เด็กผู้ชายกับแก้วกาแฟ
ที่จริงถ้าหากเดินผ่านมันประจำ หรือแวะเข้าไปสั่งกาแฟมานั่งดื่มบ่อย ๆ
มันก็เป็นแค่ร้านกาแฟหรูหราที่มีชื่อร้านหนึ่งเท่านั้น
แต่ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน ที่ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ที่โต๊ะใกล้เคาเตอร์
จะมีผู้ชายอายุ 20 คนหนึ่ง นั่งดื่มกาแฟทุกวัน ทุกเช้า กลางวัน เย็น
เป็นนักดื่มกาแฟตัวยงที่คงทำยอดให้ Starbucks สาขานั้นไปได้ไม่น้อยเลย
เพราะดื่มไปวันละ 3-4 แก้วตลอด 1 ปีครึ่ง
คลั่งไคล้ในกลิ่นกาแฟ และรสชาติของมัน ถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลเพราะดื่มมากเกินไป
เด็กผู้ชายคนนั้นจะนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมทุกวันในทุก ๆ โอกาสที่เขาพอจะมีเวลา
ถ้าหากใครคิดว่าเด็กผู้ชายคนนี้หลงไหลในกาแฟล่ะก็ คงจะผิดถนัด
เขาไม่ชอบดื่มกาแฟ ไม่เคยรู้จัก Starbucks
จะเคยก็แต่กินกาแฟโบราณแก้วล่ะไม่เกิน 30 บาทเท่านั้นเอง
ที่จริงเรื่องราวมันคงจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้น...
วันที่เด็กชายเข้ามาทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ
และเนื่องจากบริษัทอยู่ใกล้เดอะมอลล์งามวงศ์วาน
เวลาพัก เขาจึงมักจะใช้เวลาเดินตากแอร์อยู่ในห้างเสมอ
เรื่องมันเกิดขึ้น แค่วันนั้น....
แต่เพราะเด็กชายไม่ชอบดื่มกาแฟ เลยทำได้แค่ไปนั่งเป็นเพื่อนเท่านั้น
และทักทายกลับมาด้วยรอยยิ้ม เขาเลยกลายเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟขึ้นมา....
ที่จริงแล้ว เพื่อนคนนั้นที่อยากลองกาแฟ Starbucks เป็นผมเอง
เพราะว่าไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้มานานแล้ว ผมเลยชวนเพื่อนมาเดินเล่นด้วยกัน
หาอะไรกิน และใช้เวลาตามประสาเพื่อนที่ไม่ค่อยพบกัน
ในตอนแรก ผมคิดว่าเขาจะชวนผมคุยอย่างออกรสออกชาติถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา
หลังจากเรียนจบ ม.ปลาย
แต่เขากลับไม่แม้แต่จะฟังผมด้วยซ้ำ สายตาของเขาจับจ้องไปที่พนักงานหญิงคนนั้น
ข้อเสียของเด็กชายคนนี้ คือ เขาเป็น "เด็กชาย" ที่ทำได้แค่ มอง อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เท่านั้นเอง
หลายครั้งที่เขาพยายามไปนั่งดื่มที่นั่นทุกวัน เพื่อหาโอกาสเข้าไปพูดคุยด้วย
แต่ความกล้าของหมอนี่กลับมีไม่มากพอ
"บอกตรง ๆ นะ ให้ยืนอยู่ต่อหน้าแก็งวัยรุ่นอาวุธครบมือข้ากล้า แต่ให้ไปยืนต่อหน้าเค้าข้ากลัว"
ลูกผู้ชายออกสามศอก แต่กลับปอดเหลือแค่สามเซ็นฯ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
หลังจากนั้น ผมเริ่มติดตาม เราสองคนพูดคุยกันบ่อยขึ้น
เด็กชายคนนั้นโทรศัพท์บอกผม ว่า เขาพึ่งได้รู้จักชื่อพนักงานหญิงคนนั้น
วันต่อมา เขาก็ใช้ผมเป็นข้ออ้าง ยื่นโทรศัพท์ให้พนักงานหญิงคนนั้น
เพื่อแกล้งบอกให้ผมสั่งกาแฟอะไรก็ได้จากเธอ หวังจะตีสนิท
ผ่านจุดตรงนั้นไปนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
ผมไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนคนนั้นอีกเนื่องจากไปต่างประเทศ
จนกระทั่งพอกลับมา มีโปสการ์ดแบบเรียบ ๆ ง่าย ๆ หย่อนอยู่ที่ตู้ไปรษณีย์หน้าบ้าน
เด็กชายคนนั้นกำลังจะแต่งงานกับพนักงานหญิงคนนั้น
มารู้ตัวอีกที ผมก็มาอยู่ที่งานแต่งซึ่งจัดขึ้นในโบสถ์ตามแบบของชาวคริสต์
เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ผมได้มีโอกาสเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งงาน
ช่วงที่เด็กชายกับเจ้าหญิงกาแฟกำลังยืนอยู่ต่อหน้าบาตรหลวง
ผมอดคิดไม่ได้ว่า เพียงแค่แรกเห็น แค่แว็บแรกเท่านั้นที่คนสองคนเจอกัน
มันกลับก่อเกิดพลังที่ดึงดูดหัวใจของพวกเขาเข้าไว้ด้วยกัน
มีคนเคยบอกว่า อายุแค่ 20 มันเร็วเกินไป สำหรับเรื่องแต่งงาน
แต่ไม่รู้ซิ การที่ผมได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ขณะมองเด็กชายเพื่อนรักกับเด็กหญิงกาแฟ
ผมไม่รู้สึกว่ามันเร็วเกินไปเลย
บางทีโลกอาจจะเหวี่ยงคนที่ใช่มาให้เราช้าเกินไป
บางทีโลกอาจจะไม่เหวี่ยงใครมาให้เราเลย.....
เราไม่มีทางรู้ถึงเรื่องนั้น
ตอนนั้นผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนเราถึงเลือกเพลง "หยุด" มาเป็นเพลงประกอบการแต่งงาน
แต่พอเพลงนี้บรรเลงขึ้นหลังจากที่เด็กชายจุมพิตลงบนริมฝีปากของเด็กหญิงกาแฟ
ผมก็ค้นพบคำตอบ...
บางทีมันไม่สำคัญว่าโลกจะเหวี่ยงคนที่ใช่หรือไม่ใช่มาให้เรา
แต่มันสำคัญที่ว่าโลกได้เหวี่ยงคน ๆ หนึ่งเข้ามาพร้อมกับสัญญาณบางอย่าง...
สัญญาณที่บอกว่า....เราพร้อมแล้วที่จะหยุดอยู่กับคน ๆ นี้
สัญญาณที่บอกว่าคนเรามีชีวิตเฉลี่ย 21,900 วัน
และวันที่เหลือ เราพร้อมที่จะใช้ร่วมกันกับใครสักคนไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
ในการแต่งงานวันนั้น เด็กชาย ขึ้นมาบนเวที
"ผมดื่มกาแฟทุกวันมากกว่า 365 วัน พอลองนับดูแล้วผมใช้เวลา 400 วันเศษ ๆ ไปกับการดื่มกาแฟเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ แก้ว ดื่มจนเข้าโรงพยาบาลมาหลายรอบ ที่จริงแล้วผมไม่ชอบดื่มกาแฟ...ผมเป็นคนไม่ชอบกาแฟเลย เพียงแต่ที่ผมดื่มกาแฟ เพราะว่าคนที่ผมแอบชอบทำงานอยู่ร้านกาแฟร้านนั้น ครั้งหนึ่งเพื่อนของผมที่เป็นคนชวนผมเข้าร้านกาแฟร้านนั้นเป็นครั้งแรก บอกว่าคนเรามีชีวิตเฉลี่ยอยู่บนโลกนี้แค่ 21,900 วัน เท่านั้น ผมให้เธอไปแล้ว 400 วัน และผมไม่รู้ว่าตัวเองใช้เวลาไปแล้วเท่าไหร่ แต่ผมจะใช้วันเวลาที่เหลือกับผู้หญิงคนนี้ ที่จริงมีคนเคยบอกว่าผมบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่กินกาแฟอย่างบ้าคลั่งขนาดนั้นจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ท้ายที่สุด...ผมคิดว่ามันคุ้มค่านะ ที่ความบ้าของผมช่วยให้ผมมีวันนี้....."
หลังจากนั้นหนึ่งปี ที่บ้านผมก็ได้รับโปสการ์ดใบหนึ่ง
เป็นเด็กชายกับเด็กหญิงกาแฟ กำลังอุ้มเจ้าตัวน้อยที่ชื่อ Starbucks
เห็นรูปนั้นแล้ว ผมก็อมยิ้ม
เด็กชายกาแฟ กับ แก้วใบนั้น คงมีความสุขแล้วล่ะ
ที่โลกเหวี่ยงคนที่พร้อมจะชราไปด้วยกัน มาให้....
ตอนนี้บางที เวลาที่เดินผ่านร้าน Starbucks ผมก็มักจะมองเข้าไปบ่อย ๆ
ในกลิ่นกาแฟ ในโต๊ะที่มีคนนั่ง อาจจะมีบางคนที่รอคอยคนที่ตัวเองอยากเจอ
บางคนอาจจะกำลังเหลือบมองพนักงานหญิงที่ตัวเองแอบชอบ
แต่อาจจะมีกลิ่น "ความรัก" ของใครอยู่ในนั้น......ก็ได้นะ