มัสยิดที่ยังไม่เสร็จของซัดดัม ฮุสเซน

28 มิถุนายน 2564 (13:17) แปลโดย รักและคิดถึงเหมือนเดิม

ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ท่ามกลางความยากจนที่เพิ่มขึ้นและด้วยประชากรสี่ล้านคนที่ใกล้จะเกิดความอดอยาก อดีตผู้นำอิรัก ซัดดัม ฮุสเซน ตัดสินใจใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ในโครงการที่ยิ่งใหญ่สามโครงการเพื่อสนับสนุนข้อมูลประจำตัวของอิสลามและรักษามรดกที่กดขี่ข่มเหงของเขา เดียวเสร็จ.

มัสยิด Umm al-Ma'arik — Umm al-Ma'arik หมายถึง "มารดาแห่งการต่อสู้ทั้งหมด"— ได้รับการออกแบบเพื่อรำลึกถึงสงครามอ่าวครั้งแรกในปี 2534-2535 และในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องบรรณาการส่วนตัวให้กับซัดดัม . มัสยิดสีน้ำเงินและสีขาวขนาดใหญ่ที่สร้างเสร็จในเดือนเมษายน 2544 ทันเวลาครบรอบสิบปีของสงครามอ่าว เต็มไปด้วยการอ้างถึงสงครามและซัดดัมที่ไม่ซับซ้อน

มัสยิด Al-Rahman ที่ยังไม่เสร็จในแบกแดด เครดิตภาพ: www.skyscrapercity.com

หอคอยสุเหร่าสูงตระหง่านสี่แห่งของมัสยิดกล่าวกันว่าคล้ายกับกระบอกปืนไรเฟิล Kalashnikov ในขณะที่หออะซานชั้นในทั้งสี่นั้นมีรูปร่างเหมือนขีปนาวุธสกั๊ดที่นั่งอยู่บนฐานปล่อย หอคอยสุเหร่าคล้ายคาลาชนิคอฟสูง 43 เมตร ซึ่งแสดงถึงความขัดแย้ง 43 วันกับสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการพายุทะเลทราย หอคอยชั้นในที่ดูเหมือนขีปนาวุธสกั๊ด สูง 37 เมตร ซึ่งแสดงถึงปีเกิดของซัดดัม ปี 1937

โดมกลางของมัสยิดตั้งอยู่กลางแอ่งน้ำสะท้อนแสงที่มีรูปร่างเหมือนโลกอาหรับ ซึ่งเป็นภาพโมเสกกว้าง 25 ฟุตซึ่งเป็นตัวแทนของรอยนิ้วหัวแม่มือของซัดดัมพร้อมอักษรย่อซึ่งทำจากทองคำ น้ำพุ 28 แห่งของสระ หออะซานชั้นในสี่แห่ง และความสูง 37 เมตรที่นำมารวมกันเป็นวันเดือนปีเกิดของผู้นำกลุ่มเมกาโลมาเนีย คือ 28 เมษายน 2480

ลิงก์ที่หนาวเหน็บที่สุดไปยังซัดดัมสามารถพบได้ภายในมัสยิด บรรจุในกล่องแก้วคืออัลกุรอาน 605 หน้าที่เผด็จการได้เขียนไว้ ตามการโฆษณาชวนเชื่อของชาวอิรักด้วยเลือดของเขาเอง ผู้ดูแลเพจเหล่านี้กล่าวว่าซัดดัมได้บริจาคเลือด 24 ลิตรตลอดระยะเวลาสามปีที่ผสมกับหมึกและสารกันบูด และใส่กระดาษโดยศิลปินคัดลายมือชาวอิรัก สื่อตะวันตกปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่น่าสงสัยและไม่สามารถพิสูจน์ได้นี้ โดยชี้ให้เห็นว่าเลือดอาจเป็นของเหยื่อของเขาได้อย่างง่ายดายแทน

หลังจากการล่มสลายของซัดดัม ฮุสเซน ภายหลังการรุกรานอิรักในปี พ.ศ. 2546 มัสยิดแห่งนี้ถูกชาวมุสลิมสุหนี่ยึดครองและเปลี่ยนชื่อเป็นมัสยิด Umm al-Qura ("มารดาของทุกเมือง")

มัสยิด Umm al-Ma'arik หอคอยสุเหร่าด้านนอกทั้งสี่มีลักษณะเหมือนขีปนาวุธสกั๊ดบนแท่นปล่อยจรวด เครดิตภาพ: SPC Jeffrey Allan Backowski II/Wikimedia

มัสยิด Umm al-Ma'arik หอคอยชั้นในมีลักษณะเหมือนกระบอกปืนไรเฟิล Kalashnikov เครดิตภาพ: amjedshmr/Panoramio

มัสยิด Umm al-Ma'arik เครดิตภาพ: Omar al-Tikriti/Panoramio

มัสยิด Umm al-Ma'arik เครดิตภาพ: zeyadtr2/Panoramio

อิหม่ามชาวอิรักดูอัลกุรอาน 605 หน้าที่เขียนด้วยเลือดของซัดดัม ฮุสเซนที่มัสยิด Umm al-Maarik ในกรุงแบกแดด เครดิตภาพ: สกอตต์ปีเตอร์สัน / เก็ตตี้อิมเมจ

มัสยิดอีก 2 แห่งของซัดดัมไม่สามารถสร้างเสร็จได้ทันเวลา หนึ่งในมัสยิดเหล่านี้ "มัสยิดเกรทซัดดัม" ควรจะใหญ่เป็นอันดับสามของโลกรองจากเมกกะและเมดินา มันจะเป็นแบบจำลองของมัสยิด Umm al-Ma'arik แต่ใหญ่กว่าห้าเท่า โดมของมันจะสูง 60 เมตรและกว้าง 300 เมตร รอบๆมัสยิดจะมีแปดหอคอย แต่ละหลังสูง 200 เมตร การก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้ไม่คืบหน้ามากนักเมื่อเกิดสงครามอ่าว ตอนนั้นมีการสร้างเพียงไม่กี่เสาเท่านั้น มัสยิดที่ยังไม่เสร็จจะถูกออกแบบใหม่ให้เป็นอาคารรัฐสภา

ความโง่เขลาที่สามและครั้งสุดท้ายของซัดดัมคือมัสยิด Al-Rahman ซึ่งหมายถึงมัสยิด "ผู้ทรงเมตตาที่สุด" มัสยิดขนาดใหญ่แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับสนามแข่งม้าเก่า มีโดมกลางที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ซึ่งยังคงเปิดสู่ท้องฟ้าล้อมรอบด้วยโดมขนาดเล็กแปดหลังแต่ละหลัง มีโดมขนาดเล็กกว่าแปดหลังรวมเข้ากับผนัง ปั้นจั่นโลหะขนาดยักษ์แขวนอยู่เหนือโครงสร้างครึ่งหลังราวกับมัสยิดยังอยู่ในการก่อสร้าง มัสยิดอยู่ในสภาพที่ถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่ปี 2546

การอ่านที่เกี่ยวข้อง: อนุสาวรีย์ Al-Shaheed, แบกแดด