หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

“พิชัย” จี้ “ประยุทธ์” ยอมรับความจริง เศรษฐกิจไทยเสี่ยงสูงและจะทรุดหนัก ชี้ ผู้นำพูดกลับไปกลับมาทำประชาชนสับสน

โพสท์โดย Kenttt

“พิชัย” จี้ “ประยุทธ์” ยอมรับความจริง เศรษฐกิจไทยเสี่ยงสูงและจะทรุดหนัก ชี้ ผู้นำพูดกลับไปกลับมาทำประชาชนสับสน ทั้งที่แนวทางบริหารถดถอยชัดเจน แนะ วิกฤตนี้ต้องการคนรู้จริงไม่ใช่แค่อวดรู้ ประชาชนจะยิ่งลำบาก ไทยจะเหมือนพม่า

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ประชาชนจำนวนมากรู้สึกสับสนที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พูดกลับไปกลับมา วันหนึ่งยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงสูงจากเอกสารรายงานของกระทรวงการคลัง แต่อีกวันกลับออกมายืนยันว่าการคลังไทยยังแข็งแกร่ง ทำให้ประชาชนสงสัยว่าสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างไรกันแน่ ดังนั้นจึงอยากให้ข้อมูลที่แท้จริงเพื่อประชาชนจะได้เตรียมตัวและปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต

ความจริงที่น่ากังวลคือ เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงสูงจริง รายได้ต่ำ ใช้จ่ายสูง ต้องกู้เงินอุดงบประมาณไปอีก 5 ปี ตามที่กระทรวงการคลังรายงาน และพลเอกประยุทธ์ได้ยอมรับเอง ทั้งนี้เกิดมาจากหลายสาเหตุและยังมีสัญญาณเศรษฐกิจที่ส่ออาการเสื่อมทรุดต่อเนื่อง โดยสาเหตุหลักของการเสื่อมทรุดมาจากความล้มเหลวของการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ตั้งแต่มีการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยพัฒนาตามศักยภาพได้ เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำเตี้ยมาตลอด ดังนั้นเมื่อปัญหาการขยายตัวต่ำมาหลายปี ปัญหาที่ตามมาคือ รายได้ของประชาชนลดลง บริษัทห้างร้านขาดทุนและต้องปิดตัวเองเป็นจำนวนมาก และบริษัทห้างร้านที่ยังเปิดอยู่ก็มีรายได้ลดลงและกำไรหายไปมาก ทำให้การเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้ามาทุกปี อีกทั้งการลงทุนหดหายไปจากความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลเผด็จการ และการส่งออกแทบไม่ขยายตัวเลยจากการลงทุนที่ลดลงนี้ เศรษฐกิจไทยอาศัยการท่องเที่ยวในการขยายตัวมาตลอด แต่พอมาเจอวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด รายได้จากการท่องเที่ยวจึงได้หายไป ทำให้เห็นปัญหาอิ่นๆตามมาอย่างชัดเจน ทั้งนี้ หลักฐานการที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ยอมรับความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจตลอดเวลาที่ผ่านมาเอง โดยการปลด นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และ ทีมออกหมด เพื่อปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัว ทั้งที่ปัญหาเศรษฐกิจส่วนใหญ่เกิดมาจากความผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์เองพอๆกับความผิดพลาดของทีมนายสมคิด และการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจใหม่ กลับยิ่งบริหารได้แย่กว่าเดิม ยิ่งตอกย้ำการขาดความรู้ความสามารถของพลเอกประยุทธ์

สัญญาณเศรษฐกิจที่ไทยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามที่กระทรวงการคลังได้เสนอมา ซึ่งเป็นอาการที่สะท้อนปัญหาที่สะสมมาและจะแย่ลงไปอีกเรื่อยๆ เหมือนที่ผมได้เคยเตือนไว้ว่าเป็นสภาวะตามทฤษฏีกบต้มที่ประเทศจะค่อยๆเสื่อมถอยลงแบบไม่รู้ตัว แต่พอรู้สึกกันอีกทีก็หนักกันแล้ว ซึ่งสังเกตได้ชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่เขามีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมั่นคง เขาจะสามารถฝ่าฟันวิกฤตการณ์ไวรัสโควิดได้และยังสามารถขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว บางประเทศที่เก่งพอ เศรษฐกิจประเทศเขาไม่ได้ติดลบในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด เพียงแต่ขยายตัวน้อยลง และยังจะสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดในปีนี้ เช่น ประเทศเวียดนาม (ปีที่แล้วโต 2.91% ปีนี้จะโต 6-7%) และประเทศจีน (ปีที่แล้วโต 2.3% ปีนี่จะโต 6-8%) ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่สามารถฟื้นได้ครึ่งหนึ่งของที่ติดลบลงมาเมื่อปีที่แล้วเลย

ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยที่เห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ จากการเก็บภาษีได้ต่ำกว่าคาดประมาณมาก ล่าสุดฐานะทางการคลังของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ใน 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2564 (ตุลาคม 63 - กุมภาพันธ์ 64) ขาดดุลงบประมาณแล้วเกือบ 5 แสนล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 138.1% อีกทั้งยังมีการกู้เงินสูงกว่าการลงทุน ซึ่งแปลว่าต้องกู้เงินมาใช้จ่ายกันแล้ว แทนที่จะกู้เงินเพื่อมาลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศให้มีผลตอบแทน ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายเหมือนกับครัวเรือนที่มีแต่หนี้แต่ไม่สร้างรายได้ก็คงรอวันล้มละลาย

สาเหตุมาจากที่ผ่านมารัฐบาลใช้เงินงบประมาณอย่างมหาศาลแล้ว 24 ล้านล้านบาท แต่รัฐบาลไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจพัฒนาได้ ไม่มีการพัฒนาเศรษฐกิจในแนวทางใหม่ๆ ขาดการลงทุนใหม่ๆ รัฐบาลใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากกับความมั่นคง และการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่สิ้นเปลืองและไม่ได้มีผลต่อเศรษฐกิจเลย อีกทั้งยังแจกเงินอย่างสะเปะสะปะไม่ได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำให้ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสูงซึ่งน่าจะทะลุ 60% ของจีดีพีในสิ้นปีนี้ และ หนี้ครัวเรือนที่พุ่งขึ้นแล้วถึง 14 ล้านล้านบาทแล้ว โดยจะทะลุ 90% ของจีดีพี ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงและจะปัญหาอย่างรุนแรงในอนาคต

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ลดงบประมาณในปี 2565 ลง 5.66% หรือ ลดลงกว่า 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งแสดงถึงว่าเศรษฐกิจไทยกำลังถอยหลัง เพราะปกติงบประมาณของประเทศจะต้องเพิ่มขึ้นทุกปี เพื่อรัฐบาลจะได้นำไปพัฒนาประเทศให้เจริญขึ้นเรื่อยๆ แต่รัฐบาลกลับจัดงบประมาณลดลง ทั้งนี้เพราะรัฐบาลขาดความรู้ความเข้าใจ คิดว่าเก็บภาษีได้น้อยลงมาก็เลยลดงบประมาณลงเพราะกลัวจะต้องกู้มาก กลัวหนี้เพิ่มสูงมาก ซึ่งเป็นผลจากในอดีตที่บริหารเศรษฐกิจผิดพลาดมาตลอด รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ใช้เงินมากแต่เศรษฐกิจไม่ขยายตัว และปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ชัดเจนมีแต่การไล่แจกเงิน ซึ่งไม่ได้สร้างงาน ไม่ได้สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แม้แต่เรื่องการกระจายการฉีดวัคซีนที่มีผลต่อการฟื้นเศรษฐกิจก็ยังทำได้ล่าช้าและล้มเหลว การฟื้นเศรษฐกิจจึงต้องล่าช้าออกไป นอกจากนี้เมื่อเก็บภาษีได้น้อยลงไม่ตรงเป้า รัฐบาลกลับจะมีแนวคิดจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่อยู่แล้ว แต่พอถูกตำหนิมากเลยต้องออกมาปฏิเสธ ทั้งที่ความพยายามจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ พลเอกประยุทธ์ได้เคยพูดโยนหินถามทางมาหลายครั้งแล้ว

จริงอยู่แม้ว่าประเทศไทยยังมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับที่สูงที่สะสมมาจากรัฐบาลในอดีต จึงทำให้สถานภาพของไทยยังดีอยู่ เครดิตเรตติ้งจึงยังไม่ตก แต่ไม่ได้แปลว่าประเทศไทยมีการบริหารจัดการเศรษฐกิจที่ดี เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยเปรียบเหมือนบริษัทที่มีผลการดำเนินการขาดทุนมาตลอด แต่อาศัยกำไรเดิมที่มีอยู่ หรืออาศัยการกินบุญเก่า ซึ่งบุญเก่าอาจจะหมดลงได้ โดยหากการบริหารเศรษฐกิจของประเทศยังล้มเหลวเป็นแบบในปัจจุบัน ความเชื่อมั่นของไทยจะลดลงไปเรื่อยๆ เงินทุนจะไหลออกมากและจะเป็นปัญหาได้ และอาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยและเครดิตของไทยทรุดลงหนักได้อย่างรวดเร็ว โดยเงินทุนได้เริ่มไหลออกแล้ว จึงทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง ซึ่งแม้จะผลดีต่อการส่งออก แต่ถ้าหากเงินทุนไหลออกจำนวนมากอาจจะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจได้

ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าปัญหาเศรษฐกิจนี้เกิดมาจากผู้นำที่ขาดความรู้ความสามารถแต่พยายามจะอวดรู้ อีกทั้งไม่สามารถสร้างให้เกิดความมั่นใจทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ ขนาดเรื่องง่ายๆอย่างการแจกเงินที่ไม่ยอมแจกเป็นเงินสด ทั้งที่ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างหนัก พอมีความจำเป็นต้องใช้เงินสดจึงต้องยอมไปขายลดเพื่อแลกเป็นเงินสดแต่ก็ยังถูกไล่จับ ทั้งที่รัฐบาลก็ต้องจ่ายเงินออกจากงบประมาณเท่ากันแต่กลับไม่ยอมแจกเงินสด อีกทั้งการกระจายฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงยังทำได้ล่าช้ามาก เป็นต้น ดังนั้น เรื่องยากๆอย่างการฟื้นเศรษฐกิจคงจะแทบเป็นไปไม่ได้เลย

ในวิกฤติการณ์ไวรัสโควิดซึ่งจะส่งผลซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้เป็นวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ประเทศไทยต้องการคนที่รู้ลึกและรู้จริงในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จะมาบริหารล้มเหลวแบบที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว ประเทศจะยิ่งถอยหลังประชาชนจะยิ่งลำบากกันมาก และคนจะทนกันไม่ไหว จนต้องออกมาไล่พลเอกประยุทธ์กันเพิ่มขึ้นในทุกหมู่เหล่าและทุกสีเสื้อ ยิ่งพลเอกประยุทธ์พยายามถ่วงการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดรักษาอำนาจของตัวเองก็จะยิ่งทำให้ประชาชนโกรธแค้นมากขึ้น สถานการณ์ของไทยในสายตาของต่างประเทศไม่ต่างจากประเทศเมียนมาร์ เพียงแต่รอวันที่ความขัดแย้งและความลำบากอย่างรุนแรงจะประทุขึ้นมาเท่านั้น

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Kenttt's profile


โพสท์โดย: Kenttt
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกาะโบนินของญี่ปุ่นกาแฟแก้วเดียว " ทำให้เข้า ICU "10อันดับตัวละครที่มีIQสูงที่สุดในโลก(อนิเมะ)!!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
10อันดับตัวละครที่มีIQสูงที่สุดในโลก(อนิเมะ)!!ร้อนนัก ก็ดับร้อน ด้วยผ้าขนหนูทัชมาฮาลมีประวัติความเป็นมาอย่างไร?อื้อหือ เสื้อตัวนี้ ทำจากใยแมงมุม บอกเลยอย่างเหนียว อย่างทนทานเลยเด้อซูเปอร์สตาร์ที่ไม่มีงานแสดง แต่เป็นเศรษฐีระดับพันล้าน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
กัมพูชา 🇰🇭 : 💥 คลังอาวุธทางทหารระเบิด ทหารเสียชีวิต 20 รายผดส.รถไฟ พบสาวนั่งดูหนังโป๊ แบบเปิดเผยทหารเขมรตาย 20 นาย จากเหตุระเบิดที่เขมรThai League 1: บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด VS เมืองทอง ยูไนเต็ด (ฟุตบอลรอบโลก 5 : ไทยลีก Story ตอน ศึกลุ้นแชมป์สายฟ้าปะทะแข้งเทพ)
ตั้งกระทู้ใหม่