H.H Holmes ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหรัฐฯ
H.H Holmes ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหรัฐฯ
หากใครที่ได้ติดตามหรือสนใจเกี่ยวกับข่าวอาชญากรรมและฆาตกรรมต่าง ๆ จะพบว่าฆาตกรต่อเนื่องโดยส่วนใหญ่ มักจะมีปมทางด้านครอบครัว คือพวกเขามักจะเติบโตมากับครอบครัวที่ชอบใช้ความรุนแรงหรือเคร่งศาสนา และวันนี้เราก็จะพาทุกท่านมาพบกับเรื่องราวของ H.H Holmes ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหรัฐฯ ว่าเขามีที่มาอย่างไรและก่อคดีที่โหดร้ายเช่นนั้นทำไม
โฮล์มส์ในวัยเด็ก มีชีวิตจากครอบครัวทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ ในรัฐนิวแฮมเชียร์ เขาสนใจเกี่ยวกับสรีระและชีววิทยามาตั้งแต่เด็ก เวลาว่างมักไล่จับสัตว์เล็กมาผ่าเพื่อดูอวัยวะภายในบ างครั้งก็จับสัตว์มาหักขาข้างหนึ่ง และรอดูว่ามันจะเดินได้ไหม หรือตัดขาทิ้งแล้วจะเป็นอย่างไร
เขาจึงถูกพ่อแม่เคร่งศาสนาตีด้วยไม้เรียวเสมอ บางครั้งก็ขังเขาไว้บนห้องใต้หลังคา ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาว่างไปกับการประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ แต่กลับไม่มีใครสนใจลูกคนที่ 3 ของบ้านผู้เต็มไปด้วยอัจฉริยภาพ
โฮล์มส์แต่งงานกับภรรยาคนแรก ในวัย 19 ปี และมีลูกด้วยกัน 1 คน พอเขาวัย 22 พาตัดสินใจเขาเรียนคณะแพทย์ จากปกติการเรียนแพทย์จะต้องใช้เวลาเรียน 6 ปี แต่โฮล์มส์กลับใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีก็เรียนจบ
ทว่าชีวิตรักของเขากลับล้มเหลว เมียของเขาขอแยกกันอยู่โดยไม่ได้เซ็นใบหย่าเพราะโฮล์มส์เป็นชายที่มีอารมณ์รุนแรงชอบใช้กำลัง เมื่อเข้าสู่ระบบการศึกษา Henry Howard Holmes ชื่นชอบการใช้ชื่อย่อว่า H.H. Holmes มากกว่า
เขาคือหนุ่มอนาคตไกลที่ใคร ๆ ก็คิดว่าจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน จากคุณสมบัติที่ครบถ้วน ทั้งการเป็นบัณฑิตใหม่สาขาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยในรัฐมิชิแกน ใบหน้าอันหล่อเหลาจนสาว ๆ หลายคนหลงใหล
หลังจากเรียนจบในปี 1884 โฮล์มส์วัย 24 ปีได้ย้ายไปอยู่หลายเมือง ทั้งนิวยอร์ก เพนซิเวลเนียและท้ายที่สุดหมอโฮล์มตัดสินใจย้ายสำมะโนครัวไปอยู่เมืองชิคาโก เมื่อมาอยู่ชิคาโกตั้งแต่ปี 1886 หมอโฮล์มส์ประจำตำแหน่งเภสัชกรของร้านขายยาของ Everett Holton ซึ่งเป็นธรรมเนียมของนายแพทย์สมัยนั้น
ระหว่างที่เขาทำงานในร้านขายยา รูปลักษณ์และคุณสมบัติของเขาดึงดูดสาวน้อยใหญ่อยู่เป็นระยะ กระทั่งในที่สุด เขาก็ได้ตัดสินใจแต่งงานซ้อนครั้งที่ 2 กับหญิงสาวในเมือง
จากเภสัชกรที่โดนว่าจ้างเพียง 2 ปี หลังจากเข้าทำงาน เขาก็มีโอกาสเป็นเจ้าของร้านขายยา เนื่องจากเจ้าของร้านเสียชีวิตด้วยไม้พิษ ภรรยาเจ้าของเดิมที่ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์ จึงได้ตัดสินใจขายร้านนี้ให้โฮล์มส์ในราคาถูก ๆ เขารับข้อเสนอนี้ทันที และซื้อด้วยการผ่อนจ่าย
ขณะที่โฮล์มส์กำลังใช้ชีวิตเป็นเจ้าของร้านขายยา อยู่ ๆ หญิงหม้ายโฮลตันก็หายหน้าหายตาไปจากชุมชน ชาวบ้านทยอยแวะเวียนมาถามหมอโฮล์มส์ว่าเธอหายไปไหน พวกเขาต่างได้รับคำตอบเหมือนกันว่า เธอไปเยี่ยมญาติที่แคลิฟอร์เนีย และน่าจะไปนานพอสมควร เธออาจจะกลับมาอีกครั้ง หรือบางทีเธออาจไม่กลับมาอีกเลย
โฮล์มกำลังเก็บหอมรอมริบซื้อพื้นที่อื่นเพิ่มเติมเพื่อสร้างโปรเจกต์ใหม่ในฝันขึ้น โดยไม่มีใครรู้เลยว่า โปรเจกต์นี้คือโปรเจกต์วิปริต ที่มีไว้ล่าชีวิตของคนในเมือง
เขาตัดสินใจเปลี่ยนตึกแถวธรรมดาให้กลายเป็นโรงแรมหรู ผู้คนที่พบเห็นต่างชื่นชมความสามารถของเขาว่า นอกจากจะเป็นหมอรักษาคนแล้ว ก็ยังมีหัวเรื่องการตลาดและการลงทุนอีก หลาย ๆ คนเอ่ยปากว่า หากโรงแรมสร้างเสร็จเมื่อไหร่จะเข้าพักแน่นอน
แต่ในระหว่างการก่อสร้างโรงแรมแห่งนี้ เรื่องประหลาดก็ได้เริ่มต้นขึ้นกับหมู่ผู้รับเหมา ผู้คนสังเกตว่า ทีมช่างที่สร้างโรงแรมผลัดกันเปลี่ยนหน้ามาทำงานไม่ซ้ำกัน เมื่อถามหมอโฮล์มส์ก็ได้ความว่า ข้อตกลงระหว่างเขากับผู้รับเหมาไม่ค่อยลงตัว พวกช่างจึงทิ้งงานกลางคันและเขาก็ต้องวิ่งหาทีมช่างใหม่มาสานต่อโปรเจกต์ของตัวเอง
หรือบางทีสิ่งที่ช่างทำก็ผิดจากที่เขาต้องการ การเปลี่ยนทีมไปเรื่อย ๆ ทำให้แปลนทั้งหมดของโรงแรมจึงกลายเป็นปริศนา ไม่มีใครรู้ว่าด้านในโรงแรมทั้งหมดซ่อนอะไรไว้บ้าง ยกเว้นหมอโฮล์มส์เพียงคนเดียว
ระหว่างนี้ ล็อตคลอโรฟอร์มจำนวนมากถูกสั่งเข้ามาในร้านขายยา ตัวแทนจำหน่ายได้ตั้งคำถามว่า ทำไมเขาจึงต้องการยาสลบมากขาดนี้ และนักสิ่งที่เภสัชฯ หนุ่มตอบกลับไปเวลานั้นคือ ลูกค้าของเขามีความเครียดสูงและหลายคนกำลังมีปัญหาเรื่องโรคนอนไม่หลับอยู่นั่นเอง
ในที่สุดโรงแรมของเขาก็สร้างเสร็จในปี 1892 อาคารของโฮลม์ถูกเรียกว่า “ปราสาทแห่งการฆาตกรรม” เพราะข้างในมีห้องพักอาศัยเป็น 100 ห้อง มีบางห้องมีประตูถึง 5 บาน บางห้องไม่มีหน้าต่าง ประตูหลายบานเปิดไปเจอกำแพงอิฐ บันไดหลาย ๆ ตัวที่ขึ้นไปก็ไม่มีทางไปต่อ..
หลาย ๆ ห้องมีการบุฉนวนกันเสียงอย่างดี มีประตูลับซ่อนอยู่มากมาย จนถึงห้องที่มีท่อแก๊ซที่สามารถกดปล่อยรมควันคนภายในห้องให้ขาดอากาศตายได้ หรือปล่องลับที่ปล่อยร่างของคนลงมาที่ชั้นใต้ดิน ที่มีบ่อน้ำกรดหรือบ่อน้ำด่างเพื่อกำจัดศพ เตาเผาศพ โต๊ะผ่าชิ้นส่วนศพ รวมถึงอุปกรณ์ทรมานอีกหลายชิ้น
หมอโฮล์มจะต้อนรับแขกของเขาอย่างคุ้มค่าด้วยความตาย วิธีการฆ่าของเขาก็แตกต่างกันไปต่าง ๆ นานา เช่น ฆ่าโดยการทำให้หายใจไม่ออกอย่างช้า ๆ นอกจากนี้ในห้องใต้ดินหมอโฮล์ม ยังมีเครื่องยืดร่างมนุษย์เอาไว้เล่นสนุกอีกด้วย
มีข้อมูลระบุว่า โฮลมส์นำโครงกระดูกของเหยื่อบางส่วนไปขายต่อในตลาดมืด ให้กับสถานศึกษาที่ต้องการโครงกระดูกมาใช้ศึกษากายวิภาค ที่เป็นวิชาโปรดของเขา และนำข้าวของเครื่องใช้ของเหยื่อมาเป็นเป็นของตนเอง
จนกระทั่งหลังปี ค.ศ. 1893 โรงแรมก็เริ่มไม่มีแขกมาพัก หมอโฮล์มจึงทำการฆ่าผู้ช่วยของตนเอง ด้วยการเผาอำพรางเรียกเงินประกัน และฆ่าเด็ก 3 คนซึ่งเป็นลูกของผู้ช่วยตาย ก่อนที่จะโดนจับและได้รับโทษประหารในที่สุด สุดท้ายแล้วหมอโฮล์มก็ไม่ได้ใช้เงินมหาศาลที่ตนเองหาเงินมาได้
ว่ากันว่า ที่เขายอมรับเงินและสารภาพ เป็นเพราะเราอยากได้เงินจำนวนมาก เพื่อติดสินบนผู้คุม โฮล์มส์รู้ตัวว่าจะต้องโดนประหารชีวิตแน่นอน เขาจึงพยายามหาทางออก แต่ท้ายที่สุดหมอวิปริตก็ได้รับโทษแขวนคออยู่ดี
มีบันทึกระบุว่า วันที่เขาต้องถูกแขวนคอ โฮล์มส์ไม่มีท่าทีวิตกกังวล เขาสงบนิ่งและแจ้งความประสงค์ครั้งสุดท้ายกับเจ้าหน้าที่ว่า ให้ขุดหลุมฝังเขาลึก 10 ฟุต ถมด้วยคอนกรีตเพื่อไม่ให้ใครขุดศพเขามาชำแหละอีกครั้ง
น่าแปลก ที่ชายผู้ชอบชำแหละศพคนอื่น เกิดกลัวว่าจะมีใครเอาร่างตัวเองไปผ่าบ้าง…
เมื่อโฮล์มส์โดนประหารชีวิต เขากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ถูกบันทึกไว้คนแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา เรื่องราวของเขาถูกเล่าขานต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน แถมยังมีคนเชื่อว่า โฮล์มส์ที่อยู่ในหลุมศพลึก 10 ฟุตอาจไม่ใช่ตัวเขาจริง ๆ โฮล์มส์อาจติดสินบนผู้คุมสำเร็จ และคนที่ถูกแขวนคออาจไม่ใช่นักโทษ แต่เป็นแพะ
จนในปี 2017 เหล่าทายาทผู้สืบเชื้อสายเดียวกับโฮล์มส์ต้องขุดศพขึ้นมาพิสูจน์ และพบว่า ผล DNA ตรงกับลูกหลานของเขา เป็นยืนยันการปิดตำนานฆาตกรโรคจิต ที่สังหารคนไปเกือบ 200 รายนั่นเอง…
อ้างอิงจาก: https://dark-storys.com/h-h-holmes-ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกขอ/