10 แสงปีศาจจากทั่วโลก / 10 Potentially Paranormal Examples of Spook Light Phenomenon
บนโลกของเรานั้น มีปรากฏการณ์ลึกลับประหลาดมากมาย และหนึ่งในนั้นคือ “แสงผี” (spook lights) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งมักปรากฏในรูปแบบลูกไฟ
ซึ่งมักเป็นสีฟ้า เกิดในสถานที่เฉพาะ แม้ว่าแสงดังกล่าว จะสามารถอธิบายได้ ในทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้นว่า ไฟจากรถไฟ, ก๊าซจากบึง แต่บางคนยังคงเชื่อว่า แสงดังกล่าวนั้น เป็นพลังงานลึกลับ,
ผี, ยูเอฟโอ หรือสิ่งที่ไม่สามารถอธิบาย ทางวิทยาศาสตร์อื่นๆ 10 อันดับต่อไปนี้คือ ผีแสง จากทั่วโลก ซึ่งแล้วแต่คุณจะพิจารณาว่ามันเกิดจากอะไร
10. Gurdon Spook Lights, Arkansas
10. ไฟผีเกอร์ดอน
เมื่อขับรถไป 75 ไมล์ ทางใต้ของลิตเติ้ลร็อค และไปทางทิศตะวันออก ตามทางหลวงหมายเลข 67 คุณจะพบเมืองเล็กๆ ที่เรียกว่าเกอร์ดอน ซึ่งเป็นสถานที่อยู่ของไฟผีลึกลับ ที่ออกมาหลอกหลอนบริเวณป่า
ที่มีรางรถไฟ เจ้าไฟผีนี้ มีผู้พบเห็นยาวนาน กว่า 80 ปีที่ผ่านมา บางคนบอกว่าเป็นแสงจากโคมไฟ ของวิญญาณคนงานรถไฟ ที่ถูกฆ่าอย่างไร้ปราณี บางตำนานบอกว่า เขาถูกประหารชีวิต
ศีรษะของเขา ถูกแยกจากร่างกาย และเขาพยายามใช้แสงไฟ เพื่อค้นหาหัวของเขา ไฟผีดังกล่าวมีหลายสี ตั้งแต่สีฟ้า, สีเขียว สีส้ม หรือสีขาว มักโผล่มาแบบผลุบๆ โผล่ๆ มักปรากฏในตอนคืนมืด หรือมืดครึ้ม
แม้ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ตัวจริงของแสง เป็นเพียงแค่ผลึกควอตซ์เปล่งแสง ไม่ก็แสงจากรถยนต์ ที่อยู่ทางหลวงที่ไกลออกไป อย่างไรก็ตามจนถึงทุกวันนี้ ตัวตนของไฟผียังคงลึกลับ
9. Silver Cliff Cemetery Lights, Colorado
9. แสงสุสานซิลเวอร์ คลิฟ
พบเห็นครั้งแรก ในปี 1882 ที่ปรากฏในตอนกลางคืน ลักษณะรูปร่าง เป็นแสงทรงกลมสีฟ้า ไม่ก็สีขาว ลอยไปลอยมา เหมือนเต้นรำไปรอบๆ ป้ายสุสานซิลเวอร์คลิฟ โคโลราโด ซึ่งตั้งอยู่ในชานเมือง
สิ่งที่แปลกประหลาดกว่า “ดวงไฟผี” ชนิดอื่นๆ คือ มันมักปรากฏตัว กลุ่มสี่หรือห้าดวง แทนที่จะปรากฏแบบเดี๋ยวๆ เพียงแต่ขนาดของมัน เล็กกว่าดวงไฟผี ซึ่งมันมีขนาด เท่ากับบาสเก็ตบอลเท่านั้น
เช่นเดียวกับไฟผีส่วนใหญ่ คือไม่สามารถไล่ตามมันได้ และมันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว โดยเรื่องราวของมัน เริ่มมีชื่อเสียง เมื่อมีบทความนิตยสาร เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิค
ตีพิมพ์ในเดือนสิงหาคม 1969 ได้เล่าเรื่องของมัน แน่นอนว่ามีหลายทฤษฏี ที่พยายามอธิบายตัวจริง ของดวงไฟนั้น ซึ่งเชื่อว่าตัวจริงของมันก็คือ “ไฟฟอสฟอรัส”
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ปกติ ที่เกิดขึ้นในหนองน้ำ และสถานที่เปียกชื้น แต่อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ ตัวจริงของแสงสุสานซิลเวอร์ คลิฟยังคงลึกลับ
8. Ghost Lights of the Yakima Indian Reservation, Washington State
8. ลูกไฟปีศาจ แห่งเขตสงวนอินเดียน ยากามา
วอชิงตัน ประเทศอเมริกา ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 มีการพบเห็นลูกบอลกลม สีขาวส้มเรืองแสง ให้ผู้คนได้เห็น และมีภาพถ่ายมากมาย ส่วนมากจะเป็นลูกบอลไฟลอย เหมือนเต้นท่ามกลางต้นไม้
มักจะปรากฏในระยะไกล ต้องมองผ่านกล้องส่องทางไกล และมันจะปรากฏตัวนาน เกือบ 90 นาที ก่อนที่มันจะหายไป นอกจากลูกบอลกลมสีขาว ส้มเรืองแสง ยังสามารถเปลี่ยนสีได้ด้วย
บ้างก็เปลี่นยเป็นสีแดง สีฟ้า สีเขียว และสีขาว เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และมันก็ลอยราวกับมีชีวิต และที่ประหลาดคือ มันมีหางหรือเสาอากาศ ที่เหมือนปลายขนาดเล็กยืนออกมา ชี้ขึ้นด้านบนด้วย
จนทำให้ตัวจริงของมันเป็นที่ถกเถียง ว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว หรือจะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แม้จะมีการตรวจสอบ ก็ไม่พบคำตอบแต่อย่างใด ว่าไฟปีศาจนี้ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
7. The Hessdalen Lights, Norway
7. แสงแห่งเฮสดาเลน
ณ หุบเขาเฮสดาเลน หุบเขาเล็กๆ ในประเทศนอร์เวย์ ได้มีปรากฏการณ์ประหลาด เมื่อมีการพบเห็นแสงประหลาดคล้ายลูกไฟสีขาว ลักษณะขนาดใหญ่บ้าง เล็กบ้าง บางครั้งก็ลอยอ้อยอิ่งอยู่นาน
บางครั้งก็เคลื่อนที่ผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว บางครั้งปรากฏบ่อยมาก จนเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างไรก็ตามความถี่ การปรากฏตัวของลูกไฟ ก็ลดลงเรื่อยๆ จนนานๆ ครั้ง ถึงจะปรากฏ ประมาณ 20 ครั้งต่อปี
พบเห็นครั้งแรก ในปี 1981 และจนถึงทุกวันนี้ ไม่สามารถอธิบายได้ ว่าเกิดจากอะไร และรัฐบาล ก็ไม่ค่อยเต็มใจมากนัก ที่จะให้นักวิทยาศาสตร์ เข้ามาตรวจสอบ
บ้างก็ว่าเกิดจากนกฮูก ที่ปนเปื้อนแบคทีเรียที่เรืองแสง ไม่ก็กลุ่มก๊าสหรือพลาสมาติดไฟ บางคนบอกว่า เป็นยูเอฟโอเลยก็มี
6. The Hornet Spook Light, Hornet, Missouri
6.ไฟผีฮอร์เน็ต
หากเดินทางไปยังชายแดน ระหว่างตะวันตกเฉียงใต้ รัฐมิสซูรี่ คุณจะพบกับตำนานของไฟปีศาจ แห่งเมืองฮอร์เน็ตที่มีชื่อเสียง มันแปลกกว่าไฟปีศาจอื่นๆ ตรงที่มันสามารถเปลี่ยนสีได้ พยานบางรายอ้างว่า
เป็นไฟเรืองแสงสีเขียว ขณะที่คนอื่นบอกว่า มันเป็นสีส้ม, สีแดง, สีเหลือง, สีฟ้า อีกทั้งยังสามารถแยกจากกัน บินไปรอบๆ ไฟดังกล่าวมีการพบเห็น ตั้งแต่ปี 1881 และมีการถ่ายภาพอย่างกว้างขวาง
มีตำนานเล่าว่าไฟผีดังกล่าว เกิดจากวิญญาณของหนุ่มชาวควอพอว์ (ชนเผ่าอเมริกันพื้นเมือง) ที่กล้าหาญ กับเจ้าสาวของเขา ที่ฆ่าตัวตาย จากการโดดหน้าผา เนื่องจากความรักไม่สมหวัง
แน่นอนว่ามีทฤษฏีมากมาย ที่พยายามอธิบายตัวจริงของไฟปีศาจ เป็นต้นว่า แสงไฟพลาสม่า จากก๊าซหนองน้ำ, ลูกบอลฟ้าผ่า, ไฟกระพริบจากอ่างเก็บน้ำ ที่อยู่ไกลออกไป
5. Fireship of Baie des Chaleurs, Chaleur Bay, Newfoundland & Labrador, Canada
5.เรือเพลิงแห่งเบย์ เดส์ ชาเลอร์
ที่อ่าวชาเลอร์เบย์, นิวฟาวด์แลนด์& ลาบาดอร์ ประเทศแคนาดา มีปรากฏการณ์ประหลาด ที่พบเห็นเป็นครั้งคราว โดยมีการพบเห็นแสง ในลักษณะคล้ายกับเรือผี ในศตวรรษที่ 18 ที่เกิดไฟลุกไหม้เสากระโดง
ก่อนที่ 5 น่าทีต่อมา มันก็จางหายไป ซึ่งแตกต่างจากบอลปีศาจ ที่เป็นลูกลมๆ ตามตำนานเชื่อว่า ไฟปีศาจนี้ เกิดจากสมัยก่อนมีกัปตันเรือ ที่มีนิสัยโหดร้าย และเขาก็ถูกฆ่าโดยศัตรู
และเรือของเขาถูกไฟไหม้ และก่อนตาย เขาได้กล่าวสาปแช่งว่า จะหลอกหลวนบริเวณแห่งนี้ เป็นเวลาถึง 1,000 ปี และแน่นอนว่าทุกวันนี้ ตัวจริงของเรือเพลิง ยังคงลึกลับ
4. Longdendale Lights, Derbyshire, England
4.แสงลอนเด็นเดล
ปรากฏตัวในหุบเขาเดอบีเชอร์ ที่ห่างไกลทางภาคเหนือ ของประเทศอังกฤษ ชาวบานแถบนั้นรู้จักกันดีในชื่อ “หุบเขาผีสิง” โดยหุบเขา และพื้นที่บริเวณโดยรอบ มักมีปรากฏการณ์แปลกๆ มากมาย
รวมถึงลูกไฟ ที่ไม่สามารถอธิบาย มันถูกเรียกว่า “กองไฟปีศาจ” ซึงมันจะปรากฏ ในตอนกลางคืน ในลักษณะเป็นเปลวไฟวูบวาบ ลอยบนท้องฟ้า และที่แปลกคือ ไฟจะจางหายไป หากพวกเขาเข้าไปใกล้
และมีบันทึกว่ามันปรากฏตัว ตั้งแต่ยุคกลาง และไม่มีใครทราบว่า เกิดจากอะไรกันแน่
3. Naga Fireballs, Mekong River, Thailand
3. บั้งไฟพญานาค
ในแต่ละปี ตามแม่น้ำโขง ระหว่างประเทศไทยและลาว จะมีปรากฏการณ์ประหลาด เมื่อลูกไฟกลม กว่า 200-800 ลูก โผล่ขึ้นจากน้ำ พุ่งไปบนฟ้า ที่แปลกคือปรากฏการณ์นี้ มักเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม
วันออกพรรษา ในช่วงพระจันทร์เต็มดวง ตามตำนานท้องถิ่นเชื่อว่า ดวงไฟเกิดจากพญานาค ในตำนานพุทธศาสนา แต่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่บอกว่า เกิดจากก๊าซทีเทน จากฟอสซิลธรรมชาติ
ที่ถูกปล่อยออกจากแม่น้ำ หรือไม่ ก็เกิดจากฝีมือของมนุษย์ ไม่ว่าจะเกิดจากอะไรก็ตาม ทุกวันนี้หลังอาทิตย์ตกดิน ฝูงชนนับพัน จะมารวมตัว ในสถานที่แห่งนี้ เพื่อดูปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค”
2. The Peakland Spooklights, Peak District National Park, Derbyshire, England
2.ลูกไฟปีศาจพาร์คแลนด์
อุทยานแห่งชาติพีคดิสตริกต์ ในดาร์บีเชอร์ ประเทศอังกฤษ มีปรากฏการณ์ลูกไฟลอยได้ เหมือนไฟกระสือบ้านเรา และยังมีนิสัยขี้เล่นราวกับมีชีวิต ลอยโฉบไปมา แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ จะพยายามพิสูจน์
ว่าตัวจริงของดวงไฟที่ลุกโชนนี้ จะมาจากโมเลกุลของก๊าซมีเทน ที่เกิดจากการสะสมจากซากเน่าเปื่อยของอินทรียสาร แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 1980 ศาสตราจารย์ธรณีวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยเลสเตอร์
ทดลองสร้างลูกไฟ แต่ก็ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะดวงไฟที่ว่านั้น ไม่เหมือนลูกไฟปีศาจดังกล่าวได้เลย อีกทั้งยังไม่พบจุด ที่เกิดดวงไฟด้วย
1. Brown Mountain Lights, Burke County, North Carolina
1.แสงปีศาจภูเขาบราวน์
ราวศตวรรษที่ 18 ภูเขาบราวน์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา มีการพบเห็นลูกไฟประหลาด รูปร่างเป็นลูกกลมสีแดง โผล่จากภูเขา ซึ่งต่อมาได้รับการกล่าวขานว่า เป็นไฟผี ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก
และได้รับการตรวจสอบ โดยผู้เชี่ยวชาญทางธรณี ของสหรัฐ รายงานการพบเห็นลูกไฟแห่งนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ วันที่ 24 กันยายน 1913 เมื่อมีชาวประมงได้อ้างว่า เห็นไฟลึกลับปรากฏตัว อยู่เหนือขอบฟ้าทุกคืน
นอกจากนี้เหล่าดวงไฟ ยังสามารถเห็นจากบลูริดจ์ปาร์คเวย์ ซึ่งจุดนี้ สามารถมองเห็นภูเขาบราวน์ได้อย่างชัดเจน และดวงไฟมักปรากฏ ในช่วงเดือนกันยายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
ซึ่งดึงดูดผู้คน เข้ามาชมเป็นจำนวน
อ้างอิงจาก: https://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=486572&chapter=658