จากบางกลอยสู่เกาะปอดะ กับปัญหาเรื่องการปฏิรูปที่ดิน
ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนถือว่าเป็นปัญหาหนึ่งสำหรับเจ้าหน้าที่อุทยานในการรักษาทรัพยากรด้านป่าไม้และการรักษาอนาเขตบริเวณของพื้นที่อุทยาน
ตลอดระยะเวลาของการประกาศพื้นที่เขตอุทยาน ย่อมมีการทับซ้อนกับพื้นที่ทำกินชาวบ้านและการบุกรุก ของผู้แสวงหาประโยชน์ในการนำทรัพยากรป่าไม้ มาเป็นของตนเอง จากชาวบ้านในพื้นที่บ้าง หรือจากนายทุนสีเทาๆ
แต่หารู้ไม่ว่าทรัพยากรธรรมชาติดังกล่าวคือทรัพยากรของคนไทยทั้งประเทศที่ต้องหวงแหนและรักษาไว้
เกาะปอดะ เป็นเกาะแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่ เป็นเกาะที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่อุทยานเหมือนอุทยานแห่งอื่นๆในการประกาศเป็นเขตพื้นที่อุทยาน พ.ศ. 2504 แต่ภายหลัง เจ้าหน้าที่อุทยานกลับพบว่า มีการบุกรุกและมีเจ้าของที่คือ นาย ชวน ภูเก้าล้วน ในคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่ยอมให้เกิดขึ้นเพราะเกาะปอดะเป็นเขตอุทยาน จึงเกิดเป็นคดีขึ้น และต่อสู้ยาวนานกว่า 30 ปี
โดยคดีดังกล่าว นายชวนก็อ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ของตนเอง ว่าตนมีเอกสารสิทธิ์และมีการอ้างว่าตนครอบครองพื้นที่ดินทำกินก่อนจะมีการประกาศเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ มีการหาหลักฐานและการสืบสวนที่ยาวนาน และการหาหลักฐานมาหักล้างข้อกังขาหลายชิ้น
ท้ายที่สุดคดีพลิก เพราะคำให้การของนายชวน ที่อ้างว่าต้นมะพร้าวที่ตนปลูก ปลูกมานานกว่า 75 ปี ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้ได้ทำการพิสูท กลับพบว่า ต้นมะพร้าวที่นายชวนอ้างว่า มีอายุ 75 ปีนั้นไม่เป็นความจริง เพราะอายุต้นมะพร้าวดังกล่าวไม่เกิน 40 กว่าปี คดีจึงปิดได้และเกาะปอดะ กลับคืนสู่คนไทยอีกครั้งหนึ่ง
https://mgronline.com/travel/detail/9620000086972
แต่คดีอีกคดีที่ใหญ่กว่าและยืดเยื้อคือกรณีบางกลอย กรณีบางกลอยถือว่าเป็นกรณีอุทยานที่มีความยืดเยื้อ และมีประเด็นของกลุ่มชาติพันธุ์มาเกี่ยวข้องด้วย ถ้ามองในภาพรวมของคดี ยึดตามคำสั่งศาลตัดสิน จะพบว่าคดีบางกลอยจบไปแล้ว ชาวบ้านต้องลงมาจากเขตพื้นที่อุทยาน เพราะเป็นป่าต้นน้ำ และเป็นพื้นที่ ที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ เพราะเป็นเขตอุทยาน และรัฐบาลจัดสรรพื้นที่ทำกินที่สามารถ ยกระดับ คุณภาพชีวิตได้ดีกว่าพื้นที่บริดลเวณที่เรียกว่า ใจแผ่นดิน
ในกรณีนี้มีคำว่าชาติพันธุ์มาข้องเกี่ยว ทำให้สื่อส่วนใหญ่ตีความถึงเรื่องการที่ภาครัฐมารังแกประชาชน ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะในคดีนี้มีการพิสูทความจริงจนศาลตัดสินถึงที่สุด และมีคำสั่งให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ดังกล่าว
https://workpointtoday.com/explaine/
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวถึงนั้น ล้วนอ้างตั้งแต่คดีบางกลอยและเกาะปอดะ มีการอ้าง เอกสารสิทธิ์คือ เอกสารที่มีชื่อว่า ส.ป.ก. 4-01
ส.ป.ก. 4-01 คืออะไร
หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ได้มีกลุ่มชาวไร่ชาวนา นักศึกษา นักการเมือง เดินขบวนเรียกร้องหลายครั้ง สาเหตุสำคัญมาจาก ปัญหาที่ดินทำกินและการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายทุน รัฐบาลในสมัย ฯพณฯ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ จึงได้แก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยประกาศใช้พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2518 โดยมีหลักการและเหตุผลดังนี้
"ปัจจุบันปรากฎว่า เกษตรกรกำลังประสบความเดือดร้อน เนื่องจากต้องสูญเสียสิทธิในที่ดินและกลายเป็นผู้เช่าที่ดินต้องเสีย ค่าเช่าในอัตราสูงเกินควร ที่ดินขาดการบำรุงรักษา จึงทำให้อัตราการผลิตผลเกษตรกรรมอยู่ในระดับต่ำ เกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรม และเสียเปรียบจากการเช่าที่ดิน จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐจะต้องดำเนินการแก้ไข ปัญหาดังกล่าวโดยด่วนที่สุด โดยวิธีการปฏิรูปที่ดิน เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินและให้การใช้ที่ดินเกิดประโยชน์มากที่สุด"
ผลจากการประกาศใช้พระราชบัญญํติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2518 เรียกโดยย่อว่า ส.ป.ก. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุง สิทธิการถือครองที่ดิน การกระจายสิทธิในที่ดิน ทั้งในที่ดินของรัฐและที่ดินของเอกชน ที่มีมากเกินความจำเป็น ให้ไปสู่เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินพร้องทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาอาชีพ ปรับปรุง ส่งเสริม และสนับสนุน ปัจจัยการผลิตที่จำเป็นต่าง ๆ และให้มีการจัดตั้งกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรรม เพื่อเป็นทุนหมุนเวียน และใช้จ่ายเพื่อการปฏิรูปที่ดิน เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
https://www.alro.go.th/alro_th/ewt_news.php?nid=191
แต่จะพบว่าปัญหาโดยหลักในการออกเอกสารปฏิรูปที่ดินท่พบส่วนใหญ่คือ ความหละหลวมของรัฐที่ออกเอกสารสิทธิ์ให้พื้นที่ ที่มีความทับซ้อนหรือพื้นที่อุทยาน ยกตัวอย่างกรณีของ สมัยนายสุเทพเทือกสุบรรณ ในรัฐบาลของนายชวนหลีกภัย ซึ่งในขณะนั้นพรรคชาติไทยของนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้อภิปราย ในคดีทุจจริตที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ทำให้รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ต้องยุบสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_1757835
จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ป่าไม้พยายามในการต่อสู้กับความไม่รู้และอธิพลรวมไปถึงอำนาจมืด ที่พยายามต่อสู้พิทักษ์ป่าไม้และผืนป่าของคนไทย แตสื่อกลับนำเสนอข่าวในด้านลบต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่ายึดที่ดินหรือริดรอนสิทธิชาวบ้าน ซึ่งในเวลานี้ผืนป่าของประเทศไทยเหลือน้อยลงเต็มที อยากจะให้ชวนคิดชวนสงสัยว่า ปัญหาทั้งหมดมันเกิดจากอะไร และใครกันที่ต้องมาตระหนักและรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว





















