กะลาแลนด์ กับประเด็นผูกขาคนไทยในเศรษฐกิจผูกขาด แต่ยอมต่างชาติโดยดุษฎี
วาทะกรรมหยุดเศรษฐกิจผูกขาด มักเป็นการต่อสู้เพื่อป้องกันธุรกิจต่างชาติ เข้ามาปิดช่องทางการทำมาหากินในประเทศนั้นๆ ต่างกับประเทศไทย ที่ยอมให้ต่างชาติผูกขาด แต่รุมกินโต๊ะบริษัทคนไทย
คำถามมากมายว่า ทำไมคนไทยยอมให้ต่างชาติมาผูกขาดเศรษฐกิจ ???
Alphabet เจ้าของ GOOGLE ซึ่งเป็น Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นเจ้าของ Youtube, Google Chrome, Google Maps และ Android อีกด้วย คุณรู้หรือไม่ว่าคนไทย 90% ถูกบริษัทนี้ผูกขาดแทบจะตลอดเวลา และนำรายได้ รวมถึงข้อมูลของคนไทยออกนอกประเทศ เราไม่เพียงไม่จัดการกับเขา แต่ยังทุ่มเทเวลาทั้งชีวิต สนุกสนานหลงเพลินไปกับสินค้าและบริการที่เขานำมาหยิบยื่นให้ ชนิดที่เรียกว่าขาดแม้วินาทีเดียว ก็จะขาดใจ
หรืออย่าง PFIZER บริษัทผลิตยาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างยี่ห้อสินค้าสุขภาพ อย่างน้ำยาบ้วนปาก Listerine และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมีอำนาจในฐานะผู้นำตลาดสามารถกำหนดราคายาได้ตามอำเภอใจ
บริษัทผลิตอาหารยักษ์ใหญ่ของโลก Nestle ผู้ผลิตช็อกโกแลต KITKAT รวมถึงอาหารสุนัขและอาหารเด็ก ซ้ำยังถือหุ้นใหญ่ใน Loreal บริษัทเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ครองตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศไทยแทบจะทุก shelf ในทุกร้านค้า ไม่ว่าโชห่วยในหมู่บ้านห่างไกลความเจริญ หรือจะในห้างสรรพสินค้าหรูหรา
แม้แต่ Agoda ที่ใคร ๆ มักจะนึกถึงเป็นอันดับแรก หากคิดจะไปค้างที่ไหนสักคืน ก็เป็นธุรกิจเสือนอนกิน ผูกขาดธุรกิจโรงแรมและที่พักทั่วประเทศ โดยที่ไม่ต้องลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ใดสักชิ้นเลย
ธุรกิจต่างชาติเหล่านี้ เดินเข้ามาหยิบชิ้นปลามันไปกินสบายๆ แบบไร้คู่แข่ง แถมมีอำนาจเหนือตลาดของจริง เพราะสามารถกำหนดเงื่อนไขและราคาได้ โดยผู้ใช้บริการไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลย
ในขณะที่ธุรกิจในประเทศ ไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่ต่างกำลังต่อสู้อยู่กับนายทุนผูกขาดตัวจริงที่เป็นยักษ์ใหญ่จากต่างชาติ โดยไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่จ้องจับผิดกันเอง ทั้งๆ ที่ถ้ามองกันให้ลึกซึ้งจริงๆ แล้ว ไม่มีธุรกิจไทยรายใดที่มีอํานาจเหนือตลาดได้อย่างแท้จริง เพราะไม่มีใครสามารถกําหนดเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม ในลักษณะที่จะกีดกันการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นอย่างได้เลย
และแทบไม่มีธุรกิจไทยรายใดที่ไร้คู่แข่งโดยสมบูรณ์ ถ้าไม่นับรวมวิสาหกิจอย่างไฟฟ้า ประปา ที่เป็นผู้กำหนดนโยบายและราคาได้เอง
วันนี้สิ่งที่เราควรหันไปมองให้มากขึ้น คือการเข้ามากอบโกยรายได้ กำไร และผลประโยชน์ของชาติในรูปแบบอื่นๆ ออกไปนอกประเทศแบบเนียนๆ มากกว่าจะมัวมาตั้งแง่กับคนไทยด้วยกันเอง เพราะถ้าเป็นบริษัทคนไทย จดทะเบียนในประเทศไทย อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำธุรกิจให้คนไทย รายได้และกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดก็ยังตกเป็นของคนไทย สร้างงาน สร้างภาษี สร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโต ไม่ใช่มาตัวเบาๆ แล้วกอบโกยออกไปแบบหนัก ๆ
เราควรหันมาส่งเสริมธุกิจไทยให้ได้เติบโตออกไปนอกประเทศ เป็นผู้เล่นในระดับโลก ไปกอบโกยเงินทองรายได้กำไรจากประเทศอื่นมาเข้าประเทศไทย ให้คนไทยได้มีความภาคภูมิใจว่า เราสามารถออกไปแข่งกับเขาในระดับสากลได้ ไม่ใช่มากีดกันขัดแข้งขัดขากันเอง แต่ปล่อยให้ชาติอื่นมาแล่เนื้อเถือหนังคนไทยได้อย่างสบายๆ โดยเราไม่รู้ไม่เห็น ไม่ทำอะไรเลย