คน..ปากดี 1
คน..ปากดี 1
จะเล่าเรื่อง...ไปเรียนฝึกพูด
ช่วงนี้ค่อนข้างว่าง เลยอยากหาความรู้ใหม่ ๆ ใส่หัวบ้าง
ไปเห็นว่ามีการสอนในเรื่อง....ศิลปศาสตร์ของการพูด
ของ...เดอะเบสท์สปีช
เลยรีบไปสมัครเรียน
ซึ่งเค้าใช้โรงแรมใกล้ ศูนย์การค้าเอเซียทีค
ในย่าน ถ.เจริญกรุง ก็สะดวกกับการไปมาอย่างมาก
แถมห้องอบรมก็แสนจะโอ่อ่า ใหม่เอี่ยม ดูหรูหราซะนี่กระไร
มีกาแฟ ขนมนมเนย และอาหารกลางวันอย่างอลังการ อิ่มหมีพีมันอย่างยิ่ง
ในคอร์สนี้บังเอิญมีคนไม่มากนัก ซึ่งเป็นผลดีอย่างยิ่ง
เพราะเราจะได้ฝึกหน้าหน้าเวทีเยอะหน่อย
หากว่าจำนวนคนเรียนมาก โอกาสได้ออกไปฝึกจะน้อยลง
วันแรก....
พอเริ่มการเรียน ซึ่งมีท่านอาจารย์แสงธรรม บัวแสงธรรม
เป็นวิทยากรหลักมาค่อย ๆ ปรับสภาพพวกเรา
เรื่องที่สอนค่อย ๆ ไล่ลำดับไปตั้งแต่....ให้เรารู้จักกับ ไมค์ หรือ ไมโครโฟน
เอาจริง ๆ นะ ไอ้เจ้าไมค์ ดุ้นเท่าไม้ตีพริกเนี่ยะ อิทธิฤทธิ์มันมากมาย
มันสร้างคนธรรมดา ๆ อย่างเรา ๆ ให้โดดเด่น หรือดับอนาถได้อย่างนึกไม่ถึง
ตัวผมเองนี่แหละ เคยได้รับความชอกช้ำ ล้มเหลวไม่เป็นท่า ก็เพราะอีตอนพูดออกไมค์นี่แหละ
เมื่อครั้งที่ยังทำงานบริษัท สายงานบริหารการขาย
ทุกสาขา ทุกโชว์รูมจะต้องส่งตัวแทนออกมาแถลงผลงาน
แสดงความคิดเห็นถึงปัญหา และการแก้ไข ในที่ประชุมใหญ่ประจำปี
ด้วยความที่ทำงานเก่ง ไฟแรง กล้าพูด กล้าแสดงออก ผจก.สาขาจึงมอบหมายให้ผมเป็นตัวแทน
ในการประชุมประจำปี เป็นงานใหญ่ พนักงานฝ่ายขายทุกสาขาต้องส่งตัวแทนมาร่วมประชุม
ทางด้านฝ่ายบริหาร เค้าก็จะมากันครบถ้วนทุกแผนก
ตั้งแต่ ท่านเอ็มดี กรรมการผู้จัดการที่แสนจะดุ
ท่านผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย ผ่ายบริหาร
ผู้จัดการทุกระดับ ฝ่ายบุคคล ฝ่ายบัญชี ฝ่ายธุรการ ฯลฯ จะมานั่งฟังกันถ้วนหน้า
เมื่อถึงเวลาเริ่มการประชุม มีการกล่าวเปิดอย่างเป็นทางการ
บรรดานายใหญ่ ๆ ก็จะออกมาพูดหน้าเวที มีแท่นยืน หรือที่เรียกว่า...โพเดี่ยม
มีการฉายสไลด์ ขึ้นจอ อย่างอลังการ
แถมด้วยคนที่ยืนพูดบนเวที จะถูกไฟสปอร์ตไลท์ส่องอย่างเจาะจง โดดเด่น
ไอ้ตัวผมเองไม่เคยฝีกหัดการพูดต่อหน้าชุมชน หรือพูดต่อหน้าคนมากมายอย่างเป็นทางการแบบนี้มาก่อน
และในคนที่มานั่งฟัง ก็ยังมีบรรดานายใหญ่ ๆ บิ๊ก ๆ เบิ้ม ๆ ทั้งนั้น
แต่ละท่านสามารถให้คุณ ให้โทษ ชี้เป็นชี้ตายเราได้ทุกนาที
ตัวผมเอง ได้เตรียมพร้อมถึงเนื้อหา รายละเอียด ตัวเลข และปัญหาที่เป็นจริง
ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้นถ้าไม่รีบแก้ไข
เตรียมทุกอย่าง....ยกเว้น ฝึกพูดอย่างถูกต้อง ถูกแบบแผนอย่างเป็นทางการ
ก็เพราะความโง่ของผมเอง ที่คิดว่า...แค่ไปพูดถึงสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่เห็นจะยากเย็นอะไรสักนิด
มันน่าจะเป็นเรื่อง ง่าย ๆ สบาย ๆ
แต่ที่ไหนได้ล่ะ เมื่อถึงเวลา...ด้วยสภาพแวดล้อมอันเป็นทางการ
ห้องประชุมอันหรูหรา เวทีที่โดดเด่น โพเดี่ยมที่มีสปอร์ตไลท์ส่องจับอย่างเจาะจง
บวกกับบรรดาเจ้านายใหญ่ ๆ ที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด เรียงลำดับกันเป็นพรึดดด
บรรยากาศถูกเร่งเร้าไปด้วยความตื่นตัว กดดัน เคร่งเครียด และตื่นเต้น
หลังจากที่พิธีกร กล่าวอย่างเป็นพิธีการเปิดการประชุมใหญ่แล้ว
คนแรกที่ขึ้นมา คือ กรรมการผู้จัดการ นายใหญ่บิ๊กเบิ้ม ก็ออกมาพูดถึงผลงาน ยอดขาย กำไร ขาดทุน
และปัญหาที่ฝ่ายบริหารกำลังปวดหัวกับยอดกำไรที่ไม่ได้อย่างใจหมาย
เรียกว่า นายใหญ่เปิดงานด้วยความไม่พอใจ และแสดงออกถึงแรงกดดันที่ถาโถมทุ่มเข้าใส่ทุก ๆ คน
คนที่ต้องออกไปบนเวทีต่อ ๆ มา เรียงลำดับกันไปจากสาขาขนาดใหญ่ ที่ต้องทำยอดขาย ผลกำไรเยอะ
ไปจนถึงสาขาขนาดกลาง และขนาดเล็ก
หลาย ๆ คนที่ออกมาหน้าเวที เค้ารู้ว่าจะต้องทำอะไร มารยาทบนเวทีมีอย่างไร
ก้าวเดินออกมาอย่างองอาจมั่นใจ หยุดยืนหน้าไมค์ ที่โพเดี่ยมอย่างสง่างาม
วิธีทักทายที่ประชุม ผู้ใหญ่ ผู้บริหาร และผู้อยู่ร่วมในที่นั้น
แม้แต่ผมเอง ยังรู้สึกว่า พวกเค้าช่างดูดี และกลมกลืนไปกับบรรยากาศเหลือเกิน
การพูด การบรรยายก็สอดคล้อง แถมสบตากับทุก ๆ คนรวมทั้งตัวผมด้วย
พวกเค้าพูดกระชับแต่โดนใจ ไม่เยอะ ไม่เยิ่นเย้อ
แต่พอถึงคราวของผมบ้าง....โอ๊ย มันช่างตื่นเต้น ตกประหม่าอย่างที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย
ก้าวออกไปหน้าเวที แทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง แขน ขามันไม่สามัคคีพันกันยุ่ง
ยิ่งเมื่อรับไมค์จากพิธีกรแล้ว สติสัมปชัญญะมันหดหาย
ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อน อะไรหลัง หรือจะพูดให้ถูกแบบมารยาทอย่างคนอื่นเค้ายังไง
ทั้ง ๆ ที่เตรียมข้อมูล ซักซ้อมการอธิบายมาอย่างดี แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ มันหายไปจากหัวสมองแทบหมดสิ้น
รู้สึกได้ถึง..มือที่สั่น ขาที่อ่อนเปลี้ย
ยิ่งเมื่อมองลงไปในห้องประชุม มันพร่าพรายไปหมด ...เห็นแต่ นายใหญ่กำลังจ้องขเม็งมาที่เรา
แล้วในที่สุด การพูด การอธิบายเรื่องราวปัญหา และแนวทางแก้ไขที่เตรียมมา
เป็นอันเละเทะไปเกือบทั้งสิ้น
เนื้อหาขาด ๆ หาย ๆ ไม่ปะติดปะต่อ การพูดจาก็เต็มไปด้วยความประหม่าน่าอดสู
ในคืนวันนั้น ผมรู้สึกเกลียดชัง และทุเรศตัวเองเหลือเกิน
แต่ก็ยังดี ที่มีคนตกอยู่ในอาการและสภาวะคล้าย ๆ กันหลายคน
มีทั้งที่พอเอาตัวรอดได้ และคนที่แสดงภาพลักษณ์เด่นชัดเป็นดาวเด่น สะดุดตาบอสใหญ่
เวลาผ่านมาอีกหลายปี หน้าที่การงานของผม เจริญก้าวหน้า...ช้ามาก
ทั้ง ๆ ที่ผลงานอยู่ในระดับแนวหน้าของบริษัทแท้ ๆ
ก็เพราะไม่เป็นที่ประทับใจของเจ้านาย หรือนายใหญ่ เฟิร์สอิมเพรสชั่นมันเสียไปก่อนแล้ว
แต่คนที่เค้าพูดพรีเซ้นท์ในที่ประชุมใหญ่ได้ดี พวกเค้าก้าวหน้า ได้รับการเลื่อนขั้น
เลื่อนตำแหน่งตลอดเวลา แม้ผลงานจะไม่โดดเด่นเท่าไหร่
เพราะเหตุว่า...เจ้านายชอบ นายใหญ่ชื่นชม
กว่าผมจะเข้าใจว่า...การพูด มันต้องไปเรียน ไปฝึก ไปหัด
ต้องไปหาคนเก่งทางด้านนี้ให้เค้าสอน อย่างถูกต้อง
ก็เสียเวลาไปหลายปี โง่เขลาซะตั้งนาน
เลยอยากเล่าเรื่องนี้ไว้เป็น อุทาหรณ์ เตือนคนรุ่นใหม่
หรือกระตุ้นคนที่ตั้งใจทำงาน ว่า...เก่งการงาน ก็ต้องเก่งการพูด ด้วย
อย่างที่โบราณว่าไว้มากมาย
.......ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา
.......การพูด ครองใจคน
.......คนคิดน้อยพูดมาก คนคิดมากพูดน้อย
.......การพูด คืออาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด
ไว้จะมาเล่าต่อว่า...เรียนศิลปศาสตร์การพูด
มันเรียนอะไรบ้าง
อนณ นิศารัตน์