Case Study : ใจดีเกินไปก็เสียทรัพย์สินไม่รู้ตัว
พื้นฐานของคนไทยนั้นก็มักจะเป็นคนที่ใจดี เอื้อเผื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ แต่หลายๆครั้งการมีน้ำใจแบบไม่ได้รู้เท่าทันในกฎหมายก็อาจจะทำให้เราเกิดความสูญเสียได้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรือของที่เรารัก มาดูตัวอย่างจริงที่เกิดขึ้นกัน 2 รูปแบบ
Case Study ที่ 1
มีเจ้าของที่ดินประเภท นส. 3 ขนาด 12 ไร่ ซึ่งมีการขุดบ่อขนาด 5 ไร่เอาไว้ในสวน เจ้าของเป็นคนใจดี มีน้ำใจ อนุญาตให้เพื่อนบ้านเข้ามาตักน้ำไปใช้ได้ จนเวลาผ่านไป 65 ปี ชาวบ้านก็ใช้บ่อนี้จนเคยชินและกลายเป็นของสาธารณะในละแวกนั้น วันดีคืนดีเจ้าของที่ดินจึงนำรั้วมาล้อมไว้ แต่ถูกทางเทศบาลเข้ามาเป็นตัวตั้งตัวตีและมองว่าบ่อน้ำนั้นเป็นของสาธารณะ ไม่สามารถล้อมรั้วได้
ดังนั้นจึงมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ศาลได้พิพากษา ผลคำพิพากษาคือศาลบอกว่าแผนที่ Goolgle Map ของเทศบาลไม่ตรงกับภาพวาด นส.3 ของเจ้าของที่ ดังนั้น ที่ดินแปลงดังกล่าวจึงไม่ใช่ที่ นส.3 ของเจ้าของที่ดินแต่เป็นที่สาธารณะ
Case Study ที่ 2
มีที่ดินแปลงหนึ่งที่เจ้าของได้รับมรดกมาจากแม่ที่เสียชีวิตเป็นโฉนดที่ดิน 8 ไร่ โดยในขณะที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ได้ให้คนมาใช้ที่ดินเดินผ่านไปยังบ้านของเจ้าของบ้าน โดยมีขนาดถนนกว้าง 3 เมตร ยาว 520 เมตร ต่อมาเกิดปัญหาบนที่ดินเนื่องจากมีคนนำขยะมาทิ้ง จอดรถ ปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ เจ้าของจึงมีการล้อมรั้วลวดหนาม แต่ถูกทำลายลง ต่อมีจึงได้มีการขออนุญาตในการล้อมรั้วคอนกรีตกับเทศบาล ในระหว่างการดำเนินงานก็ถูกคัดค้านจากชาวบ้านให้ร่น 3 เมตร ซึ่งชาวบ้านอ้างว่าบริเวณดังกล่าวใช้กันมายาวนานหลาย 10 ปี ที่ดินนั้นจึงเป็นพื้นที่สาธารณะสมบัติ
ทั้ง 2 ตัวอย่างจะเห็นได้ว่าความใจดี เมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นั้นอาจจะทำให้เราเกิดปัญหาในภายหลังได้ จากตัวอย่างที่เกิดขึ้น เราจึงต้องหาทางป้องกัน เช่น การเก็บค่าใช้น้ำ ค่าผ่านทาง ซึ่งแม้เราจะไม่ได้หวังผลในการมีรายได้เพิ่ม แต่ยังถือว่าเรากำลังบอกว่าเราถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นๆอยู่ ไม่เช่นนั้นเราอาจจะต้องยกสมบัติเราให้สาธนารณะได้
สมบัติสาธารณะ ที่ดิน ครอบครอง ที่สาธารณะ
https://www.facebook.com/BrothersLawyersOffice
https://xn--72cabj3cpo3ede6c6bf0fdj4dul9bwf.com/