หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เศรษฐกิจไทยไตรมาสสาม เผาจริง คาด...จะลุกลามไปหลายปี เรียนรู้และปรับตัวไปด้วยกัน

โพสท์โดย Kimmy Pong

     จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาในประเทศไทยผู้เขียนก็ได้ศึกษาจากบทความต่างๆ ที่ท่านศาสตราจารย์หลายๆ ท่านได้เขียนไว้ ได้มีการพูดถึงวิกฤติเศรษฐกิจไทยโควิด-19 ว่าจะถดถอยไปอย่างมาก มีคำถามมากมายเกิดขึ้นมาว่า จะรุนแรงเมื่อไหร่ จะจบลงเมื่อไหร่ จากการพิจารณาวิเคราะห์ไตร่ตรองสถิติเศรษฐกิจหลายๆ ตัวเลขของไทยและของโลกแล้วคิดว่า ไตรมาสสาม ปีนี้ จะเผาจริงหนักมาก ถ้าเพื่อนๆผู้อ่านไม่ได้ปรับตัวอย่างทันท่วงที ก็อาจจะประสบปัญหาไหลตามไปกับเศรษฐกิจอย่างแน่นอน ปัญหาหลักๆดังบทความของท่านอาจารย์นี้ครับ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์

อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

หนึ่ง การเลิกจ้างและการว่างงาน

อัตราการว่างงานจะพุ่งเป็นจรวด จะมีการเลิกจ้างงานท่วมทะลักทลาย จะมีการลดขนาด ทำให้องค์การลีนที่สุด เพื่อให้อยู่รอดในภาวะ Great depression ทั่วโลก นอกจากนี้ digital disruption จะมาแทนที่คน จะมีอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้โอกาสช่วงนี้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตเพื่อลดคนให้น้อยที่สุด คนไทยจะตกงานหลายล้านคน โดยเฉพาะภาคบริการและการท่องเที่ยว จะหายไปมาก แรงงานนอกระบบได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะภาคการท่องเที่ยวใช้แรงงานนอกระบบค่อนข้างมาก เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจก็ไม่มี กิจการไม่มีทางเลือกก็ต้องเลิกจ้าง (Lay-off)

การเลิกจ้างอาจจะมีสัญญาณล่วงหน้ามาก่อน เช่น งดการทำOT ลดกำลังการผลิต ปิดสายพานการผลิต กิจการค้างจ่ายค่าน้ำค่าไฟ กิจการค้างนำส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคม กิจการมียอดขายลดลง ให้พนักงานผลัดกันมาทำงาน หรือแม้กระทั่งมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งใช้วิธีปิดตึกเรียนเป็นบางวันเพื่อประหยัดค่าน้ำค่าไฟฟ้าแล้วสุดท้ายก็เลิกจ้างอาจารย์มากมาย



สอง จะมีกิจการที่ปิดกิจการ ล้มละลายอีกมาก

กิจการที่จะอยู่รอดต้องเป็นกิจการที่แข็งแกร่งจริงๆ มีจุดขายเฉพาะตัวที่คนอื่นยากจะลอกเลียนแบบเท่านั้นถึงจะอยู่ได้ กิจการที่เริ่มต้นใหม่ ๆ จะยากมาก กิจการที่ฐานไม่แข็งแรงพอจะล้มหายตายจากเป็นเบือ อันที่จริงเราก็เริ่มเห็นกิจการที่ต้องปิดตัวลงไปมากมายในช่วงนี้แล้ว เช่น โรงภาพยนตร์สกาลา ที่สยามสแควร์ ร้านอาหาร ภัตตาคารจำนวนมาก แม้กระทั่งร้านส้มตำเล็กๆ ริมทางก็ยังปิดกิจการ

ผมลองสำรวจร้านอาหารแถวบ้านตัวเองพบว่าหายไปเป็นจำนวนมากและไม่มีการมาเปิดร้านใหม่ เช่นในอดีต จริงอยู่ร้านอาหารเปิดเร็ว ล้มเร็ว เลิกเร็ว และเริ่มเร็ว แต่ ณ ขณะนี้กลับไม่ค่อยจะมีการตั้งร้านใหม่อย่างที่เคยเป็น มีคนไปเดินถนนนิมมานเหมินท์ ที่เชียงใหม่ ที่มีร้านอาหารเยอะมาก ปิดไปเยอะแล้วก็ไม่ได้เปิดใหม่ ประกาศให้เช่าที่ ขายตึกเต็มไปหมด ร้านที่มีอยู่เดิมก็ใช่ว่าจะขายดี ส่วนหนึ่งมาจากการสั่งซื้อทางออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น ร้านค้าก็ต้องปรับตัวไปด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นก็อยู่ไม่รอด



สาม หนี้เสียจะเริ่มท่วมทะลัก

เพราะคนตกงาน กิจการก็ค้าขายไม่ได้ ไม่มีรายได้เข้า หลายคนไม่มีเงินเก็บพอ ที่เคยผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนคอนโดมิเนียมก็จะผ่อนไม่ไหว ต้องยอดขาดส่ง หรือยอมขายทิ้งขาดทุน หรือยอมให้ถูกยึดไป หนี้เสียที่เป็นหนี้ส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

หนี้เสียภาคเอกชน เพราะจะมีบริษัทต่างที่จะไปต่อไม่ไหว ล้มละลาย จะเป็นปัญหาอันหนักหน่วงของธนาคารพาณิชย์ ที่จะกำไรหดตัวลง และดีไม่ดีอาจจะถึงกับซวนเซถึงขั้นล้มละลายได้ หรือจวนล้มละลาย แต่จะไม่หนักเท่าปี 2540 ที่ตอนนั้นยังไม่ได้ระวังเรื่องหนี้เสียและการตั้งสำรองเท่าปัจจุบัน ซึ่งรัดกุมกว่ามาก

ตลาดตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ (Bond or debenture) จะมีหุ้นกู้เอกชนที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยตามกำหนด แต่ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้เพราะขาดสภาพคล่อง ในขณะที่หุ้นกู้ของเอกชนจำนวนหนึ่งที่ครบกำหนดไถ่ถอน (Maturity date) ต้องจ่ายเงินกู้คืนผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมดจะมีจำนวนมากที่ไม่มีสภาพคล่องพอที่จะจ่ายเงินคืน ทำให้เกิดหุ้นกู้เน่า (Junk bond) เพิ่มมากขึ้น ต้องมีการจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ลดเกรดลงมากันมากมาย นี่เป็นสิ่งที่จะได้เห็นและเกิดขึ้นอย่างแน่นอน



สี่ เงินเยียวยาจากรัฐบาล จะหมดลง เงินออมหรือเงินเก็บของประชาชนจะหมดไป แต่เราต้องเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจใหญ่ระดับทั้งโลกไปอีกอย่างน้อย สองถึงสามปี

รัฐบาลเองจ่ายเงินเยียวยาไปสามเดือนหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ใช้เงินไปมากมายเหลือเกิน มีคนลงทะเบียน คนไทยไม่ทิ้งกัน เกือบสามสิบล้านคนที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลจะไปเอาเงินมาจากไหนอีก นอกจากจะต้องกู้เงินเพิ่มหนี้สาธารณะไปอีก

อย่างไรก็ตามวิกฤติเศรษฐกิจคราวนี้ จะไม่ใช่ปีเดียวอย่างเช่นวิกฤติเศรษฐกิจในอดีต ใครอดทนดำน้ำนานได้มากกว่าจึงจะอยู่รอด ใครสายป่านไม่ยาวพอก็ต้องเลิกไป รัฐบาลไม่รู้จะไปหาเงินจากไหนมาเยียวยาได้อีก ใครไม่มีเงินเก็บเลยจะลำบากมาก นาทีนี้ใครมีเงินสดๆ ในมือ จะซื้ออะไรก็จะได้ของถูก สมบัติผลัดกันชมจริงๆ ครับ



ห้า ภาคส่งออก จะแย่ไปอีก 2 ปี เพราะเกิดวิกฤติทั่วโลก ไม่มีใครจะช่วยซื้ออะไรของใครได้ ต่างคนต่างไม่มีเงิน ส่งออกไทยไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีกง่ายๆ คงย่ำและแย่ไปอีกยาวนาน ทุกคนบนโลกจนลงหมดเป็นส่วนใหญ่ ภาคส่งออกของไทยในขณะนี้ก็ติดลบไปจนเกือบ 20 % เสียแล้ว และน่าจะหนักกว่านี้อีกมากในท้ายไตรมาสสาม

ในมุมกลับกันการนำเข้าก็ลดลงไปมาก เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่เคยจอดเต็มไปหมดแถบเกาะสีชังรอเข้าแหลมฉบังก็หายไปจนหมด ว่ากันว่าเรือเล็กๆ บรรทุกผู้หญิงอาชีพแรกบนโลกที่เคยไปบริการบนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่มีลูกเรือชายล้วนลอยเรือกลางทะเลเปลี่ยวเหงามาเป็นแรมเดือน ก็ว่างงาน เรือไม่เข้า ลูกเรือเปลี่ยวเหงาเช่นเก่าก่อนแทบจะไม่มี

ลองค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีแผนที่แสดงเรือบรรทุกน้ำมันปิโตรเลียม ลอยล่องกันเป็นมหาสมุทรไปทั่วโลก ไม่มีคนซื้อ เพราะทุกประเทศทั่วโลกเศรษฐกิจถดถอยหมด ความต้องการใช้พลังงานก็ลดลงไปฮวบฮาบ เรือบรรทุกน้ำมันขนาดยักษ์เหล่านี้ใส่น้ำมันมาเร่ขายก็ไม่มีใครซื้อ https://www.marinevesseltraffic.com/2013/02/tanker-track.html 

 

หก ภาคการท่องเที่ยว จะสลบหนักไปอีก 2-3 ปี จนกว่าวัคซีนโควิดจะสำเร็จจริงๆ และนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเก็บสะสมเงินพอจะเริ่มท่องเที่ยวได้อีกครั้ง

โควิด-19 ทำให้การเดินทางลดลง เพราะต้องการควบคุมการระบาดของโรค ดูสถิติเที่ยวบินจาก flightradar24.com แล้วจะพบว่าจำนวนเที่ยวบินลดลงมากสุดประมาณเดือนมีนาคม และดิ่งสุดที่เดือนเมษายน และแม้จะกระเตื้องขึ้นบ้างก็ไม่มากนัก และเมื่อเห็น pattern จะพอทราบได้ทันทีว่า เมื่อถึงฤดูกาลเดินทางสูงหรือ high season จำนวนเที่ยวบินรวมและจำนวนเที่ยวบินพาณิชย์ก็ยังไม่น่าจะกระเตื้องได้เหมือนปีก่อนๆ การท่องเที่ยวน่าจะซึมไปอีกยาวๆ จนกว่าคนจะเลิกตกงานและเก็บเงินสะสมพอที่จะท่องเที่ยวได้อีกครั้ง ในมุมกลับกันความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer confidence index) กว่าจะฟื้นกระเตื้องกลับมาและทำให้คนกลับมาใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งกลัวโรคระบาด ทั้งกลัววิกฤติเศรษฐกิจทับถมเพิ่มเติมเข้าไป และเนื่องจาก GDP ของไทยอิงอาศัยภาคการท่องเที่ยวสูงมาก ทำให้เราได้รับผลกระทบไปเต็มๆ และยาวๆ อย่างแน่นอน

     สุดท้ายนี้ผู้เขียนก็อยากให้ผู้อ่านทุกท่านฝึกปรับตัวเพื่อจะผ่านภาวะวิกฤติเศรษฐกิจดิ่งเหวทั่วโลกแบบนี้ไปได้ คำตอบมีอยู่แล้วคือ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง มีภูมิคุ้มกัน ประมาณตน มีเหตุมีผล บนฐานความรู้และฐานคุณธรรม น้อมนำพระราชดำริมาใช้กันจริงจัง เราอาจจะไม่อู้ฟู่หรูหราเหมือนก่อน แต่เราจะอยู่รอดและผ่านวิกฤติไปด้วยกันได้ครับ ถ้าชอบบทความนี้ฝากกดดาวเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะครับ

โพสท์โดย: CRYPTO Kim Thailand
อ้างอิงจาก: https://mgronline.com/daily/detail/9630000074152
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Kimmy Pong's profile


โพสท์โดย: Kimmy Pong
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
25 VOTES (5/5 จาก 5 คน)
VOTED: โดนแมวตบ, CRYPTO Kim Thailand, zerotype, สารวัตรลิง, มยุริญ ผดผื่นคัน
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
นางเอกชื่อดังของญี่ปุ่น ประกาศว่าแต่งงานแล้ว!!เขมรบุกเดี่ยว! ประกาศลั่นเราจะล้างแค้นแล้วเราจะแซงไทยในเร็วๆนี้ ?erosion: การกัดเซาะ การทำให้สึกกร่อนโอซาก้าจะเลียนแบบเวนิสในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าเพราะอากาศร้อนจัด "พนง.ไปรษณีย์" ถึงกับเป็นลม..โชคดีมีคนช่วยไว้ทัน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เฮทั่วประเทศ ! ฟุตซอลไทย ชนะจุดโทษ ทาจิกิสถาน เข้าชิงแชมป์เอเชีย 2024"ปารีณา-อมรัตน์" สายสัมพันธ์ในวันที่การเมืองเปลี่ยน จากศัตรูสู่มิตร"ป๋าเสรี" ร่วมงานศพ"ทวี ไกรคุปต์" ด้าน"ปารีณา" โผล่สวมกอด ลั่นขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับท่านเสรี!erosion: การกัดเซาะ การทำให้สึกกร่อน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
erosion: การกัดเซาะ การทำให้สึกกร่อนโทษ-ประโยชน์ของการช่วยตัวlอง ผู้ชายควรรู้Huawei ทวงคืนบัลลังก์! ขึ้นแท่นอันดับ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนจีนอีกครั้ง"ภาวะโลกเดือด" การปรับตัวในยุคที่ท้าทายสุดขีดของมนุษย์!!
ตั้งกระทู้ใหม่