รักน้อง อยากพาน้องไปเที่ยวต้องดู กับ How to พาน้องหมา แมวขึ้นเครื่องบิน
อยากพาน้องไปเที่ยวไหนต่อไหนด้วยกัน จะเอาขึ้นเครื่องบินได้ไหมนะ?
เดี๋ยวนี้เป็นยุคที่คนรักสัตว์มีทางเลือกให้กับสัตว์เลี้ยงของตัวเองมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนจะไปไหนมาไหนก็คงได้แต่ฝากเพื่อน ญาติ หรือคนรู้จักช่วยเลี้ยงไปก่อน แต่เดี๋ยวนี้เราสามารถพาเขาไปไหนมาไหนด้วยกันได้แล้ว แต่ก็ต้องมีเงื่อนไขที่จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางสายการบินด้วย ดังนั้นถ้าอยากพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องไปด้วยกันต้องทำอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ
1. พาสัตว์เลี้ยงไปตรวจร่างกาย
ก่อนอื่นเลยคุณควรพาสัตว์เลี้ยงไปเช็คความพร้อมของพวกเขาก่อนเลยว่า ร่างกายแข็งแรงดีไหม มีอาการบาดเจ็บตรงไหน หรือว่าป่วยอยู่หรือเปล่า เพื่อที่จะได้เป็นต้นเหตุของการแพร่โรคระบาด จึงควรได้รับการตรวจจากสัตวแพทย์ และมีการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนนำขึ้นเครื่องด้วย
2. ทำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
สุนัขบางสายพันธุ์อาจจะมีข้อจำกัดทางร่างกายของเขาอยู่ และต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อย่างเช่น สุนัขสายพันธุ์ที่มีหน้าสั้นจมูกแบน อาจจะมีปัญหาเรื่องระบบการหายใจได้เมื่ออยู่ในสภาวะบนเครื่องบิน หากมีข้อสงสัยใดๆ ควรขอรับคำแนะนำในการดูแลอย่างละเอียดจากสัตวแพทย์ได้ ควรขอรับคำแนะนำในการดูแลอย่างละเอียดค่ะ
3. ทำการแจ้งกับสายการบิน
เมื่อตั้งใจว่าจะเดินทางไปด้วยกันกับสัตว์เลี้ยงแล้ว ควรที่จะสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสายการบินนั้นๆ ในเรื่องเงื่อนไขของการนำสัตว์เลี้ยงเดินทางไปด้วย เพื่อที่จะได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกฎข้อบังคับต่างๆ และเพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงของคุณด้วย และควรทำการจองตั๋วเครื่องบินแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาในการทำเรื่องการขนส่งสัตว์เลี้ยงด้วยค่ะ
4. ใช้กล่องใส่ที่ได้มาตราฐาน
กล่องที่ใส่สัตว์เลี้ยงจะต้องได้มาตรฐานตามที่สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA กำหนด โดยที่มีที่กว้างพอให้สัตว์เลี้ยงยืน พลิกตัว และนอนได้ มีความแข็งแรงพอที่จะป้องกันสัตว์เลี้ยงระหว่างการขนขึ้นและลงเครื่องบิน มีรูระบายอากาศ ไม่มีมุมแหลมคม และควรมีที่จะประตูกรงหนาแน่นมี 3 ด้านเป็นอย่างต่ำ ควรปูพื้นรองด้วยวัสดุที่ดูดซับน้ำได้ดี
เลือกการพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องอย่างเหมาะสม
คราวนี้เราจะมาทำความรู้จักการพาสัตว์ขึ้นเครื่องบินในแต่ละแบบกันดูค่ะ
5. แบบพาเข้าห้องโดยสารได้
PETC (Pet In cabin) : เป็นการพาสัตว์เลี้ยงเข้าไปอยู่ในห้องโดยสารกับเราด้วย ซึ่งวิธีนี้นั้นเหมาะสำหรับผู้พิการที่จะต้องใช้สุนัขช่วยในการนำทาง ซึ่งควรจะต้องมีเอกสารรับรองจาก The Animal Quarantine Office มีน้ำหนักสัตว์เลี้ยงรวมถึงกรงด้วยไม่เกิน 10 กิโลกรัม และมีแค่บางการสายบินเท่านั้นที่อนุญาตด้วยค่ะ
6. ขนส่งแบบเดียวกับสัมภาระ
AVIH (Check Baggage) : คือวิธีที่ขนส่งสัตว์เลี้ยงในรูปแบบเดียวกับขนส่งสัมภาระ อย่างเช่น พวกกระเป๋าเดินทางของเรานั่นเอง เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีน้ำหนักเกิน 10 กิโลกรัม ทำได้แทบทุกสายการบิน แต่คุณจะต้องนำสัตว์เลี้ยงไปเช็คอินที่ Passenger terminals น้องจะถูกโหลดไปพร้อมๆ กับพวกกระเป๋าเลยค่ะ
7. ขนส่งแบบเดียวกับสินค้า
ULP (Unaccompanied Live Pets) : การขนส่งสัตว์เลี้ยงในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ เป็นการขนส่งสำหรับพวกสัตว์เลี้ยงที่ทำการซื้อขายกันเสียมากกว่า เพราะว่าเราจะไม่ได้ขึ้นเครื่องไปกับสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นด้วย สิ่งที่ต้องทำคือแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนล่วงหน้า เนื่องจากมีพื้นที่จำกัดสำหรับสิ่งมีชีวิต และต้องพาสัตว์เลี้ยงไปส่งที่คลังสินค้าของสนามบิน ซึ่งจะมีระบบการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษด้วย คุณจึงวางใจได้เยอะเลยล่ะค่ะ
8. วันที่ขึ้นเครื่องต้องทำอะไรบ้าง
ก็ให้ไปแจ้งกับพนักงานด้วยว่า เราจะทำการพาสัตว์เลี้ยงไปด้วย โดยระบุประเภท น้ำหนัก อายุ วิธีการเดินทางจะต้องอยู่ในกฎข้อบังคับของแต่ละสายการบินค่ะ ที่สำคัญนอกเหนือจากกรงที่ได้มาตราฐานแล้วก็คือ ต้องมีเครื่องหมายที่กล่องชัดเจน ติดชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรของเจ้าของ และแปะคำว่า 'Live Animal' มีลูกศรชี้ขึ้นให้กรงอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง ติดคำแนะนำการให้น้ำ และอาหารแก่สัตว์เลี้ยง และแนบสำเนาเอกสารต่างๆ ของสัตว์เลี้ยงไว้ที่กล่องด้วย
เพียงเท่านี้คุณสาวๆ ก็จะได้ไปท่องเที่ยวกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดได้อย่างสบายใจแล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องฝากใครเลี้ยงให้รู้สึกต้องเป็นห่วง และได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกต่างหาก ดีมากๆ เลยใช่ไหมล่ะ?
อยากลองพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินไหมคะ?
บทความ โดย : Akine_noxx
ฝากติดตาม กดไลค์ กดแชร์ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ