ตัวตลก
จุดเริ่มต้นของตัวตลกมีมายาวนาน พวกเขามีบทบาทในฐานะนักแสดงประจำราชสำนัก นักลอกเลียนแบบบุคคล หรือแม้แต่จอมเจ้าเล่ห์ที่ชอบแกล้งผู้คนเพื่อความบันเทิง ภาพลักษณ์เหล่านี้ทำให้เหล่าตัวตลกมีคาแรกเตอร์เป็น ‘ตัวตลกไม่ดี’ ตั้งแต่สมัยเรเนสซองส์เป็นต้นมา
+ ยุคปี 1970 เกิดเหตุฆาตกรรมสยองขวัญที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวตลกจากบุคคลเศร้าสร้อยหรือจอมลวงให้กลายเป็นฆาตกร เป็นปีศาจร้ายเหนือธรรมชาติในวัฒนธรรมป๊อปร่วมสมัย
+ แม้ตัวตลกจะได้รับการฟื้นฟูภาพลักษณ์กลับมา ในฐานะ ‘ตัวตลกเป็นมิตร’ ช่วงยุค 1950-1960 จากมาสคอตของแมคโดนัลด์ และตัวตลกโบโซ่ แต่ภาพลักษณ์ตัวตลกอันน่าสะพรึงกลัวได้ฝังรากหยั่งลึกไปในใจผู้คนเรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าฉาบทาด้วยสีขาวผ่อง สวมวิกผมหยิกฟูฟ่องสีสันสดใส แต่งแต้มสีแดงลงบนริมฝีปากและจมูกให้เปล่งปลั่งดั่งผลมะเขือเทศ ทั้งหมดนี้เป็นภาพลักษณ์ของตัวตลกในวัฒนธรรมป๊อป
แม้ว่าจุดประสงค์เดิมของตัวตลกคือการสร้างความสนุกสนานบันเทิง เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม แต่ลักษณะที่ดูติงต๊องไร้พิษภัยนี้กลับสร้างความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจให้ผู้คนจำนวนไม่น้อย หลายรายต้องประสบภาวะ ‘โรคกลัวตัวตลก’ (coulrophobia) ที่ไม่อาจบำบัดได้ง่ายๆ
อะไรคือที่มาของความกลัวต่อใบหน้าภายใต้เมคอัพสีขาวและชุดสีสันสดใสเหล่านี้กันแน่
‘ตัวตลก’ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปี ตัวตลกสมัยอียิปต์โบราณจะแต่งกายคล้ายสัตว์เพื่อแสดงท่าทางล้อเลียนสัตว์ชนิดต่างๆ เพื่อให้ฟาโรห์รู้สึกครื้นเครง ตัวตลกสมัยโรมันคอยล้อเลียนบุคคลที่ผ่านไปมา รวมถึงคนดังที่กำลังเป็นข่าวโดยไม่ต้องกลัวถึงอันตราย ทั้งยังแต่งตัวเลียนและทำท่าทางเลียนแบบบุคคลที่กล่าวถึงเพื่อเรียกเสียงหัวเราะ
ในยุคกลาง ตัวตลกแต่งกายด้วยชุดสีสันสดใสพร้อมหมวกยอดแหลม มีหน้าที่คอยสร้างความสำราญใจ เล่าเรื่องตลก เล่นกล หรือแม้แต่แจ้งข่าวสารแฝงมุขตลกให้ขุนนางหรือกษัตริย์ฟัง ยามใดที่มีข่าวร้ายอย่างความพ่ายแพ้ในสมรภูมิ เหล่าข้าราชสำนักที่ไม่กล้าบอกข่าวจะมอบหมายหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ให้แก่ตัวตลก และตัวตลกจะงัดเอามุขเด็ดหรือข้อความเลี่ยงบาลี เพื่อแจ้งข่าวร้ายให้พระราชาทราบโดยไม่ต้องกลัวการลงโทษใดๆ
ตัวตลกประเภท ‘ฮาร์เลควินน์’ (harlequin) ถือกำเนิดขึ้นในวงการวรรณกรรมยุคเรเนสซองส์ ฮาร์เลควินน์เป็นตัวตลกใส่หน้ากาก สวมชุดสีสดมีชายแหลมยาว นิสัยขี้แกล้ง ชอบหลอกหลวงคนให้ตกหลุมพรางเพื่อความขบขัน
ในศตวรรษที่ 19 คณะละครสัตว์เริ่มนำตัวตลกมาสร้างความบันเทิงให้ผู้ชม ตัวตลกทาหน้าด้วยสีขาว ใส่จมูกกลมแดงแลดูประหลาด และแต่งกายฟูฟ่องสีสดใส ตัวตลกท่าทางเซ่อซ่าเปรียบเสมือนอาหารเรียกน้ำย่อยของเหล่าละครสัตว์ ละครสัตว์ยังนิยมใช้ตัวตลกเหล่านี้เรื่อยมาถึงปัจจุบัน
เบนจามิน แรดฟอร์ด (Benjamin Radford) ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์และปรากฏการณ์ตัวตลกสยองขวัญ และผู้เขียนหนังสือ ‘Bad Clown’ เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ ให้ความเห็นว่า โดยปกติแล้วตัวตลกไม่ได้น่ากลัว หากอยู่ในสถานที่ที่เราคาดหวังให้ตัวตลกอยู่ เช่น ละครสัตว์ บนเวที ในสวนสนุก งานเลี้ยง ฯลฯ แต่เมื่อใดก็ตามที่ตัวตลกปรากฏตัวนอกบริบทที่พวกเขาควรจะอยู่ ใบหน้าและตัวตนที่ถูกปกปิดภายใต้หน้ากากของพวกเขาย่อมสร้างความกลัวให้ผู้พบเห็นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
แรดฟอร์ดยังอธิบายว่า ภาพลักษณ์ตัวตลกไม่ได้เพิ่งมาย่ำแย่ในยุคหลัง บทบาทในประวัติศาสตร์ช่วยสร้างภาพของตัวตลกเป็นบุคคลที่ชอบปั่นป่วนหรือชอบหลอกคนมานานแล้ว
อีกภาพลักษณ์ของตัวตลกในวงการศิลปะมักออกมาในเชิงบุคคลที่เศร้าสร้อยขัดกับบทบาทในชีวิตจริง ในนิยายเรื่อง ‘The Pickwick Papers’ จากปี 1836 ของชาร์ลส์ ดิคเกนส์ (Charles joker Dickens) เล่าถึงตัวตลกติดเหล้าผู้หมดอาลัยตายอยากในชีวิต
หรือภาพยนตร์ ‘Laugh Clown Laugh’ ในปี 1928 เป็นโศกนาฏกรรมของตัวตลกสองคน ตัวตลกคนแรกมีอาการผิดปกติทางร่างกาย ไม่สามารถควบคุมการร้องไห้ได้ ส่วนตัวตลกอีกคนกลับหัวเราะอย่างไม่สามารถควบคุมตัวได้ ทั้งสองตัดสินใจร่วมแรงกันเปิดโชว์ของตนเอง สุดท้ายกลับไปตกหลุมรักหญิงสาวคนเดียวกัน และลงเอยด้วยโศกนาฏกรรมความรักอันน่าสะเทือนใจ
ปี 1940 ตัวละคร ‘โจ๊กเกอร์’ (Joker) ได้ปรากฏตัวขึ้นในหนังสือการ์ตูน ‘แบทแมน’ ในฐานะจอมวายร้ายที่ก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่อง ต่อมาโจ๊กเกอร์จะกลายเป็นอาชญากรตัวพ่อผู้ทำให้แบทแมนต้องเสียศูนย์หลายต่อหลายครั้ง ตัวละครนี้ยังถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และวิดีโอเกมอีกหลายครั้ง
โดยภาพยนตร์เรื่องล่าสุด ‘Joker’ นำแสดงโดยวาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ได้บอกเล่าต้นกำเนิดของตัวตลกวายร้ายนี้ในรูปของชายที่ตกขอบสังคมพร้อมปัญหาทางจิตใจที่ผลักให้เขาต้องออกมาทวงแค้นสังคมในที่สุด
ยุคปี 1950-1960 เป็นการเปิดศักราชใหม่ของตัวตลก การมาถึงของร้านอาหารแฟรนไชส์ ‘แมคโดนัลด์’ เป็นจุดกำเนิดของตัวตลกชื่อว่า ‘โรนัลด์ แมคโดนัลด์’ เขาคือตัวตลกที่ร่าเริงสดใส มีรอยยิ้มเป็นมิตร พร้อมอ้าแขนต้อนรับครอบครัวให้เข้าไปใช้เวลาอันสุขสันต์ในร้าน
อีกตัวตลกที่ถือกำเนิดในช่วงเดียวกันคือ ‘โบโซ่’ (Bozo) ตัวตลกหัวล้านแสกกลางที่เรียกเสียงเฮฮาให้เด็กๆ ด้วยท่าทางน่าเอ็นดู โบโซ่โด่งดังจากการออกอากาศทางโทรทัศน์ และได้รับความนิยมไปทั่วโลกจนแต่ละประเทศต่างมีรายการโชว์โบโซ่ของตนเอง แต่ไม่ว่าโรนัลด์ และโบโซ่จะเป็นที่รักใคร่ของเด็กๆ เพียงใด ภาพของตัวตลกไม่ดีกลับไม่เคยหายไปไหน และกำลังจะหวนกลับคืนมาด้วยเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง
แม้ตัวตลกจะถูกสร้างเป็นวายร้ายในภาพยนตร์หลายเรื่องมาก่อน แต่ยังไม่เคยมีภาพของตัวตลกในฐานะ ‘ปีศาจร้าย’ จนกระทั่งยุค 1970 กลับมีเหตุการณ์ที่สร้างความหวาดระแวงแก่ตัวตลกอีกครั้ง และเป็นจุดเริ่มต้นตัวตลกสยองขวัญในยุคต่อมา
เรื่องชวนขนหัวลุกเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1972-1978 มีรายงานถึงเด็กผู้ชายที่หายตัวไปหลายสิบรายที่ย่านคุกเคาท์ตี้ รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐฯ เมื่อตำรวจสืบสวนกลับพบว่าผู้ต้องหาคือ ‘จอห์น เวย์น เกซี’ (John Wayne Gacy) เขาสารภาพว่าได้ลงมือฆ่าและข่มขืนเด็กชายไปถึง 33 คน สิ่งที่น่าขนลุกไปกว่านั้นคือเขามักได้รับเชิญไปเป็นตัวตลกในงานเลี้ยงฉลองของเด็กๆ นับครั้งไม่ถ้วน ภายใต้ชุดตัวตลกที่เรียกเสียงหัวเราะให้เด็กกลับซ่อนเบื้องหลังอันดำมืดของฆาตกรต่อเนื่องไว้ เกซียอมรับสารภาพเองว่าการแต่งเป็นตัวตลกทำให้เขาเข้าถึงเด็กได้ง่ายขึ้น เขาถูกประหารชีวิตในปี 1994
หลังจากนั้นไม่กี่ปี นวนิยายและภาพยนตร์ที่มีตัวตลกสยองขวัญต่างทยอยเปิดตัวออกมา เริ่มต้นจากนวนิยาย The Voice of the Clown ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1982 ตามมาติดๆด้วยนิยาย The House on Sorority Row จากปี 1983
ปี 1988 นวนิยายสยองขวัญ ‘It’ ของ เจ้าพ่อนิยายสยองขวัญ ‘สตีเฟน คิง’ (Stephen King) นำเสนอเรื่องเกี่ยวกับ ‘เพนนีไวส์’ (Pennywise) ปีศาจร้ายในคราบตัวตลกที่คอยจ้องเล่นงานเด็กๆในเมืองแห่งหนึ่ง คิงยังยอมรับว่าเขานำแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากจอห์น เวย์น เกซีด้วย แน่นอนว่านวนิยายเรื่องนี้โด่งดังพลุแตกและถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปถ่ายทำเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง ทั้งฉบับปี 1990, 2017, และภาคต่อในปี 2019
ภาพยนตร์เรื่อง ‘Killer Klowns from Outer Space’ ในปี 1988 ช่วยเสริมภาพตัวตลกปีศาจร้ายได้อย่างดี เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่บวกต่อความสดใหม่และเทคนิคพิเศษของตัวภาพยนตร์ทำให้มันขึ้นหิ้งเป็น ‘หนังคัลท์’ (Cult Classics) ที่มีกลุ่มแฟนเดนตายติดตามอย่างเหนียวแน่น เนื้อเรื่องว่าด้วยแผนรุกรานโลกของเอเลียนกินคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนตัวตลกที่ไล่ลงจอดยานในเมืองแห่งหนึ่ง แล้วก่อเหตุไล่กินคนจนชาวเมืองต้องรวมตัวกันออกมาขับไล่พวกมันออกไป
นับแต่นั้นมา ตัวตลกประเภทใหม่ในรูปแบบปีศาจร้ายหรือฆาตกรจึงสร้างความกลัวในใจของเด็กและผู้คนนับไม่ถ้วน และถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือนิยายหลายเรื่องในวัฒนธรรมป๊อป รวมถึงตำนานเมือง (Urban Legend) เกี่ยวกับตัวตลกชั่วร้ายที่รอคอยจังหวะเข้ามาสังหารผู้คนในบ้าน
ปี 2014 เกิดเหตุตัวตลกออกอาละวาดในประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี มีผู้แต่งตัวเป็นตัวตลกฆาตกรออกวิ่งไล่ตามผู้คนจนขวัญผวา เกิดเป็นข่าวดัง เชื่อว่าน่าจะเอาแรงบันดาลใจมาจากตัวตลกฆาตกรต่อเนื่องในซีรีส์ ‘American Horror Stories : Freak Show’ เหตุการณ์นี้ทำให้คอสตูมตัวตลกถูกแบนในที่สาธารณะ
เมื่อปี 2016 เกิดปรากฎการณ์ตัวตลกแพร่ระบาดอีกครั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และอีกหลายประเทศในยุโรป ผู้สัญจรตามท้องถนนหรือคนเดินเท้าต่างรายการว่าเจอตัวตลกในที่เปลี่ยวคอยวิ่งไล่ตาม ตัวตลกบางรายถูกคนที่ตื่นกลัวยิงเสียชีวิตหรือโดนขับรถชนหลังพยายามกระโจนออกมาให้คนขับตกใจ แม้หลายรายจะทำไปเพื่อความคึกคะนอง แต่ก็มีผู้อาศัยกระแสตัวตลกก่ออาชญากรรมเช่นกัน
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของตัวตลกทำให้เรารู้ว่ามนุษย์มีความรู้สึกลบต่อตัวตลกมายาวนานแล้ว ตัวตลกเป็นภาพแทนของมนุษย์ผู้ดูเหมือนจะร่าเริง แต่กลับซ่อนตัวตนอันลึกลับภายใต้หน้ากากอันสดใส ความกลัวต่อสิ่งที่เราไม่รู้ทำให้ตัวตลกกลับดูลึกลับมากยิ่งขึ้น จนเกิดเป็นตำนานสยองขวัญในวัฒนธรรมป๊อปในปัจจุบัน และดูเหมือนว่าภาพลักษณ์นี้จะยังคงอยู่ไปอีกนาน
อ้างอิงจาก: gypzyworld