หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

รู้จริง เรื่องสุกใส

เนื้อหาโดย drseam

ติดตามกันได้ทางช่องทาง Facebook : สุขภาพดี 5 นาทีกับหมอเซียม Youtube : DR Seam Tiktok : DR Seam

วันนี้ก็มีโรคที่มากับฤดูหนาว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ โรคสุกใส หรือในบางทีที่เราเรียกกันว่า โรคอีสุกอีใส โดยมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Chicken Pox ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ โดยเกิดจากไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลา สำหรับอาการของโรคนี้ ก็จะเริ่มจากมีไข้ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว จากนั้นก็เริ่มมีตุ่มสุก หรือตุ่มใส เกิดขึ้นตามตัว เริ่มตั้งแต่ใบหน้า ลำตัว แขนขา และเมื่อตุ่มสุก ตุ่มใส เกิดขึ้นทั้งตัวแล้วจากนั้นก็จะค่อยๆ ยุบและแห้งลง จนตกสะเก็ดแล้วหายไป โดยโรคสุกใสนี้มักจะเกิดขึ้นในเด็ก แต่ในผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นได้เช่นเดียวกัน และถ้าหากเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ก็จะมีอาการรุนแรงมากกว่าในเด็ก สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้ในโรคสุกใส มีได้ตั้งแต่มีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังซ้ำเติม บริเวณที่เกิดตุ่มสุก ตุ่มใส เนื่องจากการเกา ทำให้เกิดเป็นแผลหรือเป็นหนองได้ และเมื่อหายก็มักจะเกิดแผลเป็นทิ้งไว้ แต่ในบางคนก็มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่า เช่น ปอดบวม ที่บางครั้งอาจจะทำให้มีโอกาสเสียชีวิตได้เลยทีเดียว แต่ภาวะแทรกซ้อนพวกนี้มักเกิดในคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ และเมื่อเราเป็นโรคสุกใสนี้ เมื่อหายแล้ว เชื้อไวรัสจะไปแฝงตัวในปมประสาท และคอยเวลาในการกำเริบเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อกำเริบเกิดขึ้นนั้น ก็จะทำให้เราป่วยเป็นโรคงูสวัด การติดต่อของโรคนี้มักจะเกิดจากการสัมผัส ไม่ว่าสัมผัสกับตุ่มสุก ตุ่มใสโดยตรง หรือสัมผัสผ่านทางสิ่งของ ที่มีเชื้อไวรัสวาริเซลลาอยู่ เนื่องจากผู้ป่วยโรคสุกใสไปสัมผัสทำให้มีเชื้อไวรัสไปติดอยู่ และเมื่อเราไปสัมผัสต่อ ก็มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย อย่างเช่นการสัมผัสแก้วน้ำ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ระยะการแพร่เชื้อเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ เริ่มมีไข้ จนถึงกระทั่งผื่นตกสะเก็ดหายหมด การรักษา ส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ และควรตัดเล็บให้สั้นเพื่อป้องกันการเกา อาบน้ำฟอกสบู่บริเวณผิวหนังให้สะอาด ในคนที่มีความเสี่ยงสูง หรืออาการรุนแรง ควรได้รับยาต้านเชื้อไวรัสในการรักษาร่วมด้วย สำหรับการป้องกันโรคที่ดีที่สุด คือ ไม่อยู่ใกล้คนที่ป่วยเป็นโรคสุกใส ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน และในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคสุกใส ซึ่งได้ผลป้องกันถึง 90% ทีเดียว แม้ว่าวัคซีนนี้จะไม่สามารถป้องกันโรคสุกใสได้ 100% แต่ก็ลดโอกาสการป่วยเป็นโรคนี้น้อยลง และเมื่อป่วยเป็นโรคสุกใส ก็จะมีอาการไม่ค่อยรุนแรง แต่คนที่เคยป่วยเป็นโรคสุกใสแล้ว ก็จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องไปฉีดวัคซีนเพิ่มเติม สามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในคลิปนะครับ

เนื้อหาโดย: drseam
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
drseam's profile


โพสท์โดย: drseam
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
'แหม่ม จินตหรา'ซัด'ว็อชด๊อก'หยุดบิดเบือนเรื่องช้าง!ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี '68 รับเงินช่วยเหลือ 1,545 บาท ใครมีสิทธิ์บ้าง?สุดสงสาร!” เจ้าบอด “ ตูบตาบอดจอมซน เล่นปากบ่อน้ำพลัดตกหวิดดับ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สคบ.แจง 6 คุณสมบัติ “บริษัทขายตรง” ต้องมี ก่อนตกเป็นเหยื่อธุรกิจฉาวลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี '68 รับเงินช่วยเหลือ 1,545 บาท ใครมีสิทธิ์บ้าง?หวาง หมิน ท่ง (ผู้ที่หลงรักจักรพรรดิ​ผู่อี๋จนวันสุดท้าย...)จริงหรือมั่ว? “กินแคร์รอต” เป็นประจำจะทำให้ตัวเหลืองปิดฉากเจ้าหญิงองค์สุดท้าย แห่งจักรวรรดิออตโตมัน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
กาแฟดำ! ตัวช่วยลดน้ำหนัก จริงหรือ? ไขข้อข้องใจ พร้อมเผยเคล็ดลับหุ่นสวยทำไมดัมเบิลดอร์ยังคงจ้างฟิลช์ ทั้งๆ ที่ฮอกวอตส์ก็มีเอลฟ์ประจำบ้านประโยชน์ของการมีเซ็ก และมีเซ็กกี่ครั้งต่อสัปดาห์ดีที่สุด?ดราม่าหนัก ชาวกัมพูชาวิจารณ์เดือด หลังถูกยกเลิกเป็นเจ้าภาพ Miss Grand International 2024
ตั้งกระทู้ใหม่