“สิงห์ น้าอยากมีโปสเตอร์ใบใหญ่ๆ สิงห์ช่วยทำโปสเตอร์ให้ใบนึงสิ”
“สิงห์ น้าอยากมีโปสเตอร์ใบใหญ่ๆ สิงห์ช่วยทำโปสเตอร์ให้ใบนึงสิ”
น้าค่อมเอ่ยปากบอกผมสมัยที่ผมทำงานใหม่ๆ สิ่งที่ผมรู้สึกผูกพันกับน้ามากๆเพราะตอนที่ผมเริ่มงาน ก็ช่วงเวลาที่แกเริ่มมีชื่อเสียงพอดี ผมได้เจอแกตั้งแต่ 7 ประจัญบาน และก็ได้เจอแกเรื่อยมา เพราะอย่างที่ทราบแกเล่นหนังเยอะมาก และบริษัทผมก็มักจะได้ทำโปสเตอร์หนังที่แกเล่นอยู่เสมอ หน่วยงานผมถึงจะเล็กและไม่สำคัญเท่าไหร่
เพราะก็ทำแค่โปสเตอร์แถมเจอกันแค่ครั้งเดียวต่อหนังเรื่องหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นน้าค่อมแกยังจำผมได้ จำชื่อบริษัทผมได้ และทักผมด้วยคำทักทายเดิมๆเสมอ ซึ่งแกก็ไม่ได้ทวงอะไรหรอก ผมเองก็คิดว่าแกพูดเล่น จนหลังๆแกพูดถี่ และคงเป็นสิ่งที่แกอยากได้จริงๆ เลยขอออฟฟิศว่าทำเถอะ จนเป็นโปสเตอร์ 2 ใบนี้ขึ้นมา ซึ่งมันก็นานพอดู แต่ก็คุ้มค่าเพราะรวมหลายบทบาทในหนังแกมาใส่ บริษัทก็อัดกรอบให้แกอย่างดีเพื่อให้แกไปติดที่บ้าน
สมัยแกพูดแรกๆ แกคิดเสมอว่าแกคือตัวประกอบ ตัวแกน่าจะตัวเล็กๆอยู่ในโปสเตอร์ แกรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าเป็นหน่วยเล็กๆในกองถ่ายเสมอ ผมก็บอกแกตลอดว่าน้าไม่ใช่ตัวประกอบ บางใบน้าใหญ่กว่าพระเอกอีก แกก็หัวเราะและพูดว่า “จะบ้าเหรอ” จนสุดท้ายก็ได้ทำโปสเตอร์ให้แกสำเร็จ 2 ใบ เพราะบทบาทที่แกเล่นมันหลากหลายคาแรคเตอร์มาก เลยสวยและดูดีแบบที่เห็น
ตลอด 20 ปีมานี้ น้าค่อมคือคนที่ผมเคารพมากกว่าความเป็นดารา มากกว่าคนที่ทำงานด้วยกัน ผมรู้สึกแกเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งที่อยู่ในชีวิต อยู่ในความทรงจำ อยู่ในชีวิตประจำวัน ฉากสุดท้ายในหนัง Die Tomorrow มันสงบนิ่งมากนะ
แต่ผมร้องไห้จะเป็นจะตาย เพราะผมเองแอบคิดไปไกลว่าถ้ามันถึงวันนั้นจริงๆผมจะทำอย่างไรกับคนที่ผมที่ผมเคารพมากๆคนนี้ และวันนี้มันก็มาถึง มันคงจะดีกว่านี้หากการจากไปของแกจะเป็นการจากไปในวัยอันควร แกไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาสตูก่อนคนอื่น ใช้ชีวิตบั้นปลาย ใช้เงินที่แกหามาทั้งชีวิตด้วยความสุขมองเห็นการเติบโตของหลานๆ
แต่มันเป็นการจากไปแบบไม่ทันร่ำลา จากไปแบบที่แกยังทิ้งเสียงหัวเราะไว้ จากไปแบบที่ผมเองไปกราบลาเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังไปไม่ได้เลย ไม่มีอะไรที่จะแย่ไปกว่านี้แล้ว กับคนที่คนทั้งประเทศรัก กับคนที่ดีกับผมนับตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ผมคงได้แต่กราบลาน้าตรงนี้ อย่างน้อยๆที่สุดน้าก็คือความทรงจำดีๆที่ผมจะนึกถึงตลอดไป