เผยภาพ ขนาดรถฉีดน้ำยังเยินเพราะสารเคมี แล้วคนโดนฉีดจะมีสภาพแบบไหน?
อ.อ๊อด เผยให้เห็นสถาพรถฉีดน้ำ ที่ใส่สารเคมีรุนแรงลงไปถึง 4 ตัว ที่ใช้กับผู้ชุมนุม มีรอยสนิทกัดทั้งๆ ที่เป็นรถใหม่ๆ แสดงให้เห็นว่าสารเคมีมีความเข้มข้นและรุนแรงขนาดไหน?
“รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์” ตรวจตัวอย่างน้ำจากเหตุปะทะแยกเกียกกาย พบสารเคมี 5 ตัว ตัวทำละลาย 1 และ 4 สารกลุ่ม “แก๊สน้ำตา” อันตรายเสี่ยงผิวหนังไหม้รุนแรง ทำลายดวงตา และการสูดดม ตามปกติที่ใช้ใส่ตัวเดียวก็เกินพอแล้ว
มีประชาชนส่งภาพรถน้ำสีม่วงมาถามครับว่า สนิมรั่วทั้ง 2 คันครับ ต้องถามกลับว่า รถเขาขนสารเคมีอะไร...
โพสต์โดย Weerachai Phutdhawong เมื่อ วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2020
เบื้องหลัง
รายงานผู้ป่วยจากการชุมนุมโดยคุณหมอทศพร
หลวงพี่มีอาการอึดอัด หายใจลำบาก แน่นหน้าอก จากการได้รับแก๊สน้ำตาและน้ำผสมสารเคมี pic.twitter.com/kfWsXyRwea
— Tosaporn Sererak / นพ. ทศพร เสรีรักษ์ (@TSererak) November 21, 2020
ใครก็ตามที่สำรอกออกมาว่าตำรวจทำตามหลักสากล แค่โดนฉีดน้ำทำมาเป็นสำออย มึงแหกตาดูนะ แล้วมึงมายืนนิ่งๆ ให้เขาฉีด กูจะดูว่ามึงจะสำออยร้องเหมือนหมาไหม ยม pic.twitter.com/DukndJvOWi
— 🤍 (@GUIaHOLIC) November 20, 2020
ตอนโดน เปียกชุ่มทั้งจีวรเลย
Human Rights Watch เขียนถึงเหตุการณ์ #ม็อบ17พฤศจิกา ระบุถึงความไม่จำเป็นในการใช้รถฉีดน้ำ การใช้แก๊สน้ำตา ทำให้มี 55 คนบาดเจ็บ รวมถึงการใช้ lese majeste และพรก.ฉุกเฉินด้วย และย้ำถึงการเข้าร่วมสิทธิมนุษยชนตั้งแต่ 1996 แต่ก็ละเมิดมาเสมอของไทย
https://www.hrw.org/news/2020/11/19/thailand-police-violence-against-democracy-demonstrators
.
"หยุดใช้แก๊สน้ำตา"
/กรุงโซล 1987 pic.twitter.com/YK96D2vio9
— ชัยยะ | 창시 (@call119now) November 17, 2020
ใดๆ ก็ตามการใช้สารเคมีและความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ที่ยังไม่ก่อเหตุจลาจล เป็นสิ่งที่สมควรถูกประณาม มาตรฐานสากล ไม่มีการใส่แก๊สน้ำตาผสมในน้ำที่ฉีดสลายการชุมนุมตามมาตรฐานสากลต้องฉีดลงพื้น ไม่ใช่ฉีดใส่คนแบบนี้ด้วย