ฟิลเลอร์ร่องแก้ม VS ศัลยกรรมดึงหน้า เลือกแบบไหนดีกว่ากัน
ฟิลเลอร์ที่ร่องแก้ม VS ศัลยกรรมดึงหน้าแบบไหนดีกว่ากัน ฉีดแล้วอันตรายไหม
นับว่าเป็นความสงสัยของผู้ที่ต้องการเติมร่องแก้มที่บุ๋ม มีร่องลึกที่ร่องแก้ม ว่าจะเลือกแบบไหนดีกว่ากันระหว่าง ฟิลเลอร์ที่ร่องแก้ม VS ศัลยกรรมดึงหน้า แล้วถ้าเลือกฉีดดีกว่ามีโอกาสเสี่ยงอันตรายไหม มากน้อยแค่ไหน กี่วันจึงจะเข้าที่? เชื่อว่าความสงสัยจะหมดสิ้นซากตั้งแต่วินาทีนี้ เพราะเรามีข้อมูลที่น่าสนใจมานำเสนอ และเพื่อให้ตัดสินใจอย่างว่องไว เลือกทำอย่างตอบโจทย์ตามมาเลย
ฟิลเลอร์ที่ร่องแก้ม VS ศัลยกรรมดึงหน้า
- เลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ร่องแก้ม : ช่วยแก้ปัญหาคนที่มีร่องลึก บุ๋มที่ร่องแก้มทั้ง 2 ข้าง เป็นตัวการที่ทำให้หน้าแก่ ซึ่งการใช้ filler ฉีดเข้าไปช่วยเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายของผิวหนังชั้นลึก เห็นผลทันที ไม่ต้องพักฟื้นนานไม่มีแผล มีผลข้างเคียงน้อยกว่าทำศัลยกรรม แต่ก็มีระยะเวลาอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน
- เลือกศัลยกรรมดึงหน้า : แก้ไขปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยทำให้กระชับ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ ผ่าตัดดึงทั้งหน้า มีการเปิดแผลหน้าหูถึงหลังหู แล้วเลาะไปยันชั้นกล้ามเนื้อ และตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก กับผ่าตัดดึงโหนกแก้ม – ร่องแก้ม มีการเปิดแผลใต้ตาล่างและหน้าหูเลาะผิวกับเนื้อเยื่อให้กระชับตึง แล้วจึงเย็บแผล เท่ากับว่าต้องพักฟื้นนานกว่า มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงมากกว่า มีการใช้ผ้ารัดหน้าตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็อยู่ได้นาน 3 – 4 ปีเลยทีเดียว
เลือกใช้ฟิลเลอร์มีโอกาสเสี่ยงอันตรายไหม มากน้อยแค่ไหน?
จริง ๆ แล้วมีโอกาสเสี่ยงอันตรายได้ โดยมีหลายปัจจัยด้วยกันที่ทำให้เสี่ยงอันตราย มากน้อยแค่ไหนไปพิจารณากันเลย
ทำโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ ประสบการณ์น้อย
กรณีที่ฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ ประสบการณ์น้อยจะทำให้เรามีโอกาสเกิดอันตรายได้ อย่าง ฉีดผิดตำแหน่งทำให้ผลิตภัณฑ์ไปอุดตันเส้นเลือด หรืออาจทำให้ได้ร่องแก้มที่ลึกกว่าเดิม ดูไม่เป็นธรรมชาติ เป็นก้อน กลับกันหากเลือกแพทย์ที่ชำนาญก็จะมีการประเมินแก้ม วินิจฉัยปัญหาแก้ไขได้ตรงจุด ฉีดตรงตำแหน่งได้ผลลัพธ์ดี
ซิลิโคนเหลว - พาราฟิน = ผลิตภัณฑ์ปลอม
ของปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว, พาราฟิน มักจะมีการการันตีว่าสามารถอยู่ได้นาน บางแหล่งการันตีว่านานมากกว่า 5 ปีด้วยซ้ำ หรือบอกว่าเป็นแบบกึ่งถาวร ซึ่งหากฉีดเข้าร่างกายไปแล้วอันตรายขั้นสุด เพราะของปลอมไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และการที่มีอยู่ใต้ผิวหนังนานเกินไปมีโอกาสเคลื่อนไปตำแหน่งอื่น หรืออักเสบ บวมเป็นก้อน รุนแรงถึงแก่ชีวิต จะเอาออกก็ต้องขูดหรือตัดเนื้อไปอีก
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผิดประเภท
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์มีหลายยี่ห้อ หลายรุ่น ซึ่งมีความสามารถแตกต่างกันออกไป จึงจำเป็นต้องเลือกใช้งานให้ตรงตามตำแหน่งที่ฉีดเพื่อผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ เพราะเวลาที่เราใช้มันจะมีความละเอียดของโมเลกุลในผลิตภัณฑ์ อย่าง ร่องแก้มเป็นตำแหน่งที่บางและอ่อนฉีดผิดประเภทมีโอกาสที่จะเคลื่อนที่ไปยังส่วนอื่นบนใบหน้าได้ หรือจับตัวเป็นก้อน
“ฟิลเลอร์” ฉีดไปแล้วรอนานไหมกว่าจะเข้าที่?
ฉีดกี่วันเข้าที่ เป็นสิ่งที่ถามกันมามากมาย ซึ่งต้องบอกว่ามีระยะเวลาอยู่ประมาณ 14 – 30 วันเลย แม้ว่าทำเสร็จแล้วจะเห็นผลชัดเจนก็ตาม โดยจะมีสิ่งที่ค่อย ๆ หายไป อย่าง รอยเข็มที่จิ้มตามตำแหน่งต่าง ๆ ประมาณ 1 – 3 วันเท่านั้นเอง อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย ได้แก่ บวม เขียวช้ำ หรือนูน แต่ก็อาจหายเองได้เช่นกัน
ใครที่มีอายุเข้าเลข 25 ปี มักจะเกิดปัญหามีร่องแก้มร่องลึกเป็นเส้นเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเริ่มจะแก่ก่อนวัยแล้ว การทำหัตถการ “ฟิลเลอร์” จึงเป็นตัวช่วยชั้นดีในการเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอยต่าง ๆ จางหาย เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย แถมไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น....
อ้างอิงจาก: https://www.galdermaaestheticsthailand.com/page/dermal-filler