เยาวชนกับผู้อาวุโสที่ใช้อำนาจ บารมีของตัวเองอย่างไร้เหตุผล เอาความอาวุโสความแก่ ตัวมาเป็นเกราะกำบัง
เพจ Friends Talk โพสต์เรื่องราวเด็กยุคนี้กับผู้ใหญ่ ที่ชอบใช้บารมีของตัวเองอย่างไร้เหตุผล เอาความอาวุโสความแก่ ตัวมาเป็นเกราะกำบัง......มีข้อความว่า
"ตอนนี้ผู้ใหญ่หลายๆคนออกมาบ่นว่าเด็กสมัยนี้แตะต้องไม่ได้เลย ใช่! เราไม่เถียง แต่เด็กน่ะ เพิ่งจะแตะไม่ได้ก็ในสมัยนี้เอง ในขณะที่ผู้ใหญ่เองนั่นแหล่ะ ที่แตะไม่ได้เลยมาแต่ไหนแต่ไร ใช้อำนาจใช้บารมีของตัวเองอย่างไร้เหตุผล เอาความอาวุโสความแก่ตัวมาเป็นเกราะกำบัง สุดท้ายสิ่งที่เด็กๆเห็นก็คือความลำเอียง ความไม่ยุติธรรม แล้วก็หมดศรัทธาในตัวผู้ใหญ่ไป" -- จากเนื้อความส่วนนึงในบทความ
โดยต้นเรื่อง คุุณ Suchakrey Toys Koomplee โพสต์เรื่องราวนี้ไว่ว่า ....
"ผมโทรขอความช่วยเหลือมาตั้งแต่เช้าแล้ว ผมแค่อยากให้มีใครซักคนลงมาช่วยดูปัญหาผมตรงนี้บ้าง แต่สุดท้ายทั้งวันนี้มันก็จบลงที่เค้าบอกให้ผมโทรไปอีกเบอร์นึง.. แล้วเค้าก็วางสายไป"
.
นี่เป็นครั้งแรกที่เยาวชนโทรมาขอคำปรึกษาเอง.. และน่าจะเป็นเคสให้คำปรึกษาที่พาหดหู่ที่สุดแล้วตั้งแต่เรารับสายมา (ยาวมาก..แต่ถ้าเราไม่พิมพ์ออกมาเราคงนอนไม่หลับอะคืนนี้..)
.
----------------------------
น้องอายุ 17 ปีเศษ น้องมีปัญหากับบุคลากรคนหนึ่งที่โรงเรียน ที่พยายามทำทุกทางเพื่อที่จะปัดน้องออกจากโรงเรียน เพราะน้องมีปัญหาทางจิตเวช น้องบอกว่าเคยไปหาหมอจริง โรงเรียนก็เคยให้หยุด ซึ่งน้องก็หยุดไป 1 ปีเต็มๆแล้ว และกลับมาพร้อมจะเรียนแล้ว มีจดหมายจากหมอเสร็จสรรพ แต่ผู้ใหญ่คนนี้ก็ยังพยายามให้น้องหยุดต่อ พยายามผลักไม่ให้น้องมาโรงเรียน จนตอนนี้น้องถูกผู้ใหญ่ท่านนี้บอกว่าไม่น่าจะเรียนจบแล้ว เพราะจำนวนชั่วโมงเรียนไม่พอ คงต้องดร็อปอีกปี.. น้องรู้สึกไม่โอเค อยากให้มีการจัดการอะไรซักอย่าง (เพราะน้องไม่ใช่คนเดียวที่โดน)
.
"อันนี้คือจะมีคนลงมาช่วยผมจริงๆใช่มั้ยครับ? ไม่ใช่จะให้ความหวังลมๆแล้งๆกับผม ให้ผมรอ แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะครับ?"
.
เราแอบสะอึกนะตอนที่ได้ยินประโยคนี้ ซึ่งตอนนั้นเรารู้แล้วว่าเราไม่สามารถช่วยอะไรน้องได้ เพราะด้วยตำแหน่งด้วยหน่วยงาน แต่เราไม่อยากให้น้องโดนลอยแพ (ซึ่งเรามั่นใจว่าน้องน่าจะโดนมาหลายรอบแล้ววันนี้) เราเลยวางหูจากโทรศัพท์ออฟฟิศ แล้วเอามือถือตัวเองโทรไปหาน้อง
.
"ถือสายรอก่อนนะครับ เดี๋ยวผมวิ่งไปถามให้"
.
ใช่.. เราวิ่ง ไปทุกกลุ่มงานที่คิดว่าเกี่ยวข้อง ไปหาพี่ๆที่น่าจะให้ข้อมูลได้ พยายามหาทางเลือกให้น้องให้ได้มากที่สุด (ในใจตอนนั้นคิดแค่ว่า..เราจะไม่ลอยแพน้อง!!) ตอนนั้นเราค่อนข้างมั่นใจละว่าน้องเขาน่าจะพอมีทางไป.. แต่ไม่ใช่..
.
"ผมกลัวระบบอุปถัมภ์ ระบบเส้นสาย ผมกลัวว่าสุดท้ายแล้วผู้ใหญ่จะไม่ทำอะไรเพราะเกรงบารมีกัน มีคนหนุนหลังกัน"
.
เราสะอึกไปรอบสอง.. เพราะเราเถียงไม่ได้เลยจริงๆว่ามันมีระบบนี้อยู่ และมันอยู่ทุกที่ ทำให้มีคนกลุ่มหนึ่งที่ถูกแตะไม่ได้เลย เราได้แต่ให้กำลังใจน้องว่าหน่วยงานระดับจังหวัดเขาเป็นกลางนะ ขอให้น้องเตรียมหลักฐานเตรียมพยานให้ได้มากที่สุด แล้วเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอง
.
น้องรู้แล้วว่าต้องทำยังไงต่อ แต่น้องก็ยังกังวลอยู่มาก เพราะน้องไม่เชื่อในระบบความโปร่งใสด้านการตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐเลย..
.
----------------------------
น้องโทรมา 2 รอบ คุยโทรศัพท์กันร่วม 3 ชั่วโมง เหนื่อยนะ.. แต่ความรู้สึกที่เหลืออยู่กลับเป็นความหดหู่ ผสมกับความโกรธ
.
โกรธที่เด็กกลุ่มหนึ่งต้องพยายามถีบดันตัวเองเพื่อให้ได้ไปโรงเรียนที่ตัวเองมีสถานะเป็นนักศึกษา เพื่อจะได้เรียนจบ ทำงาน หาเงินมาดูแลพ่อกับแม่ที่สุขภาพแย่ลงทุกวัน..
.
หดหู่ที่เรื่องเส้นสาย การอุปถัมป์กันและกันในหน่วยงานทำให้เด็กๆหมดศรัทธาในความยุติธรรม หมดศรัทธาในความถูกต้องทั้งปวง
.
โกรธที่ผู้ใหญ่หลายๆคนพอเริ่มอาวุโสขึ้น ก็เริ่มขาดเหตุผล และก็ยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันสร้างความเดือดร้อน สร้างความเสียหายให้คนอื่นขนาดไหน
.
และที่หดหู่มากๆ ก็คือการที่น้องคนหนึ่งที่เรียนดี อยู่ห้องเรียนโปรแกรมพิเศษสำหรับเด็กมีความสามารถของโรงเรียน กำลังจะต้องหยุดเรียนเป็นปีที่สอง.. เพียงเพราะคนคนหนึ่งใช้อำนาจส่วนตนขัดขวางไว้ น้องเอาใบรับรองแพทย์มาขอเรียนแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
.
ตอนนี้ผู้ใหญ่หลายๆคนออกมาบ่นว่าเด็กสมัยนี้แตะต้องไม่ได้เลย ใช่! เราไม่เถียง แต่เด็กน่ะ เพิ่งจะแตะไม่ได้ก็ในสมัยนี้เอง ในขณะที่ผู้ใหญ่เองนั่นแหล่ะ ที่แตะไม่ได้เลยมาแต่ไหนแต่ไร ใช้อำนาจใช้บารมีของตัวเองอย่างไร้เหตุผล เอาความอาวุโสความแก่ตัวมาเป็นเกราะกำบัง สุดท้ายสิ่งที่เด็กๆเห็นก็คือความลำเอียง ความไม่ยุติธรรม แล้วก็หมดศรัทธาในตัวผู้ใหญ่ไป
.
เราสงสารน้อง สงสารที่น้องต้องมาพยายามดิ้นรนหาทางสู้ด้วยตัวเอง แล้วก็สงสารที่ถึงแม้ว่าคุยกันมา 2 ชั่วโมงกว่าแล้ว น้องก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าสิ่งที่น้องทำไปมันจะได้อะไรมั้ย เพราะน้องก็เป็นแค่เด็กกลุ่มหนึ่ง จะไปสู้กับผู้หลักผู้ใหญ่มันก็ยาก...
.
นี่คือสิ่งที่สังคมกำลังหล่อหลอมคนรุ่นใหม่.. ให้เขารู้สึกว่าพวกเขาตัวเล็ก ไม่มีพลังอำนาจอะไรไปสู้กับผู้ใหญ่เลย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม ผู้ใหญ่มักถูก ผู้ใหญ่เสียงดังกว่า ผู้ใหญ่ทำอะไรได้มากกว่า สุดท้ายเด็กๆเองเลยกลายเป็นผู้ถูกกดขี่ และค่อยๆโตขึ้นไปเป็นผู้กดขี่ซะเอง ด้วยคำพูดง่ายๆว่า "สมัยเด็กๆก็โดนแบบนี้แหล่ะ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย"
.
----------------------------
เราอยากขอฝากข้อความไปถึงคน 2 กลุ่ม
[[ ผู้ใหญ่ ]]
>> เด็กๆที่ออกมาประท้วง ไม่ใช่เพราะพวกเขาก้าวร้าว แต่เพราะเขาทนกับความอยุติธรรมนี้ไม่ไหวแล้ว เขารับไม่ได้แล้วกับการถูกกดขี่ด้วยสิ่งสมมุติที่เรียกว่า "ความอาวุโส" เขายึดถือความถูกต้อง ความโปร่งใส ความมีเหตุผล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่หลายๆท่านก็แสดงให้พวกเขาเห็นไม่ได้เลย..
[[ น้องๆเด็ก/เยาวชนรุ่นใหม่ ]]
>> ถ้าคิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันถูกต้อง และไม่เดือดร้อนใคร ทำ!! เพราะสู้กับผู้ใหญ่หัวรั้นมันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ พยายามใช้หลักฐาน ใช้เหตุผล ใช้เสียงที่ตัวเองมีนี่แหล่ะให้ผู้ใหญ่เห็นว่าเราก็มีพลังของเรา เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน
.
เสียงของน้องเริ่มเปลี่ยนไปในตอนท้าย ถึงแม้ว่าโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ออฟฟิศจะไม่โชว์หน้าน้องให้เห็น แต่เราสัมผัสได้ถึงเสียงหัวเราะที่ลอดออกมาทางโทรศัพท์ เรารู้สึกถึงความหวังของน้องที่กลับมาอีกครั้ง
.
"ขอบคุณนะครับพี่.. ผมรู้สึกโล่งใจ สบายใจขึ้นเยอะเลย เดี๋ยวผมจะลองพยายามต่อตามที่พี่บอก มันต้องทำอะไรได้ซักอย่างนึงแหล่ะครับ ผมมั่นใจ"
.
"ผมดีใจนะครับที่คุณ____คิดแบบนี้ ผมต้องขอโทษที่ผมสามารถช่วยได้แค่นี้ ผมมั่นใจว่าสิ่งที่คุณทำมันจะไม่สูญเปล่า และมันจะต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างแน่นอน ถ้ามีอะไรก็สามารถโทรมาได้เสมอนะครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ"
.
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/Friendstalkchannel
https://www.facebook.com/toys.koomplee/posts/10221315695815520