ดราม่าหมอนข้างองคชาติ ถูกมองอนาจาร อาจมีความผิด สมควรขายหรือไม่?
หลังมีการโพสต์ภาพร้านค้าริมถนนเอกาทศรถ ย่านหลังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ อ.เมืองพิษณุโลก ที่นำหมอนข้างขนาดความยาวประมาณ 1 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30 เซนติเมตร ซึ่งรูปลักษณ์คล้ายอวัยวะเพศชาย หรือเหมือนปลัดขิกขนาดใหญ่ มาวางจำหน่ายเรียงรายหน้าร้าน เพื่อเรียกร้องความสนใจดึงดูดลูกค้า
หลายคนมองว่าไม่เหมาะสม เป็นการยั่วยุกามารมณ์ และที่สำคัญร้านตั้งอยู่ตรงข้ามวัดใหญ่ สถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธชินราช ซึ่งมีผู้เดินทางจากทั่วสารทิศมานมัสการตลอดทั้งวัน
นางสุวิมล เกตุศรีบุรินทร์ วัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ปกติแล้วทางวัฒนธรรม มีการเฝ้าระวัง หากนำสินค้ามีรูปลักษณ์หรือสัญลักษณ์ของเพศชายมาวางจำหน่ายดังกล่าว ส่อไปในทางยั่วยุอารมณ์ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ทำให้มีความรู้สึกติดตาและคิดว่าเป็นเรื่องปกติ จะทำให้ไม่เกิดการรักนวลสงวนตัว จึงไม่มีความเหมาะสมนักที่จะนำมาจำหน่ายอย่างโจ๋งครึ่ม การนำสัญลักษณ์ทางเพศมาจำหน่ายสมควรหรือไม่ เพราะอาจเข้าข่ายลามกอนาจาร เนื่องจากไม่ใช่เครื่องรางของขลังที่มีขนาดเล็กและไม่ได้มีการวางจำหน่ายในลักษณะนี้ หลักการผลิตและจำหน่ายต้องคำนึงถึงจรรยาบรรณและศีลธรรมด้วย ว่ามีความเหมาะสมและมีผลกระทบต่อสังคมหรือไม่
ส่วนด้านนางสุวลักษณ์ มูลหล้า รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ในส่วนของสำนักพุทธฯ จะดูแลรับผิดชอบภายในเขตวัด การที่ร้านค้านำสินค้าที่รูปร่างคล้ายคลึงปลัดขิกมาจำหน่ายจึงอยู่นอกเหนืออำนาจ ซึ่งร้านดังกล่าวเป็นร้านขายตุ๊กตา มีเจ้าของ มีผู้รับผิดชอบ และปลัดขิกไม่ใช่ของพุทธศาสนา
.
น.ส.เสาวภาคย์ แสงแก้ว เจ้าของร้าน บอกว่า เปิดร้านขายตุ๊กตาประมาณ 14 ปีแล้ว แต่ช่วงต้นปีที่ผ่าน ประสบกับพิษโควิด-19 ระบาด ทำให้การค้าขายขาดสภาพคล่องขายตุ๊กตาแทบไม่ได้ กระทั่งช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตนำสินค้าตัวใหม่มาเสนอขาย เป็นหมอนข้าง ขนาด 80 เซนติเมตร เธอเห็นว่า เป็นสินค้าเกรดดี ผลิตจากเนื้อผ้าขนนิ่ม ด้านในเป็นใยสังเคราะห์ ซักได้ ขนาดพอดีกับการนอนกอด หรือหนุนศีรษะ จึงรับมาจำนวน 36 ใบ ขายราคาใบละ 399 บาท ผลตอบรับดี มีคนแวะเวียนมาซื้อจนตอนนี้เหลือเพียง 10 ใบ
น.ส.เสาวภาคย์ บอกด้วยว่า ส่วนกระแสที่คนจะมองต่างๆ นาๆ นั้น คงห้ามไม่ได้ อยู่ที่ใครจะมองว่าคืออะไร แต่เธอมองว่า มันคือหมอนข้างที่นิ่มมาก มีขายทั่วประเทศ จึงอยากขอความเห็นใจ ไม่อยากให้มองเป็นเรื่องอื่น เพราะเมื่อบริษัทผลิตนำมาเสนอขาย เธอก็รับมาขายอีกทอด
ด้านชาวเน็ตก็มีการค่อนแคะอยู่เหมือนกันว่าคนส่วนใหญ่มองว่าตุ๊กตาแบบนี้ดูน่ารักมากกว่าจะคิดไปถึงทางเพศ หรือกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ และในบางวัดเองก็มีของในลักษณะแบบนี้ที่เรียกว่าปลักขิกอยู่เหมือนกัน แล้วแตกต่างกันตรงไหน?
cr. เพจเรื้อน
ในต่างประเทศเอง ตุ๊กตาหรือของที่ระลึกลักษณะนี้ก็มีจำหน่ายอยู่ทั่วไป มักซื้อและมอบให้กันในเชิงขำขันและดูน่ารักเป็นส่วนใหญ่ค่ะ