หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

10 อันดับทะเลทรายที่เล็กที่สุดในโลก / Top 10 smallest desert in the world

แปลโดย landmass70

ทะเลทราย กินพื้นที่เกือบหนึ่งในสามของพื้นผิวโลก แต่มีเพียง 41 ประเทศในโลก หรือหนึ่งในห้าเท่านั้น ที่เป็นที่ตั้งของทะเลทรายทั้งหมดบนโลกใบนี้ ซึ่งทำให้มีประเทศจำนวนมาก
ที่ไม่เพียงประเทศใดประเทศหนึ่ง เราไม่รู้ว่าการอยู่ในประเทศ ที่ไม่มีทะเลทรายจะรู้สึกอย่างไร แต่ก็ต้องรู้สึกแย่ และไม่เพียงพออย่างแน่นอน เพราะมีอีกหลายภูมิภาค ที่ไม่มีความผิดปกติทางภูมิศาสตร์
ที่ร้อนและแห้งแล้งจริงๆ แต่ก็ยังรวดเร็วในติดป้ายสถานที่ ที่มีทรายหรือสถานที่แห้งแล้ง ว่าทะเลทราย และนี้คือบางส่วนของทะเลทรายเทียม ที่โดดเด่นที่สุดในโลก

Desert of Maine ทะเลทรายแห่งเมน (0.16 ตารางกิโลเมตร)
เป็นผืนน้ำแข็งขนาด 40 เอเคอร์ ในป่าสน เมืองฟรีพอร์ต รัฐเมน สหรัฐอเมริกา ทะเลทรายของรัฐเมน ไม่ใช่ทะเลทรายที่แท้จริง แต่เป็นสารคล้ายทรายที่อยู่ใต้ดินในช่วงยุคน้ำแข็งสุดท้าย
กระทั่งถูกเปิดเผย ตะกอนจะยังคงซ่อนอยู่ใต้ดิน ถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวทุตเทิล ที่ตัดสินใจทำการเกษตรในที่ดิน ในปี 1797 ครอบครัวทุตเทิล ค่อยๆ ทำให้ดินที่มีสารอาหารที่จำเป็นหมดไป
เมื่อรวมกับการเลี้ยงแกะจำนวนมาก นำไปสู่การพังทลายของดิน เผยให้เห็นเนินทรายของตะกอนน้ำแข็งคล้ายทราย ผืนเล็กๆ ที่เผยออกมาในตอนแรก ค่อยๆ แผ่กระจายไปทั่วฟาร์ม ในที่สุดครอบครัวทุตเทิล
ต้องละทิ้งดินแดนแห่งนี้ในปี 1919 ชายผู้กล้าได้กล้าเสีย เฮนรี โกลด์รัพ ซื้อฟาร์มในราคา 300 ดอลลาร์ และแปลงเป็นแหล่งท่องเที่ยวในปี 1925 ปัจจุบันสถานที่นี้ ได้รับการอนุรักษ์
ไว้เป็นพื้นที่อยากรู้อยากเห็นโดยธรรมชาติ ร้านขายของกระจุกกระจิก พิพิธภัณฑ์ทราย และพิพิธภัณฑ์ฟาร์ม

Okanagan Desert ทะเลทรายโอคานากัน
ซ่อนตัวอยู่ตรงมุมทางใต้สุด ของหุบเขาโอคานากัน ที่สวยงามคือทุ่งหญ้าพุ่มแห้งๆ ที่คนนิยมเรียกกันว่า ทะเลทรายแห่งเดียวในแคนาดา บริเวณนี้ของโอคานากัน ล้อมรอบชุมชนโอซอยออส
และทะเลสาบที่มีชื่อเดียวกัน มีพืชหายาก 100 ชนิด และสัตว์ 300 ตัว ที่ไม่พบที่ไหนในประเทศ โอซอยออสมีสภาพอากาศกึ่งแห้งแล้ง โดยมีวันที่อากาศร้อนและแห้งมากในฤดูร้อน
และวันที่อากาศอบอุ่นมากในฤดูหนาว ทะเลสาบโอซอยออส เป็นทะเลสาบน้ำจืด ที่อบอุ่นที่สุดในแคนาดา และในฤดูหนาวจะไม่กลายเป็นน้ำแข็งเลย ทะเลทรายโอซอยออส
ดำเนินการนำเที่ยว ซึ่งผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับนิเวศวิทยาในทะเลทราย การฟื้นฟูที่อยู่อาศัย และการอนุรักษ์ระบบนิเวศที่ใกล้สูญพันธุ์ใน South Okanagan

Carcross Desert ทะเลทรายคาร์ครอส (2.6 ตารางกิโลเมตร)
ตั้งอยู่นอกเมืองคาร์ครอส เมืองยูคอน ประเทศแคนาดา ทะเลทรายคาร์ครอส มักถูกมองว่าเป็นทะเลทรายที่เล็กที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 2.6 ตารางกิโลเมตร
ไม่ใช่ทะเลทรายที่แท้จริง แต่เป็นพื้นทรายขนาดใหญ่ ที่ก่อตัวขึ้นในช่วงยุคน้ำแข็งสุดท้าย เมื่อทะเลสาบน้ำแข็งขนาดใหญ่ ก่อตัวขึ้นและสะสมตะกอน เมื่อทะเลสาบแห้ง เนินทรายก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
ทุกวันนี้ ทรายส่วนใหญ่มาจากทะเลสาบเบนเน็ตต์ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งพัดพาไปตามลม เนินทรายมีพืชหลากหลายชนิด รัฐบาลยูคอน ได้ทำพยายามที่จะปกป้องทะเลทรายคาร์ครอส ในปี 1992
แต่ล้มเหลว เนื่องจากการต่อต้านจากชาวบ้าน ที่ใช้ทรายเพื่อกิจกรรมสันทนาการ

Błędów Desert ทะเลทรายเบลนดูฟ (32 ตารางกิโลเมตร)
ตั้งอยู่ระหว่างเบลนดูฟ และหมู่บ้านเชชโลและคลูส ในโปแลนด์ ที่พื้นที่ 32 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งสะสมทรายที่ใหญ่ที่สุด ในยุโรปกลาง ในพื้นที่ห่างไกลจากทะเลใดๆ
ถึงกระนั้น ก็ยังเป็นเพียงหนึ่งในห้าของขนาดเดิม เมื่อย้อนไปในปี 1950 ทะเลทรายมีขนาดใหญ่มาก จนผู้เข้าชมรายงานว่า เห็นภาพลวงตาและพายุทรายที่นี่ จนกระทั่งถึงยุคกลาง
พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้ ซึ่งเติบโตเหนือพื้นที่กว้างใหญ่ ที่มีชั้นทรายหนาทึบ ซึ่งมีน้ำที่ไหลออกมาจากธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย สถานการณ์เปลี่ยนไปในศตวรรษที่ 12
เมื่อชาวบ้านทำลายป่าในท้องถิ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของแร่เงิน และโรงหล่อตะกั่วจากโอลคูสที่อยู่ใกล้เคียง

Oleshky Sands ทะเลทรายโอเลสะกี้ (161.2 ตารางกิโลเมตร)
เป็นผืนทรายขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในแผ่นดินจากชายฝั่งยูเครนของทะเลดำ ผืนทรายตั้งอยู่ใกล้บริเวณตอนล่างของแม่น้ำนีเปอร์ มีมานานหลายศตวรรษ แต่ทะเลทรายเพิ่งปรากฏขึ้นไม่นาน
พื้นที่ทรายนี้ เคยถูกปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์ ซึ่งทำให้ทรายไม่สามารถแพร่กระจายได้ แต่ในศตวรรษที่ 19 ด้วยความตั้งใจที่ดี ที่จะเปลี่ยนภูมิภาคนี้ให้เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า
จึงแกะประมาณหนึ่งล้านตัว มายังดินแดนแห่งนี้ ในไม่ช้าสัตว์ทั้งหลายก็กินหญ้าจนหมด เผยให้เห็นทรายที่อยู่เบื้องล่าง เนื่องจากการกัดเซาะของลม ทรายที่ไม่ถูกจำกัด จึงเริ่มเข้ายึดครองดินแดนใหม่
และทะเลทรายก็แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ภูมิภาคทะเลดำทั้งหมด กลายเป็นทะเลทรายขนาดใหญ่ ในศตวรรษที่ 20 ได้มีการปลูกป่าเทียมไว้รอบๆ ทรายปัจจุบัน
ป่าเหล่านี้แผ่ขยายไปทั่วอาณาเขต 100,000 เฮกตาร์ เป็นป่าเทียมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

Accona Desert ทะเลทรายแอคโคนา
เป็นพื้นที่กึ่งแห้งแล้งในทัสคานี ประเทศอิตาลี มีลักษณะเป็นรูปทรงโดมที่เรียกในท้องถิ่นว่าเบียนกาเน ดินเหนียวที่มีลักษณะเฉพาะนี้เรียกว่าแม็ททาโยเน่ เป็นตัวแทนของตะกอนของทะเล
พลิโอซีน ซึ่งปกคลุมพื้นที่เมื่อ 2.5 ถึง 4.5 ล้านปีก่อน บริเวณที่โล่ง และแทบไม่มีพืชพันธุ์นี้ ถูกเรียกว่าทะเลทรายอักโคนาตั้งแต่ยุคกลาง

Highlands of Iceland ที่ราบสูงไอซ์แลนด์
ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่เหนือ 400–500 เมตร และส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายภูเขาไฟ ที่ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากน้ำที่ตกลงมา เมื่อฝนหรือหิมะแทรกซึมลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว
จนพืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดพื้นผิวสีเทา สีดำ หรือสีน้ำตาล แผ่นดินเป็นลาวาและเถ้าถ่านภูเขาไฟ

Rangipo Desert ทะเลทรายรันจิโป
เป็นภูมิภาคที่แห้งแล้งในนิวซีแลนด์ ซึ่งคล้ายกับทะเลทราย แม้จะได้รับปริมาณน้ำฝนที่มาก แต่เนื่องจากคุณภาพของดินไม่ดี ลมแห้ง และเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อจำนวนมาก ในระหว่างการปะทุอย่างรุนแรง
เมื่อประมาณ 20,000 ปีก่อน พืชพรรณมีน้อยและกระจัดกระจาย ส่วนใหญ่เป็นหญ้าแฝกและหญ้าหิมะ ต้นน้ำของลำธารเล็ก ๆ จำนวนมาก ซึ่งต่อมากลายเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ เซาะหุบเขาที่มีฟันปลาลึก
ผ่านเถ้าถ่านที่ยังไม่รวมตัว และดินที่อุดมด้วยหินภูเขาไฟ สภาพภูมิอากาศที่นี่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาว โดยมีหิมะตกหนัก และพื้นดินมีน้ำค้างแข็ง

Tottori Sand Dunes เนินทรายต็อตโตริ (2.4 ตารางกิโลเมตร)
ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองต็อตโตริ ประมาณ 16 กิโลเมตร แถบๆเลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติซานินไคกัน สร้างระบบเนินทรายขนาดใหญ่เพียงระบบเดียว มากกว่า 2.4 ตารางกิโลเมตร ในญี่ปุ่น
เนินทรายแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมานับพันปี การก่อเกิดของเนินทราย เกิดจากการที่ทรายที่ใกล้แม่น้ำเซนไดกาวะ ถูกชะล้างออกไปสู่ทะเล แล้วกระแสน้ำในมหาสมุทร ก็พัดพาไปอยู่ตามแนวชายฝั่ง
กระแสน้ำและลม ก็ยังพัดเข้าชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้เนินทรายมีภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่พื้นที่ของเนินทรายก็ลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากรัฐบาลปลูกป่า และกำแพงคอนกรีตเพื่อปกป้องชายฝั่ง

Lençóis Maranhenses National Park อุทยานแห่งชาติ ลิงซ้อย มารางิงซิส
สภาพภูมิประเทศอันแปลกประหลาด ในเขตอุทยานแห่งชาติ ลิงซ้อย มารางิงซิส อุทยานแห่งชาติทางตะวันออกของอ่าวเซนต์โจเซฟ ในเขตรัฐมารันเยา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบราซิล
อุทยานแห่งชาติ ที่มีแม่น้ำตรืกกี้ซัสไหลผ่านแห่งนี้ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำขนาดใหญ่ ที่ส่วนมากจะถูกน้ำท่วมเป็นประจำ โดดเด่นด้วยเนินทรายขนาดใหญ่ พื้นที่กว่า 1,500 ตารางกิโลเมตร
ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัวคล้ายทะเลทราย แต่เต็มไปด้วยบ่อน้ำคล้ายลากูน พื้นที่ดังกล่าว มักมีฝนตกชุกมากในช่วงหน้าฝน แต่ไม่สามารถปลูกพืชหรือทำการเกษตรใดๆ ได้เลย

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
landmass70's profile


โพสท์โดย: landmass70
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
15 VOTES (5/5 จาก 3 คน)
VOTED: อ้ายเติ่ง, Thorsten, แสร์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ผิดคาด!! เมื่อพ่อเอาตุ๊กตาตัวโปรดไปซัก น้องก็นั่งดูอย่างใจเย็น เป็นคนอื่นร้องไปแล้วนะบ้างาน Workaholic เสพติดการทำงาน เช็กด่วน! สัญญาณของคนบ้างานและวิธีการรับมือ"ใช้เจลหล่อลื่น" ช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์จริงหรือไม่?อาหารแก้ท้องอืด กลุ่มอาหารลดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร เพิ่มประสิทธิภาพลำไส้ให้สมดุลท้องเสีย ทำไมห้าม ดื่มนม
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
โทนี่-แก้ว เผยสาเหตุแล้ว เพราะเหตุใดจึงขายแหวนแต่งงานเพจดังเปิด ภาพพร้อม คำกล่าวของผู้โพสต์แจกรองเท้าฟรี กรณียายกู้เงิน 80,000 บาทมาซื้อรองเท้า
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
เที่ยวดอยอินทนนท์: สวรรค์แห่งทะเลหมอกและธรรมชาติอันงดงามสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งเซบียาเมื่อฉันไปบาหลี EP.4 Monkey forest Ubudคู่รักใช้ Airpods ช่วยตำรวจจับโจร
ตั้งกระทู้ใหม่