คำสบประมาท เป็นพลังหรือทำให้พัง
คำสบประมาท เป็นพลังหรือทำให้พัง
คำสบประมาท เป็นพลังหรือทำให้พัง คำสบประมาทคือแรงกระตุ้นที่ดีที่สุด – แกรี่ เวย์เนอร์ชัค โควตสร้างแรงบันดาลใจ ที่เห็นกันบ่อยๆ จากแกรี่ เวย์เนอร์ชัค (Gary Vaynerchuk) นักการตลาดออนไลน์ ผู้ประสบความสำเร็จ ที่มักจะทำให้เรา เชื่อว่า คำพูดคำจาที่ไม่ดีจากคนอื่น ก็เปรียบเสมือนแรงกระตุ้น หรือแรงผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
หากมองในแง่ของการเอาตัวรอด มันก็เป็นวิธีคิดที่ดีมากทีเดียว เพราะสุดท้ายแล้วเราไม่สามารถควบคุมความคิด หรือคำพูดของใครได้ จึงจำเป็นจะต้องมาปรับแก้ ที่ตัวเอง พยายามมองโลกในแง่ดี คิดว่าคำดูถูก คำเหยียดหยาม หรือคำต่อว่าเหล่านั้น ก็เปรียบเสมือนเชื้อเพลิง ที่นำมาใช้ในการขับเคลื่อนชีวิต แต่เชื้อเพลิงก็คือเชื้อเพลิง
ความร้อนของมันก่อให้เกิด ความเจ็บปวด แสบร้อน และไม่ใช่ทุกคน จะแข็งแรงหรือมีภูมิคุ้มกัน พอจะที่ต้านทานไหว ซึ่งถ้าหากวันหนึ่ง รู้สึกมอดไหม้เอามากๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ เหตุการณ์นี้มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เรื่อยๆ หากใครพอจะนึกออก เด็ก ม.6 ฆ่าตัวตายหลังถูกล้อว่าอ้วน เด็กชายวัย 14 ปี ก็จบชีวิตในสวนหลังบ้าน เมื่อถูกญาติต่อว่าเรื่องเรียนไม่เก่ง
เด็กชายอเมริกาวัย 12 ปีฆ่าตัวตาย เพราะถูกเพื่อนร่วมห้อง ล้อเรื่องเป็นเชียร์ลีดเดอร์ และข่าวอีกมากมาย เกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ที่มีสาเหตุมาจากการน้อยเนื้อต่ำใจ ถูกพูดจาไม่ดีใส่ หรือบางคนอาจจะ นึกขึ้นมาได้ลางๆ ว่าตัวเองก็เคยโดนกระทำ แบบนี้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าเป็นผู้โชคดี ที่สามารถผ่านมันมาได้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เอง ที่เป็นผลพวงมาจากการต่อสู้ กับเชื้อเพลิงไม่ไหวในที่สุด
ในประเทศไทย เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ เพราะปี พ.ศ. 2559 พบว่า มีวัยรุ่นพยายามฆ่าตัวตาย เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมามีอัตราการฆ่าตัวตาย สำเร็จแล้วอยู่ที่ 6.35 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ได้วิเคราะห์สาเหตุ การฆ่าตัวตาย โดยหลักๆ แล้วมาจากปมการถูกล้อ ไม่ว่าจะเรื่องรูปร่างหน้าตา หรือการเรียน
ที่ส่งผลให้พวกเขา รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ไร้ความสามารถ ไม่มีประโยชน์ จนเผชิญกับภาวะซึมเศร้าในเวลาต่อมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนหัวเลี้ยวหัวต่อ ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ที่ต้องเจอกับความกดดัน จากคนในครอบครัว อาจจะดูเหมือนว่า พวกเขาอ่อนแอ และไม่มีความอดทนมากพอ แต่อย่าลืมว่าคำพูดไม่ดี มีฟังก์ชั่นคือ การให้พลังงานลบเท่านั้น
มันคือการคุกคามทางด้านจิตใจ ไม่ต่างไปจากการบูลลี่ชนิดอื่นๆ และไม่มีใครสมควรได้รับ การกระทำเหล่านั้น หรือบางครั้งที่รู้สึกว่า ผู้พูดอาจจะมีเจตนาดีก็ได้ จึงใช้คำพูดแรงๆ แกมเหยียดหยาม ต่อคนอื่นให้เจ็บช้ำน้ำใจ แล้วเอาไปพัฒนาตนเอง แต่คำว่าติเพื่อก่อ กับด่าเพื่อความสะใจ ก็มีเส้นบางๆ กั้นอยู่ “มีแต่คนบอกให้เอาคำดูถูก มาเป็นแรงผลักดัน สำหรับคนอื่นอาจจะทำได้ แต่สำหรับเรา รู้สึกดาวน์ยิ่งกว่าเดิมอีก”
“การบอกว่าพูดแรงๆ เป็นแรงผลักดัน คือต้องแยกให้ออกก่อน ระหว่างแรงผลักดัน หรือแรงกดดัน” “การพูดจาแรงๆ ดูถูกคนอื่นให้มีแรงผลักดัน มันใช้กับทุกคนไม่ได้”
บางประโยคในทวิตเตอร์ ที่ถูกหยิบยกมาจาก การพูดถึงประเด็นนี้ และดูเหมือนจะเป็น ความซับซ้อนอย่างมาก ในการตีความออกมา ให้กลายเป็นเจตนาดี หลายคนจึงไม่ผิด ที่มองคำเหล่านั้น ให้กลายเป็นแรงผลักดันไม่ได้
เพราะมันต้องใช้แรงมหาศาล ในการเรียบเรียง ประโยคเชิงลบใหม่ ทำความเข้าใจกับเจตนาของผู้พูด พิจารณาทุกถ้อยคำ ในแต่ละประโยค วนอยู่กับพลังงานลบซ้ำๆ เพื่อนำมาปรับปรุงตัวเอง ทั้งๆ ที่ผู้พูดแค่พูดมันออกมา เพียงไม่กี่คำแล้วจบไป จึงเป็นเรื่องที่เราทุกคน ควรให้ความสำคัญกับคำพูด ที่มีต่อคนรอบข้างเสมอ ว่าสิ่งที่ออกจากปากของเราไปนั้น จะกระทบกระเทือนจิตใจ ของเขาในระดับไหนกัน
บางอย่างเปลี่ยนไปใช้ คำที่ดีกว่านี้ได้ไหมนะ หรือเลือกที่จะให้กำลังใจกัน แทนการดูถูก มีคำแนะนำดีๆ จากเว็บไซต์ The Muse ในการตักเตือน หรือบอกให้ผู้อื่นปรับปรุงตัว ด้วยวิธีที่ไม่ทำร้ายจิตใจ คือให้เริ่มต้นการพูด ด้วยประโยคเชิงบวกก่อน เพื่อให้เขาทราบถึง เจตนาที่ดีของคุณ ลองพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ รวมถึงภาษากาย ที่ต้องระมัดระวัง ไม่ให้ดูเข้มงวดมากเกินไป
อย่างการกอดอกหรือชี้หน้า หรือหากจะให้ดี ลองเสนอความช่วยเหลือออกไป เพื่อเสริมว่าสิ่งที่คุณพูด หรือตักเตือนนั้น เป็นเพียงเพราะคุณ อยากจะให้เขาผลักดันตัวเอง ไปในจุดที่ดีขึ้นกว่านี้ และเขาจะไม่ต้องเผชิญ กับความผิดพลาดหรือความกดดันไปอย่างลำพัง
มีอีกหลากหลายวิธี ที่คนเราจะสามารถใช้ เพื่อแสดงออก แทนความหวังดี นอกเหนือไปจากคำต่อว่า คำดูถูก หรือคำพูดบั่นทอนจิตใจ เพราะแต่ละคนมีภูมิคุ้มกัน ที่แตกต่างออกไป และไม่ใช่ทุกคน ที่จะมองว่ามันเป็น แรงผลักดันให้กับชีวิต
อ้างอิงจาก: https://payoncebiz.com/