หรือ ท่านธรรมกร เลียนแบบพระโคธิกะที่ตัดคอตัวเองแล้วบรรลุนิพพาน ?
กรณีที่พระโคธิกะ ผู้มีโรคเรื้อรัง ใช้มีดโกนเฉือนคอตนเอง ขณะที่ได้บรรลุเอกัคคตาจิต (ฌาน) ครั้งที่ 7 ตอนได้เอกัคคตาจิตครั้งที่ 1 ก็เกิดอาพาธหนัก (ป่วยหนัก) ด้วยโรคเรื้อรัง ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติธรรมต่อจนถึงขั้นบรรลุอรหันต์ได้ แต่ถึงจะอาพาธหนักท่านก็ไม่ละความพยายาม ทุกครั้งที่ท่านได้เอกัคคตาจิต ก็มีอันต้องอาพาธเข้ามาขัดขวางทุกครั้งไป เป็นอย่างนี้ถึง 6 ครั้ง ทำให้ท่านเข้าใจว่า เพราะความเจ็บปวดจากร่างกายนี่เอง เป็นอุปสรรคขัดขวางทางบรรลุธรรม ต้องทำลายร่างกายเสีย พอได้บรรลุเอกัคคตาจิตครั้งที่ 7 ท่านจึงใช้มีดโกนที่เตรียมเอาไว้ เฉือนคอตนเอง มรณภาพพร้อมได้บรรลุพระอรหัตตผล พระพุทธองค์ตรัสยืนยัน พระโคธิกเถระ ไม่มีความอาลัยต่อร่างกายและชีวิต หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งปวง นิพพานแล้ว ทำให้พระโคธิกะรอดพ้นจากคำครหา
ส่วนท่านธรรมกร วังปรีชา (อดีตพระธรรมกร ฐานะธัมโม) ที่ทำอัตวินิบาตกรรม (ตัดคอตัวเอง) ตามที่เป็นข่าวใหญ่นั้น เสียชีวิตแล้ว ไม่มีใครมาการันตีสภาวจิตให้ เหมือนพระโคธิกะ มีแต่คนรุมว่างมงาย ไร้สาระ แต่ปณิธานของท่านที่ตั้งไว้ เพื่อเป็นพุทธบูชา เพื่อบรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าที่ไม่แสดงธรรม ไม่ประกาศศาสนา) ในอนาคตนั้น เป็นความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว วางแผนจะใช้วิธีนี้มาร่วม 5 ปี มิใช่หุนหันพลันแล่นจนขาดสติ แต่จะบรรลุหรือไม่ แล้วแต่กุศลบารมีที่จะบำเพ็ญต่อไปในชาติหน้า