อย่าตัดหัว/ท้ายแอปเปิ้ลทิ้ง เพราะเป็นส่วนที่หวานที่สุด รู้หรือไม่สายพันธุ์ใดหวานสุด
ส่วนใหญ่เวลาทานผักหรือผลไม้ เรามักจะตัดขั้วหัว/ท้ายออกกันใช่ไหม แต่สำหรับแอปเปิ้ลหรือลูกพีชลูกแพร์ ขอบอกเลยว่าส่วนนี้แหละเป็นส่วนที่หวานที่สุด โดยส่วนก้นหรือท้ายของแอปเปิ้ลจะหวานกว่าหัวข้างบนถึงแม้จะมีความกรอบน้อยกว่า เพราะวิทยาศาสตร์อธิบายว่าส่วนข้างล่างมีค่า PH น้อยกว่า
รูปข้างบนแสดงองค์ประกอบลูกพีชและแอปเปิ้ล ปกติจะประกอบด้วย 2 ส่วนคือ เมล็ดและผนังผล (pericarp) ผนังผลนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เอ็กโซคาร์ป (Exocarp) มีโซคาร์ป (Mesocarp) และเอนโดคาร์ป (Endocarp)
จะเห็นได้ว่าในแอปเปิ้ลและพีชไม่มีท่อลำเลียง ดังนั้น ความหวานที่ได้จากน้ำตาลในผลไม้ใช้วิธีการแพร่จากข้างในสู่ข้างนอก และเป็นไปตามกฎแรงโน้มถ่วง ทำให้ข้างล่างหรือท้ายของแอปเปิ้ลหวานที่สุด
วิธีเอาใจกลางแอปเปิ้ลและเมล็ดออกง่าย ๆ
วิธีที่ 1 ใช้มีดเจาะจากด้านบน
วิธีที่ 2 ใช้ช้อนตักคว้านออก
วิธีที่ 3 ใช้ที่ตัดแอปเปิ้ล
รู้หรือไม่เกี่ยวกับแอปเปิ้ล
การแช่ในตู้เย็นอาจทำให้หวานน้อยลง เนื่องจากกระบวนการสุกของแอปเปิ้ลจะปล่อยก๊าซเอทิลีน หากเอาไปแช่ตู้เย็น กระบวนการสุกของแอปเปิ้ลจะชะงักลง (แต่เป็นการถนอมอาหาร ทำให้กรอบและเก็บได้นานขึ้น) ดังนั้น ก่อนทานให้เอาออกจากตู้เย็นวางไว้ที่อุณหภูมิห้องจะดีกว่า
แอปเปิ้ลสายพันธุ์ใดหวานที่สุด
ถ้าเป็นสายพันธุ์คุ้นเคยในบ้านเราแอปเปิ้ลฟูจิหวานที่สุด แอปเปิ้ลเขียวเปรี้ยวที่สุด เรียงลำดับดังนี้
'ฟูจิ > กาล่า > โกลเด้นดิลิเชียส > แอปเปิ้ลแดง > แจส > เอนวี่ > แอปเปิ้ลเขียว(แกรนนี่สมิธ)'
แอปเปิ้ลแต่ละชนิดจะมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน เหมาะสำหรับทำสลัด ทำซอสต่างกัน หากใครสนใจดูเพิ่มเติมได้ที่ https://th.bestapples.com/varieties-information/varieties/
ประโยชน์ของเปลือกแอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลมีคุณประโยชน์มากมาย มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอวัยและสารฟลาโวนอยด์ซึ่งอยู่ในเปลือกโดยเฉพาะแอปเปิ้ลสีแดง ช่วยลดคอเลสเตอรอล สามารถใช้ทานตอนลดน้ำหนักได้ เพราะน้ำตาลในแอปเปิ้ลดูดซึมเร็วและสามารถนำพลังงานไปใช้ได้ทันที
แอปเปิ้ลสีเขียวให้พลังงานน้อยกว่า มีวิตามินซีสูง ป้องกันไข้หวัด เลือดออกตามไรฟัน
แอปเปิ้ลสีเหลือง ช่วยล้างสารพิษในตับ
คุณประโยชน์เยอะขนาดนี้ เพียงทานวันละ 1 ลูกทั้งเปลือก ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งได้เพราะในเปลือกมีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายนั่นเอง
อิงงานวิจัยจาก https://onlinelibrary.wiley.com/doi/abs/10.1002/jsfa.2740690309