รัดเกล้าเคียงดอกคามิเลีย.... อัญมณีแห่งรักสุดเอื้อมจาก จิม ทอมป์สัน สู่ราชสกุล รังสิต.
รัดเกล้าเคียงดอกคามิเลีย....
อัญมณีแห่งรักสุดเอื้อมจาก จิม ทอมป์สัน สู่ราชสกุล รังสิต....
ก่อนที่จิม ทอมป์สัน จะหายตัวไปอย่างลึกลับ เขานำ "อัญมณีบอกรัก" ห่อใส่ผ้าไหมไปพบสตรีผู้หนึ่งเพื่อขอแต่งงาน และเฝ้ารอคำตอบจากเธอผู้นั้นทั้งคืน ก่อนที่ฟ้าจะสาง ก่อนที่ไก่ขันจะจาง เขาก็หายออกจากบ้านไป หันหลังให้กับทุกอย่าง ทิ้ง"รัก" ที่เฝ้าเก็บถวิลไว้ที่บ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อรักนั้นเอื้อมไม่ถึง ป่านรักก็ขาดลอย
อัญมณีในผ้าไหมถูกมอบต่อให้กับทายาทแห่งราชสกุลรังสิต พร้อมฝากคำตอบที่จิมไม่อยู่รอฟัง และไม่มีวันจะได้ยินจากสตรีผู้นั้น...
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทายาทราชสกุลรังสิตต่างกำลังศึกษาอยู่ในต่างประเทศ หม่อมเจ้าสนิธประยูรศักดิ์ รังสิต พระโอรสองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงกำลังศึกษาด้านมานุษยวิทยาที่เมืองซูริค สวิสเซอร์แลนด์
ท่านชายสนิธประยูรศักดิ์ ทรงพบรักกับนางแบบ อามิเลีย มองดัลติ ซึ่งใครๆก็มองว่าเธอเป็นเอวา การ์ดเนอร์ แห่งสวิสเซอร์แลนด์จึงเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆในสังคมชั้นสูงขณะนั้น แต่ด้วยความที่เธอเป็นคาทอลิค จึงค่อนข้างไว้ตัวกับความรักและไม่ยอมตอบรับการเฟลิร์ตรักของหนุ่มรอบตัว
ในส่วนท่านชายเอง ก็ทรงเป็นบุรุษที่มีเสน่ห์แบบบุรุษ ในช่วงสงครามโลกท่านชายทรงขาดการติดต่อกับครอบครัว และไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินและด้านอื่นๆโดยปริยาย ชีวิตของท่านชายช่วงนั้นทรงลำบากเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยความที่ทรงเป็นที่รักในแวดวงเพื่อนฝูง จึงทรงได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนและบุคคลใกล้ชิดจนผ่านช่วงทุกข์นั้นมาได้ อามิเลีย แม้จะไว้ตัวกับความรักของผู้ชายรอบข้าง แต่เธอได้ตอบรับรักของท่านชาย และเป็นความรักที่ยั่งยืน และความเสียสละในภายหลังต่อมา
ท่านชายทรงหมั้นหมายกับอามิเลียเมื่อสงครามสิ้นสุด และทรงเสกสมรสหลังจากทรงสำเร็จการศึกษา เมื่อเสด็จกลับเมืองไทย สมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงประทานวังเดิมที่ทรงสร้างถวาย พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท ผู้เป็นพระเชษฐภคินีของสมเด็จฯ ให้เป็นเรือนหอ...
เมื่อทรงย้ายวัง ท่านชายทรงมีรับสั่งอยากตกแต่งวังใหม่ หม่อมอามิเลียที่ใครๆในกรุงเทพฯเรียก หม่อมเมลี่ ได้ไปหาซื้อของตกแต่งย่านสุรวงศ์ ซึ่งเป็นย่านช็อปปิ้งและแหล่งเดินเล่นในยุคนั้น ณ.ร้านผ้าไหมแห่งแรกของกรุงเทพฯ หม่อมเมลี่ได้พบกับเจ้าของร้านคือ ท้าวแพง ซึ่งมีโรงงานผ้าไหมที่ลาว และเป็นการพบกันครั้งแรกกับ จิม ทอมป์สัน ผู้ที่เพิ่งเดือนทางมาจากเมืองจีนเพื่อลงทุนธุรกิจผ้าไหมในกรุงเทพฯ...
หม่อมเมลี่ได้แนะนำ จิม ทอมป์สัน ให้รู้จักท่านชาย ก่อเกิดมิตรภาพระหว่างบุรุษทั้งสอง ออกงานสังคมและออกเที่ยวด้วยกันเสมอ ภายหลังท่านชาย ท้าวแพง และจิม ได้ร่วมกันก่อตั้ง "ผ้าไหมไทย จิม ทอมป์สัน" โดยมีท่านชาย ทรงเป็นประธานผู้ถือหุ้นมาแต่เริ่มแรก
หลังจากท่านชาย เสกสมรสด้วยหม่อมเมลี่มาเป็นเวลากว่า 9 ปี ก็หามีพระทายาทด้วยกัน หม่อมเมลี่ซึ่งเข้าใจประเพณีและค่านิยมของไทยเป็นอย่างดี ด้วยความรักและเคารพในสมเด็จกรมพระยาชัยนาทฯ จึงได้ตัดสินใจเอ่ยปากขอแยกทางกับท่านชาย
หม่อมเมลี่แยกทางจากท่านชายในปี 2497 และในปีถัดมาท่านชายก็ทรงเสกสมรสอีกครั้งกับนาลินี สุขนิล หรือ หม่อมนาลินี รังสิต ณ.อยุธยา ทรงมีโอรสและธิดาด้วยกัน 3 คนคือ
หม่อมราชวงศ์พงศ์สนิธ รังสิต
หม่อมราชวงศ์จารุวรรณ รังสิต
หม่อมราชวงศ์สายสนิธ รังสิต
ส่วนหม่อมเมลี่ แม้จะแยกทางกับท่านชายแต่ยังคงไปมาหาสู่ และสนิทสนมกับครอบครัวของท่านชายเป็นอย่างดี เธอกลับสวิสเซอร์แลนด์ และเลือกพำนักที่ Ascona เมืองเล็กๆติดทะเลสาบ Lake Maggiore
ส่วนจิม ทอมป์สัน ที่แอบรักแอบชื่นชมหม่อมเมลี่มานานปี ก็ได้โอกาสประกาศความรักต่อหม่อมเมลี่และขอแต่งงาน แต่หม่อมเมลี่ไม่เคยตอบรับรักจิม เนื่องจากในใจลึกๆ ยังคงรักและผูกพันกับท่านชายจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต....
แต่จิมก็ไม่เคยขาดความพยายาม เมื่อหม่อมเมลี่มาเยี่ยมเมืองไทยเขาก็มักจะตามดูแล ชวนออกงานสังคม บางทีจิมก็ไปเยี่ยมหม่อมเมลี่ถึงบ้านที่สวิสเซอร์แลนด์
ครั้งหนึ่งหม่อมเมลี่บินกลับมาเยี่ยมท่านชายและครอบครัวที่เมืองไทย แต่มีเหตุให้คลาดกันด้วยท่านชายต้องเสด็จทรงงานต่างประเทศ จิมจึงเสนอบ้านพักริมคลองให้เธอพัก
เมื่อหม่อมเมลี่ไปถึงบ้านริมคลองของจิม ซึ่งเป็นบ้านธรรมดาหลังหนึ่ง ภายในมีเรือนรับรองแขก ศาลา และของเก่าเก็บอยู่เต็มบ้าน จิมพาหม่อมเมลี่ไปยังเรือนรับรองแขก และบอกกับเธอว่า
"นี่คือห้องของคุณ ยินดีต้อนรับคุณตราบเท่าที่คุณยินดีอยู่ที่นี่ แต่ขอให้ผมมีโอกาสถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย"
ตอนนั้น จิมได้นำของขวัญที่ห่อในผ้าไหมมาวางให้หม่อมเมลี่ เมื่อเธอเปิดออกดู ภายในปรากฎ "รัดเกล้าไม่ทราบที่มา 1 อัน พร้อมดอกคามิเลียสีขาวนวล กลางดอกคามิเลียมี แหวนเพชรเจียระไนแบบโบราณ 1 วงวางอยู่"...
นั่นเป็นของขวัญขอความรักและคำขอแต่งงานครั้งสุดท้ายจากจิม ทอมป์สัน
ทันทีที่เห็น ใจของหม่อมเมลี่นึกรู้ด้วยสัญชาตญาณหญิงว่า จิมเลือกดอกคามิเลียเนื่องด้วยเสียงพ้องกับ "อามิเลีย" ชื่อของเธอ และรัดเกล้าที่มากับแหวนนั้นถือเป็นของสูง ใช้ประดับพระเศียรพระราชวงศ์ในพระราชพิธีโสกันต์...อันสื่อถึงความรู้สึกสูงส่งของความรักที่เขาต้องใช้เวลาเสาะหา "ของสูง" เพื่อมากล่าวแทนความรู้สึกนั้น
แม้หม่อมจะรู้สึกตื้นตันอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้ตอบรับ "รัก" และไม่มีใครรู้ว่าจิมรู้สึกเช่นไร.....
จิมได้แต่บอกหม่อมเมลี่ว่า "ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรของขวัญชิ้นนี้ก็เป็นของคุณอยู่ดี เป็นข้อพิสูจน์ความรักที่ผมมีต่อคุณ ถึงยังไงก็ขอให้ผมมีโอกาสถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคืนนี้คุณมาหาผมที่ห้อง คำตอบคือคุณตกลงแต่งงานกับผม แต่ถ้าคุณไม่มา ผมก็รู้ว่าคุณไม่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกับผม"
คืนนั้นหม่อมเมลี่นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายไปมา และถามกลับไปกลับมากับตัวเองว่า "ไปหาเขา ไม่ไปหาเขา ไปหาเขา ไม่ไปหาเขา" จนฟ้าสางเธอเองก็ไม่ได้ไปหาเขา
และเมื่อเธอตัดสินใจไปหาเขาที่เรือนในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น แต่เขาไปแล้ว จากนั้นจิมไม่เคยติดต่อหม่อมเมลี่อีกเลย นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่หม่อมเมลี่ได้พบเขา หลังจากนั้นคนรุ่นหลังก็ไม่ทราบระยะเวลาที่แน่นอนว่านานแค่ไหน เดือนหนึ่ง หรือปีหนึ่ง รู้แต่ว่าเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั่นเองที่มีข่าวว่าจิม ทอมป์สันได้หายสาบสูญและทิ้งทุกอย่างไปอย่างลึกลับ....
สิ่งหนึ่งที่จิมไม่เคยรู้จนกระทั่งวันนี้ก็คือว่า หม่อมเมลี่ได้ไปยังเรือนของเขาในตอนรุ่งสางเพื่อตอบรับรักและคำขอแต่งงานของเขา เพียงแต่เธอไปช้า และเขาได้จากไปแล้ว โดยไม่รู้คำตอบเลยตลอดชีวิต
สิ่งเดียวที่หม่อมเมลี่ทำได้คือ ได้แต่บอกคำตอบของหม่อมให้กับคนในราชสกุลรังสิตฟัง และมอบของขวัญขอความรักของจิม ทอมป์สัน ให้แก่ทายาทราชสกุลรังสิต...หม่อมราชวงศ์จารุวรรณ รังสิต เก็บรักษาไว้เมื่อหม่อมสิ้นชีวิต....
.
Cr. HELLO! The Jewelry Book Collectibles