เมื่อรัฐใช้ท่าไม้ตาย Lockdown ผิดจังหวะ
คุยกับหมอเอกชนท่านนึงเขามองเรื่องโควิดกับการ Lockdown น่าสนใจ คือเขาเห็นว่าในรอบแรกมาตรการ Lockdown มาเร็วเกินไป และผ่อนคลายช้าเกินไป
การดึงระยะLockdown เกือบ2เดือนรัฐแบกต้นทุนเยอะมากโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ โดยไปเชื่อแรงยุของข้าราชการที่พยายามกดยอดให้เป็นศูนย์ ทั้งที่จริงถ้าพอเลขต่ำ หรือคุมวงได้ควรรีบผ่อนคลาย
พอล็อกไวปลดล็อกช้า เศรษฐกิจพังก็ต้องเยียวยากันมาก กู้มากอีก แต่ก็มีการพยากรณ์จากหลายฝ่ายแล้วว่าระวังช่วงหน้าหนาวที่เสี่ยงกับการแพร่ระบาดทางละอองฝอย คนจามมากขึ้น สุขภาพอ่อนแอลง
น่าสนใจคือระยะกว่า7เดือน รัฐยังไม่ใช้มาตรการเชิงรุกในการเสริมความแกร่งรับมือที่เพียงพอ รวมไปถึงเมื่อรัฐรู้ว่าต้องเฝ้าระวังตามตะเข็บชายแดน และกลุ่มแรงงานต่างด้าว รัฐเพิ่งมาตรวจเชิงรุกตอนเคสสมุทรสาคร
คุณหมอบอกว่ารอบนี้หนักกว่ารอบแรก แต่รัฐบาลก็แหยงที่จะใช้มาตรการ Lockdown ทั้งที่ช่วงปีใหม่เป็นช่วงเคลื่อนย้ายคนโอกาสแพร่กระจายสูง เพราะไม่กล้าแบกรับด้านเศรษฐกิจแล้ว
จริงๆถ้าเปรียบง่ายๆLockdown มันเหมือนท่าไม้ตายเวลาเราเจอบอส ไม่ใช่สิ่งที่รีบใช้อย่างไวตั้งแต่ด่านแรกๆ และไม่ใช่ใช้นาน แต่ควรใช้สั้น ไวและเด็ดขาดเป็นระยะๆ ไม่ใช่ใช้ยาวกดให้เหลือศูนย์ก่อน ที่พอถึงเวลาจำเป็นจะใช้ก็ไม่กล้าใช้เสียแล้ว เพราะคนแขยงและรัฐขยาดเสียเอง อาจจะเรียกว่าล้มเหลวเต็มรูปแบบ
คหสต.
เราไม่ได้ประโยชน์อะไรเท่าไรจากการกดตัวเลขให้เหลือ0 ติดต่อกันหลายวันในช่วงนึง ทั้งที่เอาเข้าจริงสิ่งสำคัญคือ 'คุมตัวเลขให้ต่ำ'แล้วรีบผ่อนคลายจะดีกว่า
สัญญาณนึงที่รัฐไม่กล้าใช้ยาแรงรอบนี้คือ นายกฯโยนอำนาจ Lockdown ให้ผู้ว่าฯจัดการเอง ซึ่งคนสั่ง ถ้าไม่ได้รับคำชมก็เละไปเลย ผู้ว่าฯสมุทรสาครทำงานดีอยู่นะอันนี้ชม
เดี๋ยวนี้ได้ยินคำว่า Lockdown พ่อค้าแม่ค้าเจ้าของกิจการก็ร้องไห้กันแล้ว"