สาเหตุที่ทำให้ เพชรา เชาวราษฎร์ สูญเสียการมองเห็น
โลกแห่งความมืด ประมาณ พ.ศ. 2515 เธอเริ่มมีปัญหาเรื่องสายตา เนื่องจากในการถ่ายภาพยนตร์ต้องใช้แสงไฟสว่างจ้า ใช้เวลารักษาอยู่หลายปี จนกระทั่งตาบอดสนิททั้งสองข้าง เมื่อ พ.ศ. 2521 ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่เธอแสดง คือเรื่อง ไอ้ขุนทอง ซึ่งเธออำนวยการสร้าง และแสดงเป็นแม่ของพระเอก รับบทโดยสรพงศ์ ชาตรี
สาเหตุของการตาบอดของเพชรา มาจากการไม่ได้พักสายตา ไม่ว่าจะเป็นบทบาทที่ต้องร้องไห้บ่อย การขับรถไปทำงานเอง ประกอบกับสมัยนั้น ถ่ายหนังต้องใช้ไฟแรง หรือใช้รีเฟล็กซ์เยอะ ช่วงหลัง ๆ ที่ถ่ายหนังเรื่อง “ไทยใหญ่” เมื่อปี 2513 เริ่มแสบตา แต่เธอก็ยังขับรถไปถ่ายหนังต่างจังหวัดเอง และอดทนแสดงภาพยนตร์จนถึงเรื่องสุดท้ายคือ “ไอ้ขุนทอง” เข้าฉายในปี 2520
เมื่อดวงตาเริ่มมีปัญหา จึงไปหาหมอ แต่ว่าไม่ได้ไปตามนัดโดยสม่ำเสมอ เพราะต้องไปถ่ายหนัง บางวันก็อยู่ต่างจังหวัด พออาการเริ่มหนักขึ้น ถึงขั้นขับรถปีนเกาะกลางถนนหลายครั้ง ช่วงที่อาการหนักมาก ๆ ก็พยายามรักษาทุกวิถีทาง ครั้นเมื่อแพทย์ให้ยารักษาตามารับประทาน เธอได้แพ้ยาดังกล่าวจนตัวบวม จากเดิมน้ำหนัก 47-48 กิโลกรัม ขึ้นหนัก 60 กว่ากิโลกรัม ต้องซื้อเสื้อผ้าคนท้องมาใส่ ผมร่วงหมดศีรษะ ฝ้าขึ้นดำไปทั้งหน้าทั้งตัว เมื่อตัวบวมมาก ๆ ก็หายใจไม่ออก[8] กลืนน้ำก็ไม่ได้ ต้องเข้าไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล การทำงานของไตหยุด พิษยาจึงคั่งค้างทำให้ตัวบวม ต้องรอให้พิษยาลดลง จากที่เคยสวมแว่นดำและนั่งแท็กซี่ไปไหนมาไหนได้เอง ตอนหลังก็มองไม่เห็น ออกไปไหนคนเดียวไม่ได้
ครั้นเวลาต่อมาเธอจึงเข้าผ่าตัดดวงตาด้วยหวังใจจะรักษาให้หาย แต่ผลกลับทำให้ตาที่เห็นเลือนรางกลายเป็นบอดสนิทในที่สุด หลังตาบอดสนิทในกลางปี 2524 หลังจากนั้น เธอก็ไม่ปรากฏตัวที่ไหนอีกเลย
เพชรา เชาวราษฎร์ (ชื่อเล่น: อี๊ด; เกิด 19 มกราคม พ.ศ. 2486) ชื่อจริงว่า เอก ชาวราษฎร์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์) ประจำปี พ.ศ. 2561 เป็นนักแสดงหญิงชาวไทย และเป็นนักแสดงภาพยนตร์เจ้าของฉายา นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง มีผลงานแสดงประมาณ 300 เรื่อง ระหว่าง พ.ศ. 2505 ถึง 2521 บทบาทการแสดงของเธอมีความหลากหลาย บางเรื่องแสดงเป็นเจ้าหญิง บางเรื่องแสดงเป็นขอทาน บางเรื่องเป็นเด็กแก่นแก้ว นอกจากภาพยนตร์ไทยแล้วยังได้แสดงหนังจีนจากไต้หวัน เป็นภาพยนตร์กำลังภายใน