" ไม่ยอมลงโลง "
" ไม่ยอมลงโลง "
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของสามีของดิฉัน (ผู้เล่า)เองค่ะดิฉันแต่งงานมีครอบครัวและอาศัยอยู่ในรัฐนึงของประเทศมาเลเซีย..
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงมีนาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บ้านของพ่อสามีดิฉัน ขอบอกก่อนนะคะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริง และมีผู้รู้เห็นเหตุการณ์กันหลายคน จึงขอให้เพื่อนๆที่อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ🙏
เข้าเรื่องต่อเลยนะคะ.. ตอนเดือนมีนาในกลางดึกของคืนวันนึงทางครอบครัวของสามีได้รับข่าวร้าย.. ลูกชายคนเล็กของครอบครัว(น้องชายคนเล็กของสามี)
" ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตคาที่.."
ทางครอบครัวเลยไปที่รพ เพื่อติดต่อขอรับศพ
แต่เนื่องจากสภาพของน้องชายสามีบอบช้ำและเสียหายมาก( จนท รพ แจ้งมา ) เลยต้องทำการจัดการให้สภาพศพดูดีขึ้นก่อนจะส่งให้ทางครอบครัวรับกลับ เราจึงต้องกลับมาก่อนและรอไปรับอีกทีในวันรุ่งขึ้น..
และทางครอบครัวของสามีจึงจัดการแบ่งหน้าที่จัดการเรื่องงานศพ และในส่วนของการจัดการติดต่อสถานที่,ติดต่อเรื่องโลงศพ,เรื่องหน้างานเป็นหน้าที่ของสามีเรา ส่วนพ่อสามีและคนอื่นๆจะจัดการเรื่องรับศพและแจ้งข่าวแก่ญาติๆของพวกเขา ( เพิ่มเติมค่ะ..ครอบครัวสามีเป็นชาวจีนมาเลเซียนะคะ )
หลังจากที่ทาง รพ จัดการเรื่องศพเรียบร้อย ก็ได้แจ้งติดต่อมาทางครอบครัวให้ไปรับศพ
ทางครอบครัวจึงเดินทางไปรับศพ พร้อมกับโลงเปล่าใบนึงสำหรับบรรจุศพกลับมา.. เรื่องราวแปลกๆก็เริ่มเกิดขึ้นที่เเรกที่ รพ..
..เรื่องคือ.. หลังจากที่ไปถึง รพ ก็ไปติดต่อ จทน เพื่อขอรับศพนำมาบรรจุลงโลงที่เตรียมมา พอติดต่อเสร็จเรียบร้อย จนท ก็เดินนำ สามี,น้องชายคนรอง,พ่อสามี เข้าไปจัดการเกี่ยวกับศพ โดยที่ดิฉันและคนอื่นๆรออยู่ด้านนอก ( เพราะไม่อยากเห็นสภาพศพค่ะ )
สักพักใหญ่ๆ สามีดิฉันโทรเข้ามา.. ดิฉันเลยรับสาย
สามีบอกว่า..
"พากันกลับไปก่อนเลยนะ ไปรอที่บ้าน เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน "
ดิฉันก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็บอกทุกๆคน และกลับไปรอกันที่บ้านก่อน
เราเลยพากันกลับไปรอที่บ้าน..
สัก ชม. กว่าๆ สามีและทุกคนก็กลับมาถึงบ้าน พร้อมแจ้งข่าวว่า..
"พรุ่งนี้ค่อยไปรับศพอีกที เพราะเอาศพใส่โลงไม่ได้ "
ดิฉันก็ถาม.."เกิดอะไรขึ้น ทำไมเอาศพใส่โลงไม่ได้?"
สามีก็เลยเล่าให้ฟังว่า..
"ตอนที่ จนท พาพวกเขาไปที่ห้องรับศพ สภาพศพตอนที่เห็นคือ ตั้งแต่ส่วนหน้าอกขึ้นไปจนถึงหัว ถูกพันด้วยผ้าทั้งหมด (แบบมัมมี่) และส่วนตรงแขนซ้ายช่วงข้อศอกมีรอยเย็บต่อเพราะเเขนขาดออก(จนท.บอก ) ส่วนอื่นๆก็มีรอยช้ำ,รอยถลอก. "
" แล้วพวกเขาก็จัดการเปลี่ยนชุดให้กับศพ (ชุดที่เตรียมไปจากบ้าน ) พอเสร็จก็จะนำศพไปใส่โลง แต่พอตอนที่กำลังจะนำศพใส่โลง มันแปลกมากที่ตอนช่วยกันยกศพ กลับยกไม่ขึ้น! พอยกช่วงหัวกับช่วงขา กลายเป็นช่วงลำตัวศพ กลับไม่ขึ้น
( นึกภาพออกมั้ยคะ แบบพอยกหัวและขาขึ้น ศพก็งอกลายเป็นตัว V แบบนี้ )
ทุกคนแปลกใจมาก ทั้งๆที่ศพควรจะแข็งและไม่น่าจะหนักแบบนี้ เพราะน้องชายเป็นคนรูปร่างเล็ก บางๆเหมือนผู้หญิง.."
ที่นี้ทุกคนเลยหยุดแล้วตั้งศพเอาไว้เหมือนเดิม แล้วคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น..
พอสักพักเลยลองกันใหม่.. สามียกช่วงหัว น้องชายยกช่วงขา และ จนท กับพ่อสามีเข้ามายกช่วงลำตัว สามีบอกทีนี้ก็ยกขึ้นค่ะ แต่หนักมาก เหมือนยกคนอ้วนมากๆสักร้อยกว่าโล เหมือนยกเหล็กหรืออะไรที่มันหนักมาก และช่วงที่กำลังยกไปที่โลงที่เตรียมไว้ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงคนตะโกนออกมาดังลั่นห้องว่า..
" 不可以 !! " ( อ่านว่า พู่เขอหยี่ )
สามีบอก.. " ทุกคนสะดุ้งตกใจ เลยวางศพไว้ที่เดิม แล้วรีบเดินออกมานอกอาคาร มาตั้งหลัก แล้วคุยกันถึงเรื่องเมื่อกี๊ "
พ่อสามีบอก.. " เสียงของอาชอน ! "
ทีนี้ทุกคนเงียบมองหน้ากัน แล้วพ่อสามีเลยบอก..
" ค่อยกลับมาจัดการศพใหม่อีกทีพรุ่งนี้ วันนี้ฝากเจ้าหน้าที่เอาไว้ก่อน "
แล้วทุกคนก็กลับมาอย่างที่เห็น..
ในคืนนั้น หลังจากที่ดิฉันและสามีกลับมาบ้าน หลังจากอยู่คุยกับทางครอบครัวสามีมาทั้งวัน คืนนั้นตอนที่ดิฉันกำลังจะนอน โดยปิดไฟเตรียมตัวกำลังจะนอน อยู่ๆทั้งดิฉันและสามีต้องสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงคนตะโกนลั่นห้องว่า " 不可以 !!! " ( พู่เขอหยี่!!)
ดิฉันรีบเด้งตัวไปเปิดไฟ แล้วมองหน้าสามีแบบหน้าตาตื่นมาก ใจนี่เต้นโครมครามเลย เพราะจำเสียงนั่นได้แม่นมาก คือเสียงของ น้องชายสามีที่ตาย!
ดิฉันถามสามีปากสั่นๆว่า.."ได้ยินเหมือนกันใช่มั้ย? "
สามีบอก.. "ได้ยิน.. " แล้วไม่พูดอะไรต่อ
สรุปคืนนั้นดิฉันเปิดไฟนอนแล้วคลุมโปง ซุกตัวข้างสามีจนเช้าเลยค่ะ..
ตอนเช้าเราไปที่บ้านพ่อสามี ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนที่บ้านรีบเล่าแบบหน้าตาตื่นว่า...
" เมื่อคืนอาชอนมาตะโกนลั่นบ้านเลย ทุกคนได้ยินกันหมด !"
ดิฉันรีบเดินไปเกาะเเขนสามีแล้วมองหน้ากัน แล้วก็เล่าให้ที่บ้านฟังว่า..เจอมาเหมือนกัน!
พวกเราเลยปรึกษากันว่า จะเอายังไง
พ่อสามีบอก.." สงสัยอาชอนคงไม่อยากให้เอาร่างลงโลง เพราะปรกติ เขาจะเป็นคนที่ชอบอิสระ ไม่ชอบอยู่ในที่แคบๆ หรือที่จำกัด "
ทุกคนก็คิดตามและเห็นด้วยว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ เลยคิดหาทางออกว่าจะทำยังไง..
แต่ยังไม่ทันได้คิดออกว่าจะทำยังไง จู่ๆก็มีสายเข้ามาที่เครื่องพ่อสามี จาก รพ ว่า...
" ให้ไปรับศพ จนท เอาศพใส่โลงให้เรียบร้อยแล้ว.. "
ทุกคนตกใจกันมากในตอนนั้น เพราะที่ทุกคนเจอเมื่อคืนเพียงเพราะเเค่จะเอาศพใส่โลง แต่ยังไม่ได้ใส่ ยังเจอเรื่องหลอนขนาดนี้..!!
" แต่ตอนนี้ศพถูกใส่โลงแล้ว!!"
แต่ไม่ว่าจะกลัวกันแค่ไหน สามีและน้องชายกับพ่อสามีก็ต้องเดินทางไปรับศพมาจัดการตามธรรมเนียมเหมือนเดิม..
ทางครอบครัวสามีจะตั้งศพไว้แค่ 3 คืน
และทุกคืนจะมีเรื่องหลอนเกิดขึ้นทั้ง 3 คืน!
คืนแรก..
หลังจากที่เพื่อนๆญาติมาเคารพศพ ลาศพ ตามธรรมเนียมของคนที่นั่น..
จนช่วงดึกๆ ตอนที่ดิฉันกำลังนั่งอยู่ข้างหน้าตัวอาคารกับสามีและญาติบางส่วน อยู่ๆมีผู้ชายคนนึงเดินๆวิ่งๆเข้ามาแบบหน้าตาตื่นๆ พอสามีเห็นก็จำได้ว่า เขาเป็นเพื่อนที่ทำงานของน้องชายที่ตายไป เลยถามว่า " เกิดอะไรขึ้น..!?
เพื่อนน้องคนนั้นเค้าบอกว่า.." ผมเห็นชอน! ตอนเดินมาจากสูบบุหรี่ข้างๆอาคาร แล้วตอนกำลังเดินกลับมาจะไปลาศพกลับบ้าน แต่อยู่ๆก็มีคนเดินสวนมาจากข้างหน้า แต่ตรงนั้นมันจะมืดเพราะเงาต้นไม้มันบังไฟอยู่เลยมองไม่ชัดว่าใคร.. จนเขาเดินมาใกล้ๆเลยเห็นว่าคือ ชอน! พอผมเห็นแบบนั้น ต่อให้เป็นเพื่อนกันสนิทกัน ผมก็กลัว! ผมเลยหลุบตามองต่ำแล้วรีบเดินให้ผ่านเขาไป ไม่อยากให้เขารู้ว่าผมเห็นเขา..
แต่พอช่วงที่กำลังจะผ่านกัน อยู่ๆผมได้ยินเสียงเขามาตะโกนใส่ข้างๆหูว่า " 不可以 !! " ( พู่เขอหยี่ !! ) ผมสติหลุด รีบวิ่งออกมาจากตรงนั้น เเล้วมาเจอพวกพี่ๆ ผมไม่รู้ว่าชอนเข้าหมายถึงอะไร แต่มันน่ากลัวมาก ผมคงไม่กล้าไปบอกลาเขา ผมฝากบอกลาเขาด้วยนะครับ "
แล้วเพื่อนน้องชายสามีก็รีบกลับไปเลยค่ะ..
เหลือเเต่พวกเราไม่กี่คนที่นั่งอยู่ พวกเรานั่งมองหน้ากันแบบจะถามว่า.."เราจะเอายังไงกันดี ?? "
สุดท้ายญาติคนนึงเลยบอกว่า.. " คืนนี้แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน "
พวกเราเลยเห็นด้วยตามนั้นค่ะ.. แยกย้ายกันกลับ
ส่วนที่บ้านในคืนนั้นไม่อะไร แต่เปิดไฟ คลุมโปงนอนเหมือนเดิม..
คืนที่สอง
ทุกอย่างปรกติเหมือนเดิมช่วงกลางวันและตอนค่ำ
แต่คืนนี้เป็นคืนที่ดิฉันโดนเอง คนเดียว และโดนแบบชัดๆ! หลังจากช่วงค่ำที่คนเข้ามาเคารพศพ พอดึกๆหน่อยคนก็จะน้อยลง ดิฉันเลยเดินออกมาที่รถ เพื่อจะเอาเสื้อคลุม ช่วงกำลังเดินไป
ดิฉันเห็นเงาคน กำลัง ก้มๆเงยๆอยู่ตรงล้อรถขอดิฉัน ตอนแรกดิฉันนึกว่าคงจะเป็นญาติคนใดคนนึง จึงตะโกนถาม..
"หาอะไรคะ?"
เงียบ.. ไม่มีเสียงตอบ ดิฉันก้อคิดว่าเขาคงไม่ได้ยิน เลยเดินจนไปถึงรถ แล้วถามอีกครั้ง
แต่บอกก่อนนะคะว่ามันมืด เพราะตรงลานจอดรถไม่มีไฟ มีตรงแค่ตัวอาคาร กับรอบๆอาคารไว้ศพอย่างเดียว..
หลังจากที่ถามเสร็จ อยู่ๆเค้าก็หยุดก้มๆเงยๆ กลายเป็นหยุดอยู่นิ่งๆ แล้วพอดิฉันเข้าไปใกล้ๆ อยู่ๆเขาก็ตะโกนใส่หน้าดิฉันว่า..
" 不可以 !! 不可以 !! " ( พู่เขอหยี่ พู่เขอหยี่ !! )
ดิฉันตกใจร้องกรี้ด ! ล้มก้นกระแทกพื้นเลยค่ะ เพราะมันชัดมากแบบจ่อหน้าเลย !! ดิฉันหลับตากรี๊ดดังลั่น!
และคง ดังไปจนถึงพวกญาติๆและสามี เพราะพวกเค้าวิ่งมาตามเสียง จนมาเจอกับสภาพดิฉันที่นอนหลับหูหลับตากรี๊ดเกลือกกลั้วกับทราย..
แล้วสามีดิฉันก็เขย่าตัวดิฉันพร้อมถาม..
" เกิดอะไรขึ้น ??"
ดิฉันตอนนั้นสติแตกมาก เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว จนสามีดิฉันต้องพากลับบ้าน.. คืนนั้นดิฉันไม่กล้าที่จะอยู่คนเดียว แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำก็ต้องตามให้สามีไปอยู่เป็นเพื่อน..
จนเช้ามา ถึงได้เล่าให้สามีฟัง และในคืนสุดท้าย ดิฉันไม่ได้ไปร่วมงาน เพราะยังยอมรับความหลอนไม่ได้ เลยไปอยู่บ้านญาติสามี ( ไม่กล้าที่จะอยู่บ้านคนเดียว)
จนสามีกลับมารับที่บ้านญาติ แล้วบอกว่า..
"ดีแล้วที่ไม่ได้ไปงานคืนนี้ "
ดิฉันใจวูบรีบถามว่า.. "เกิดอะไรขึ้น?? "
สามีบอก.. "สงสัยอาชอนคงไม่อยากอยู่ในโลงเอามากๆ "
ดิฉันก็ถาม.. "เกิดอะไรขึ้น เล่ามาเร็วๆ "
สามีก็เลยเล่าให้ฟังว่า.. หลังจากที่ทุกคนเคารพศพและบอกลาศพกันเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีพวกเพื่อนๆพี่ๆที่สนิทของอาชอน มาร่วมตะโกนส่งลาอาชอนเป็นครั้งสุดท้าย(ธรรมเนียมของคนที่นั่น ) ก่อนจะนำไปฝังพรุ่งนี้..
ช่วงที่ทุกคนกำลังตะโกน.. อยู่ๆก็มีเสียงตะโกนกลับ และดังกว่าเสียงคนหลายสิบคนที่อยู่ในนั้นว่า..
" 不可以!!!!!!!!!!!!! " ( พู่เขอหยี่!!!!!)
ทุกคนตกใจและเงียบเสียงแล้วมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะจำได้เเม่นยำเลยว่า เสียงนั้นคือเสียงของคนที่อยู่ในโลงตอนนี้!
ทุกคนกลัวกันมาก เลยขอแยกย้ายกันกลับ ส่วนสามีและญาติๆก็เช่นกัน พากันแยกย้ายกันกลับหมด..
วันฝัง...
ดิฉันตื่นมาจัดการเตรียมตัวเพื่อที่จะไปงานฝังศพ พอไปถึงงาน เห็นมีแค่ญาติๆและเพื่อนๆของชอนแค่ไม่กี่คนที่จะร่วมเดินขบวน ( คงเป็นเพราะจากเมื่อคืน)
ครอบครัวเราและทุกๆคนก็พากันเดินขบวน ไปจนถึงที่ฝังศพ พอไปถึง ดิฉันกลับเห็นหลุม ถูกขุดไว้ 2 หลุม..
จึงถามสามี สามีบอก..
" พ่อของสามีสั่งให้ขุดไว้ 2 หลุม หลุมนึงใส่ร่าง อีกหลุมนึงใส่โลงเปล่า เพราะพ่อสามีแน่ใจแล้วว่า อาชอน คงไม่อยากที่จะอยู่ในโลงแคบๆ เลยจัดการแยกฝัง "
หลังจากทำพิธีเสร็จ ช่วงที่กำลังจะเปิดโลงแยกศพออกมา ดิฉันขอเลี่ยงออกไปรออยู่ไกลๆเพราะไม่กล้าที่จะเห็นเหตุการณ์และมองดูสภาพศพจริงๆ เพราะแค่เหตุการณ์ ที่เจอมา ก็หนักจนทำให้ดิฉันเกือบช็อกตาย !
หลังเหตุการณ์วันนั้นผ่านไป ก็ไม่มีเรื่องราวน่ากลัวอะไรเกิดขึ้นที่บ้านของดิฉันอีก.. ( แต่บ้านของครอบครัวสามีและญาติคนอื่นๆดิฉันไม่รู้ )
แต่เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ดิฉันจำและหลอนฝังใจไม่มีวันลืมค่ะ!!