สภาทนายความจังหวัดรุดช่วยคดี เจ้าสำนักสงฆ์ดัง ล่วงละเมิดทางเwศ สามเณรวัย 15 มาราธอน 4 วันติด
สามเณร วัย 15 ถูกเจ้าสำนักสงฆ์ดังล่วงละเมิดทางเพศ มาราธอนนาน 4 วันติด สภาทนายความฯ รุดช่วย หลังญาติกลัวอิทธิพลพระสำนักสงฆ์ชื่อดัง
สืบเนื่องจากกรณีที่ครอบครัวสามเณรวัย 15 ปี ชาวเขา ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ออกมาร้องทุกข์แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองลำปาง ว่าถูกเจ้าอาวาสแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นวัดท่องเที่ยวชื่อดัง ในเขตพื้นที่ ได้ล่วงละเมิดทางเพศสามเณรบุตรชายของตน ก่อนหนีออกมา
สอบถามบุตรชายเผย ถูกกระทำแบบมาราธอน 4 วันติด ทำให้สามเณรทนไม่ไหว ขอให้หลวงตาพระรูปอื่นพาหลบหนี เข้าไปอยู่ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ก่อนที่จะมาสึกออกมากลับไปอยู่ที่บ้าน
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 13 สิงหาคม (วันนี้) พ่อของ ด.ช.เอ อดีตสามเณร ผู้เสียหายออกมาเปิดใจว่า เกรงกลัวอิทธิพลของพระสงฆ์เจ้าสำนักรูปนี้อย่างมาก เพราะมีลูกศิษย์มากมายหลากหลายวงการ
ซึ่งหลังที่ครอบครัวไปแจ้งความนั้น ก็มีการติดต่อเข้ามาในเชิงข่มขู่ โดยให้ครอบครัวตนถอนแจ้งความ และยังให้คนมารับตนเองเพื่อไปพูดคุยกับเจ้าสำนักสงฆ์ โดยมีลูกศิษย์ของพระอยู่ด้วยและได้มีการอัดคลิปภาพ เพื่อให้ตนเองโกหก ว่า ตนได้ใส่ร้ายเจ้าสำนักรูปดังกล่าว จึงทำให้ตนเองเกิดความกลัวและยอมพูดตามคำสั่ง และอัดคลิปภาพดังกล่าวไป
“ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นถึงพระครูบา จะมาทำเรื่องแบบนี้ได้ ตอนนี้ยอมรับ ว่า หวั่นใจ และกลัวว่า จะสู้อิทธิพลของพระไม่ได้ เนื่องจากพระมีอิทธิพลมาก และมีลูกศิษย์ มากมายหลากหลายวงการ
แต่มาถึงตอนนี้ตนเองก็จะสู้ให้ถึงที่สุด เพราะถือว่าทำกับลูกชายตนเองมากจนเกินไป จึงร้องขออยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาช่วยเหลือด้านกฎหมาย เพราะถูกทางพระข่มขู่ว่าจะฟ้องกลับ ประกอบกับตนเองไม่รู้กฎหมาย และยังฐานะยากจน ไม่มีเงินที่จะไปปรึกษาทนายความ ทุกวันนี้บ้านที่อยู่อาศัย ผนังบ้านยังทำจากไม้ไผ่อยู่เลย จึงขอให้ใครก็ได้มาช่วยเหลือ”
ล่าสุด นายกมล ถาน้อย ประธานสภาทนายความจังหวัดลำปาง ได้เปิดเผยว่า ทางสภาทนายความจังหวัด ได้รับทราบข่าว จากทางสื่อ ว่า ครอบครัวของอดีตสามเณรต้องการที่ปรึกษาทางด้านกฏหมาย เนื่องเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ดังนั้น ทางสภาทนายความจังหวัดลำปางได้ตัดสินใจงยื่นมือเข้าช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่ครอบครัวอดีตเณร และจากการที่ได้พูดคุยกับครอบครัวผู้เสียหาย เบื้องต้นพบว่า ด้านครอบครัวอดีตสามเณรยังมีความกังวลใจ กลัวว่าทางพระเจ้าสำนักสงฆ์อาจจะใช้อิทธิพล รวมถึงกลัวว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น จากนี้ไปคงต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป