไปใช้บรรเทาอาการปวดแทนมอร์ฟรีน
- ใช้บำบัดผู้ติดยาเสพติด
- สมัยโบราณใช้บรรเทาอาการไอ แก้ปวดเมื่อย ท้องเสีย
- ทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ
- สร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้าน กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน
ผลข้างเคียงจากการนำใบกระท่อมมาใช้ ได้แก่
- ทำให้ไม่อยากอาหาร (ไม่เหมาะใช้ในการควบคุมน้ำหนัก)
- ผอม หรือขาดสารอาหาร
- ท้องผูก
- ปัสสาวะบ่อย
- นอนไม่หลับ
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าพืชกระท่อมจะมีทั้งสรรพคุณที่เป็นเอนกอนันต์ก็จะมีผลกระทบต่อการบริโภคกระท่อมเป็นระยะเวลานาน ๆ ทำให้เสพติดและจะมีอาการโรคจิตหวาดระแวงเห็นภาพหลอนคิดว่าคนจะมาทำร้ายตนและพูดไม่ค่อยรู้เรื่องข้อเสนอแนะประชาชนควรเชื่อถือข่าวสารที่ออกมาจากหน่วยงานทางราชการเท่านั้น
อ้างอิงจาก: สำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา , กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก