เปิด Timeline เครือซีพี ทุ่มบริจาคช่วยคนไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19

ภาพจาก internet

 

ตั้งแต่ประเทศไทยเริ่มมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประมาณต้นเดือนมีนาคม 2563 ก็เริ่มเกิดวิกฤตขึ้นภายในประเทศ ความวิตกกังวลของประชาชนเริ่มมีมากขึ้น สินค้าต่างๆ เริ่มถูกกักตุน และสิ่งหนึ่งที่ในขณะนั้นเป็นที่พูดถึงคือการขาดแคลนหน้ากากอนามัย ปละผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านหน้าที่ต้องรับมือกับเชื้อไวรัสนี้เป็นกลุ่มแรก

 

ภาพจาก Beartai - แบไต๋

 

วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2563

 

เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เล็งเห็นถึงปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย ที่มีเงื่อนไขในการผลิตมากมาย อีกทั้งจำนวนโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศไทยก็มีเพียง 11 โรงงานเท่านั้น ไม่สามารถเร่งกำลังการผลิตได้ทัน รวมถึงวัตถุดิบในการผลิตบางอย่างที่ต้องสั่งมาจากต่างประเทศมีไม่มีเพียง จึงประกาศอาสาแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ โดยจะสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยขึ้นเอง โดยจะใช้เวลาในการก่อสร้าง 5 สัปดาห์ รวมมูลค่าในการก่อสร้างประมาณ 100 ล้านบาท

 

ภาพจาก Brand Buffet

 

วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2563

 

ซีพีประกาศว่าโรงงานหน้ากากอนามัยที่ก่อสร้างนั้น เสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะเดินหน้าผลิตทันที โดยหลังจากผลิตหน้ากากอนามัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะทำการส่งมอบต่อให้กับ "สภากาชาดไทย" เพื่อบริหารจัดการและส่งต่อให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ

 

ภาพจาก Kapook.com

 

หลังจากเดินเครื่องผลิตหน้ากากอนามัยไปประมาณ 1 ปี ซีพีก็ส่งมอบหน้ากากอนามัยไปแล้วกว่า 14 ล้านชิ้น ซึ่งทางซีพีเอง ก็ยืนยันว่าไม่เคยนำหน้ากากอนามัยที่ผลิตจากโรงงานนี้ ไปวางขายที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่นแน่นอน ที่พบเห็นวางขายนั้น เป็นสินค้าที่ผลิตจากโรงงานอื่นเท่านั้น

 

ภาพจาก Thaipost

 

ภาพจาก MGR Online

 

วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2564

 

หลังจากผ่านวิกฤตโควิด-19 ไป 2 ระลอก เหมือนว่าสถานการณ์ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแล้ว แต่หลังจากช่วงสงกรานต์ของปี 2564 ก็เกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 ขึ้นอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 และครั้งนี้ก็หนักเกินกว่าทั้ง 2 ระลอกที่ผ่านมา ทำให้ภาคเอกชน ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยอีกครั้ง และครั้งนี้ "เจ้าสัวซีพี" ก็ทุ่มงบอีกกว่า 200 ล้านบาท ในการส่งเสบียง อาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ไปยังโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ

 

ภาพจาก ฐานเศรษฐกิจ

 

ภาพจาก eFinancethai

 

วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564

 

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงวิกฤต ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยล่าสุด (4 สิงหาคม) ก็เกิดสถิติผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 2 หมื่นคน ถือเป็นจำนวนสูงที่สุดตั้งแต่เกิดวิกฤตเป็นต้นมา อีกทั้งยังคงมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นกว่านี้อีกด้วย

 

 ภาพจาก ศูนย์ข้อมูล COVID-19

 

และปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาในตอนนี้คือปัญหาในการขาดแคลนยาต้านเชื้อไวรัส "ฟาวิพิราเวียร์" (ขอไม่เอ่ยถึงเรื่องวัคซีน) ที่ตอนนี้เริ่มพบปัญหาขาดแคลนแล้ว ส่วนยาอีก 1 ชนิดคือ "ยาฟ้าทะลายโจร" ซึ่งเป็นยาพื้นบ้านของไทยที่สามารถช่วยได้ในผู้ป่วยระดับสีเขียว ก็เริ่มพบปัญหาเช่นกัน ทั้งเรื่องราคาที่ดีดตัวสูงขึ้น รวมถึงมีมิจฉาชีพทำยาปลอมออกมาขาย

 

เมื่อเกิดปัญหาขึ้นอีก ภาคเอกชนเองก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้ ในครั้งนี้ "เจ้าสัวธนินท์" จึงประกาศขอช่วยเหลือประชาชนคนไทยที่กำลังเดือดร้อนอยู่ขณะนี้ โดยจะสนับสนุนอาหารกล่องจำนวน 2 ล้านกล่อง แบ่งเป็นอาหารที่ซื้อจากผู้ค้ารายย่อยที่ซีพีจะอุดหนุนมาแจก จำนวน 1 ล้านกล่อง และอาหารกล่องของซีพีเองอีก 1 ล้านกล่อง เพื่อสนับสนุนพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยให้มีรายได้ไปด้วย

 

ภาพจาก วาไรตี้เด็ด!

 

ภาพจาก เดลินิวส์

 

และอีกส่วนหนึ่งคือจะรับอาสาผลิต "ยาฟ้าทะลายโจร" มาแจกเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลน โดยจะใช้เวลาในการปลูกและผลิตยา 100 วัน ดูแค่ตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งผลิตออกมาเป็นเม็ดแคปซูล ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่ 30 ล้านแคปซูล

 

ภาพจาก Thaipost

 

ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรในการช่วยเหลือของเจ้าสัว แต่สิ่งที่ทำอย่างน้อยๆ ก็มีประโยชน์ต่อประชาชนเหมือนกัน ซึ่งตัวเจ้าสัวเอง คงรู้ว่าไม่ว่าตัวเองจะอยู่เฉยๆ ทำธุรกิจต่อไป หรือช่วยเหลือประเทศและประชาชนก็คงต้องโดนด่าอยู่ดี เพราะความใหญ่โตของบริษัท

 

และตอนนี้เราคงเห็นแล้วว่า "เจ้าสัวธนินท์" เลือกที่จะทำแล้วโดนด่า ดีกว่าก้มหน้าก้มตาทำธุรกิจแล้วก็โดนด่าอยู่ดี