เลือกกินวิตามินให้ถูกประเภทเพื่อให้ผิวสวยที่สุด
ร่างกายของคุณสามารถเกิดอาการทานยาเกินขนาดได้หรือไม่
สำหรับคำถามที่หลายๆ คนสงสัยคือการรับประทานยาเกินขนาด ซึ่งในปัจจุบันนั้นการทานวิตามินเกินขนาดเป็นสิ่งที่หลายๆ คนกำลังพบเจอในปัจจุบัน อย่างที่หลายๆ คน ทราบกันเป็นอย่างดีว่าวิตามินเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการอยู่เเล้วในเเต่ละวัน เเต่ปริมาณที่ร่างกายจะได้รับวิตามินในเเต่ละวันนั้น ถ้าเกินปริมาณที่จะได้รับในเเต่ละวันก็จะส่งผลเสียต่อร่างกาย โดยการทานผัก เเละผลไม้ก็สามารถรับวิตามินเข้าสู่ร่างกายได้เช่นกัน เเต่ การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ก็สามารถช่วยให้ร่างกายรับวิตามินได้อย่างเต็มอิ่ม เเต่ด้วยสภพเเวดล้อมที่เปลี่ยนเเปลงไปในปัจจุบันทำให้หลายๆ คนเริ่มมีการทานวิตามินที่เป็นเม็ด หรือการฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวกันเเทนการรับประทานอาหารที่มีวิตามิน การทานวิตามินเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของผู้คนนับล้านทั่วโลก แม้ว่าคำแนะนำในการใช้ยาอย่างปลอดภัยจะระบุไว้ในขวดอาหารเสริมส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องใช้เวลามากกว่าที่แนะนำ ผู้บริโภคต่างหลั่งไหลไปกับข้อมูลด้านสุขภาพที่บอกว่าการรับประทานวิตามินบางชนิดในปริมาณสูงสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพได้หลายประการ อย่างไรก็ตามการรับประทานสารอาหารบางอย่างมากเกินไปอาจเป็นอันตรายได้ เมื่อคิดอยากจะเริ่มรับประทานวิตามินก็ควรที่จะทานในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป เเละพอเหมาะกับร่างกาย เพราะถ้าทานวิตามินมากจนเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ บทความคุณภาพจากสล็อตออนไลน์
วิตามินที่ดูดซับน้ำได้ดี ร่างกายยิ่งต้องการ
วิตามินที่ละลายในน้ำ วิตามินที่ละลายในน้ำจะถูกขับออกจากร่างกายได้ง่ายและไม่ถูกเก็บไว้ในเนื้อเยื่อได้ง่าย มีวิตามินที่ละลายในน้ำได้มากกว่าวิตามินที่ละลายในไขมัน (2 แหล่งที่เชื่อถือได้) วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามินซีและวิตามินบี 8 ชนิด: วิตามินบี 1 (ไทอามีน)วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) วิตามินบี 3 (ไนอาซิน) วิตามินบี 5 (กรดแพนโทธีนิก) วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิ) วิตามินบี 7 (ไบโอติน) วิตามินบี 9 (โฟเลต) วิตามินบี 12 (โคบาลามิน) เนื่องจากวิตามินที่ละลายในน้ำไม่ได้ถูกเก็บไว้ แต่จะถูกขับออกทางปัสสาวะจึงมีโอกาสน้อยที่จะก่อให้เกิดปัญหาแม้ว่าจะรับประทานในปริมาณที่สูงก็ตาม อย่างไรก็ตามการรับประทานวิตามินที่ละลายน้ำได้ในปริมาณเมกะโดสอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายได้ ตัวอย่างเช่นการรับประทานวิตามินบี 6 ในปริมาณที่สูงมากอาจนำไปสู่ความเสียหายของเส้นประสาทที่ไม่สามารถย้อนกลับได้เมื่อเวลาผ่านไปในขณะที่การรับประทานไนอาซินในปริมาณมากซึ่งโดยปกติจะเกิน 2 กรัมต่อวันอาจทำให้ตับถูกทำลายได้
ความเเตกต่างชองวิตามินที่ละลายในน้ำ กับวิตามินที่ละลายในไขมัน
วิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งแตกต่างจากวิตามินที่ละลายในน้ำวิตามินที่ละลายในไขมันไม่ละลายในน้ำและเก็บไว้ในเนื้อเยื่อของร่างกายได้ง่าย (2 แหล่งที่เชื่อถือได้) วิตามินที่ละลายในไขมันมีสี่ชนิด: วิตามินเอ, วิตามินดี, วิตามินอี, วิตามินเค เเต่เนื่องจากวิตามินที่ละลายในไขมันสามารถสะสมในร่างกายได้สารอาหารเหล่านี้จึงมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความเป็นพิษมากกว่าวิตามินที่ละลายในน้ำ ในขณะที่หายากการรับประทานวิตามิน A, D หรือ E มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ (5 แหล่งที่เชื่อถือได้) หรืออีกวิธีหนึ่งการรับประทานวิตามินเคที่ไม่สังเคราะห์ในปริมาณสูงดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายซึ่งเป็นสาเหตุที่ไม่ได้กำหนดระดับการบริโภคสูงสุด (UL) สำหรับสารอาหารนี้ (6) โดยระดับ การบริโภคส่วนบนกำหนดไว้เพื่อระบุปริมาณสารอาหารสูงสุดที่ไม่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายสำหรับคนเกือบทั้งหมดในประชากรทั่วไป (7, 8 แหล่งที่เชื่อถือได้) กล่าวโดยสรุปได้ว่า วิตามินที่ละลายในน้ำจะถูกขับออกจากร่างกายได้ง่ายในขณะที่วิตามินที่ละลายในไขมันสามารถเก็บไว้ในเนื้อเยื่อได้ วิตามินที่ละลายในไขมันมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความเป็นพิษแม้ว่าวิตามินที่ละลายในน้ำก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งวิตามินที่สามารถละลายในไขมันนั้นจะมีประสิทธิภาพในการดูดซับได้น้อยกว่าวิตามินที่ละลายในน้ำ โดยภาพรวมวิตามินที่ละลายในน้ำได้นั้น หลายๆ คนจะชอบในการรับประทานมากกว่า เนื่องจากสามารถดูดซับได้ในปริมาณที่มากกว่า