เฮี้ยนแหกจอ
แม้ ประเทศจะคลายล็อคดาวน์จากวิกฤติจาก โควิด –19 แล้วแต่ผมก็เป็นอีกคนที่เดี้ยงเพลี่ยงพล้ำบริษัทปิดตัวพูดง่ายๆก็ตกงานน่ะแหละ จะหันหน้าไปพึ่งพาเพื่อนฝุงมันก็หน้าดำคร่ำเครียดไม่แพ้กัน เอาไงล่ะทีนี้ บ้านต่างจังหวัดก็ไม่มีให้กลับ อพยพมาอยู่เมืองกรุงก็ตั้งแต่น้อย นั่งไล่หาเพื่อนต่างถิ่นก็ไม่ค่อยได้ติดต่อใคร นึกขึ้นได้แว่บนึง ไอ้แว่นอยู่เมืองอุบล พอได้ทักทายกันบ้าง แม้ไม่บ่อยแต่ก็ไม่ถึงกับขาดหายซะทีเดียว เลยกริ๊งกร๊างคุยกะมันเผื่อมีช่องทางงานอะไรบ้าง
"ก็พอมีอยู่บ้างว่ะ แต่ก็ต้องทนๆหน่อย 2-3งานแหละ"
"เออว้อย ไงๆก็ต้องเอาไว้ก่อน ขืนเล่นตัวอดตายแน่"
มันแจงมา มีงาน รปภ. เซลล์ขายประกัน เซลล์ขายเครื่องกรองน้ำ ไงดี รปภ.ผมก็อดนอนไม่เก่ง ขายประกันก็ต้องพูดน้ำไหลไฟดับ เลยเลือกขายเครื่องกรองน้ำ ไงๆก็มีสินค้าให้ลูกค้าดูเผื่อพูดโน้มน้าวไม่เยอะเกิน
"เออๆมาวันไหนก็โทรมาบอกก่อนล่ะ "มันรับปากจะดูงานรอ
ผมเองยังหนุ่มโสด เรื่องไปทำงานที่ไหนเลยไม่ยาก อีก2-3วันคืนห้องเช่าผมก็เก็บกระเป๋าจับรถทัวร์ไปอุบลทันที เดินทางเกือบ10ชั่วโมงถึงช่วงบ่ายๆมันมารับที่บขส.ไปบ้าน
"เรื่องงานน่ะ มะรืนค่อยทำ ข้าคุยกับหัวหน้าไว้แล้ว อยู่กับข้าไปก่อน ยังไงถ้าอยากส่วนตัวค่อยขยับขยายนะ"
ผมขอบอกขอบใจมันนัก ไง ๆ ก็ต้องอยู่ให้ได้ ไม่มีทางเลือกแล้ว
"เอ็งก็พักผ่อนนะ เย็นๆค่อยออกไปซื้อไรกินเองล่ะ คืนนี้ข้ามีงานเลี้ยงที่บริษัทคงกลับดึก ไม่ได้อยู่ดูแลเอ็ง"
" เออน่า อย่าห่วงข้า อยู่ได้แหละ ไม่ใช่เด็กๆแล้ว"ผมบอกไม่ให้มันคิดมาก เจ้าแว่นมันออกไปทำงานต่อ ผมอาบน้ำอาบท่าเปิดทีวีนอนดูแล้วก็งีบหลับไป มาตื่นทีเอาเกือบทุ่ม เลยออกไปนั่งกินข้าวในตลาดซึ่งก็ บรรยากาศเงียบๆแล้ว แสงสีไฟจากร้านไม่ค่อยมี วินมอร์'ไซค์ 3-4 คันนั่งนอนรอผู้โดยสาร เลยเดินเลี่ยงออกมาท้ายตลาด เห็นโรงหนังหนึ่งตั้งตะคุ่มเปิดไฟไม่กี่ดวง ต่างจังหวัดยังมีโรงหนังชั้นสองชานเมืองอยู่ น่าสนใจดีผมมันสายนักดูหนังซะด้วยสิ หน้าโรงเห็นติดป้าย "เฮี้ยน" ชื่อหนังเข้าท่าดี หนังผีซะด้วย แต่ไม่มีคนเลย เห็นแต่ตาแป่ะแก่ๆขายตั๋ว
"หนังวนน่ะคุณ คนเข้าไปหมดแล้ว.."
ผมซื้อตั๋วเข้าไปในโรงมือมาก มีเงาคนดำๆนั่งดูเงียบๆไม่กี่คน ในหนังผีมันคลาน แต่ให้ตายเถอะ ผมเห็นมันคลานออกมานอกจอได้ แถม.. ม.. มือมันยื่นมาใกล้หน้า.. ผม..
"เหวอออ!!..ผ.. ผี.." ผมร้องลั่น ทุกคนหันมามอง
"ผีเผอที่ไหนคู๊ณ.. กลัวก็อย่าดูสิ "
แต่ละคนหน้าดำ ๆ คล้ำ ๆ สีหน้าเรียบเฉย เลยขยี้ตามองในจออีกครั้งก็ปกติดีไม่มีไร ผมคงตาฝาด ไปล้างหน้าล้างตาดีกว่า ว่าแล้วก็ไปห้องน้ำ ทางเดินกลิ่นมันอับ ๆ เหม็นๆโรงหนังเก่า ๆ ก็เงี้ย เห็นชาย2คนตรงโถฉี่ คนนึงฉี่อีกคนนึงนวด บ๊ะ โรงหนังยังวี้ยังมีบริการนวดด้วยเร้อะ
"เฮ้ย นวดเบาๆหน่อยซีวะ ห่ะ.. คอแทบหัก"
"เส้นมันตึงอ่ะ ต้องออกแรงหน่อย อื้ดด..!!"
"โอ้ยย.. หัก หักแล้ว!!.." เสียงดังกร๊อบ นั่น คอมันหัก หัว.. หัวมันหลุดจากบ่า ตกตุ้บ!
"เฮ้ย อะไรกันวะ??" ผมเสียงหลง
"ฮ่าๆๆ ยากไรวะ หลุดก็ต่อใหม่.." มันว่าพลางหยิบหัวไอ้คนนั้นขึ้นมาต่อให้
" ทีข้าเอวขาดครึ่งท่อนยังไม่โวยวายเลย นี่ๆดู.. " พลันนั้น ร่างมันหงายหลังตึงขาดกระเด็น ครึ่งท่อนบนคลานกระดึบๆไส้ลากเป็นพรวน หันมามองผมตาแดงก่ำ
เท่านั้นแหละไม่ต้องอธิบายซ้ำ ผี ผีชัด ๆ กระโจนพร่วดเข้าในโรงหนังแหกปากก้อง " ช่วยด้วยย ผีหลอกกก ๆ ๆ.. "
ทุกสายตาหันมามอง แต่.. ไม่มีคู่ไหนเลยที่มีอาการตกใจ หน้าดำ ๆ คล้ำ ๆ ต่างแสยะยิ้ม
"หลอกแบบนี้เหรอ.." มันดึงหัวหลุดออกมา อีกคนยืดมือยาว บางตัวแหกพุงควักไส้ ถึงทีนี้พอแล้วผม หันหลังวิ่งไปทางออก รู้สึกมันมีทั้งควันทั้งไฟ นี่มันไฟไหม้หลับหูหลับตาวิ่งฝ่าควันออกมาจนพ้นโรงหนัง วิ่งไปทางกลุ่มคน ตรงนั้นไอ้แว่นเพื่อนผมมันยืนอยู่ ผมหอบแฮ่ก ๆ เล่ามันทุกอย่าง
"โดนดีอีกแล้วเพื่อนกู.. เอ็งหันไปมองสิ"
ผมหันไปมองโรงหนังนั่น มันมีแต่เสาดำ ๆ ไม่กี่ต้นที่เป็นซากปรักหักพัง รั้วสังกระสีมีป้ายติด "ปิดถาวร" ได้ยินมันพูด
"มันปิดตายมานานแล้ว เมื่อ 3 ปีก่อนขณะฉายหนังไฟลัดวงจรไหม้อย่างรวดเร็ว คนออกไม่ทันโดนคล่อกตายไปเยอะ วิญญาณคงสิงสู่ในนั้น คนที่นี่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้หรอก.." มันพาผมกลับบ้าน แข้งขาหมดเรี่ยวแรง จนต้องโบกสามล้อกลับ.. คิดจะดูหนังทั้งทีดันมีผีมาดูด้วยซะงั้น...บรื๋อออออ
/////////////////////////////////////