LINE สยอง น้องหมวย
สายฝนที่ตกพรำ ๆ มาตั้งแต่บ่ายจนเวลานี้เกือบจะเที่ยงคืนแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย อากาศอย่างนี้มันเหมาะที่ควรจะนอนยิ่งนัก แต่สำหรับเขากลับกำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์บางอย่างยุกยิก ๆ กับมือถือไม่หยุดพร้อมกับยิ้มอย่างปลื้มปิติใจ บางครั้งก็หัวเราะร่าออกมาคนเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นอาการของคนมีความสุข
“ ติ๊งหน่อง ๆ “ เสียงไลน์น่ะเอง มันดังเป็นระยะ ๆ แทบไม่หยุด อีกหนุ่มซึ่งนอนไม่ห่างกันดิ้นพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่ตลอด ดูเหมือนเขาจะชักรำคาญ
“เฮ้ย ไอ้เอก เมื่อไหร่จะนอนซักทีวะ หนวกหูว่ะ ดึกแล้วนะ “
เอกผู้ที่ถูกกล่าว เหมือนไม่รับรู้ ยังคงขะมักเขม้นกดยุกยิกไปเรื่อย อีกฝ่ายคงทนไม่ไหวคว้าผ้านวมหนาคลุมโปงมิดหัว เอกเหลียวหันมาดูแวบหนึ่งพร้อมเอ่ย
“ ไอ้ป้อม เอ็งนอนมาตั้งแต่หัวค่ำแล้วนะ ยังไม่พออีกเร้อะ พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดยาวอีกตั้ง 3 วัน นอนไรนักวะ”
ว่าแล้วก็ก้มหน้าเล่นไลน์ต่ออย่างไม่มีทีท่าว่าจะง่วง ข้างนอนอากาศเย็น ฝนยังคงตกตลอดคืน....
สายแล้วฝนหยุดตกสักที บ้านในสวนอากาศกำลังดี เอกลุกขึ้นจัดเตรียมกระเป๋าใบเขื่อง
“ ไอ้ป้อม ไป ๆ อาบน้ำแต่งตัวไปด้วยกัน “
“ ไปไหนวะ อากาศอย่างนี้ ไม่อยากไปไหนว้อย ”
“ เออน่า ไปเป็นเพื่อนข้าหน่อยเหอะ ข้าจะไปหาน้องหมวย ”
เจ้าป้อม ชะงักหน่อยนึง แล้วเหมือนจะคิดได้
“ หืมม อย่าบอกนะว่า คนที่เอ็งคุยไลน์เมื่อคืน ”
“ แหม เอ็งนี่เดาเก่ง ก็ใช่น่ะแหละ ตอนนี้บ้านเขาน้ำท่วม อยากให้ไปช่วยเขาหน่อย สงสารเค้าว่ะ อยู่กับเตี่ยแค่ 2 คน ทางการยังเข้าไปไม่ถึงเลย เราพอช่วยไรได้ก็ช่วยไปก่อน "
“ ฝนตกยาวขนาดนี้น้ำคงท่วมถึงคอ จะไปยังไง เอ็งก็มีแค่ปิคอัพจะลุยไปยังไงล่ะ ”
“ ดูข่าวมาแล้วทางยังไม่ขาด น้ำท่วมแค่หมู่บ้าน เส้นทางยังไปได้อยู่ แล้วก็อย่าคิดปฎิเสธไม่งั้นเอาหนี้ที่ติดข้าคืนมาเดี๋ยวนี้ !!” เขาเล่นไม้ตายเพราะรู้ว่ายังไง ๆ ไอ้ป้อมก็ต้องยอม
ปิคอัพสีดำวิ่งฉิวปลิวทะยานจากเมืองกรุงสู่อิสาน ตลอดเส้นทางมีน้ำท่วมขังบ้างเป็นระยะ ๆ ปกติใช้เวลาเดินทางสัก 3 ชั่วโมงก็ถึง แต่ด้วยสถานการณ์น้ำท่วมแบบนี้ กว่าจะถึงก็เล่นเอาเกือบค่ำ แวะจอดตลาดกินข้าวเอาเรี่ยวแรงกันหน่อย อิ่มแปล้กันแล้วก็ไม่ลืมที่จะถามทางเข้าบ้านสาวเจ้า
“ โอ้ย หมู่บ้านนั้นน้ำท่วมหนักเลยพ่อหนุ่ม ตัดจากโลกภายนอกเลยล่ะ เห็นว่าทางการกำลังเข้าไปเมื่อบ่าย ๆ นี้ล่ะ ”
เอกได้ยินยิ่งคิดหนัก ยิ่งป็นห่วงสาว ป่านนี้จะอยู่ยังไง ถึงว่าจะเข้าไปยากแต่เขาก็จะไปเท่าที่ไปได้ ว่าแล้วจับรถห้อตะบึงไป และเพียง 3 กิโล ถนนก็ขาดรถไม่สามารถไปได้อีกแล้ว ยืนรอ ๆ รี ๆว่าจะเอาไงดี ก็เห็นเรือแจวลำหนึ่งตะคุ่ม ๆ “ ฮ่า ๆ ขึ้นมาเลยหนุ่ม ลุงมาคอยตั้งนานนึกว่าไม่มาซะอีก ..”
“ ลุงรู้ได้ไง...”
“ เอาน่า นังหมวยมันบอกว่า จะมีคนมาหาเลยให้ลุงมารอ...’’
ออ เขาค่อยโล่งอก นึกว่าจะเจอมิจฉาชีพซะแล้ว ตลอดทางบนผิวน้ำที่มืดมิดเห็นก็แต่เพียงยอดปลายไม้กับหลังคาบ้าน น้ำท่วมหนักมากจริง ๆ ส่วนตาลุงก็จ้ำพายพรวด ๆ ไม่พูดไม่จา ไม่นานก็มาถึงเรือนไม้ยกสูงตรงนี้ดูน้ำไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ บ้านตะคุ่ม ๆ ดำทะมึน แสงไฟตะเกียงวูบวาบ เงา คนบนบ้านวูบวาบ แล้วก็ออกมาต้อนรับ
“ พี่...พี่มาจริง ๆ นี่หมวยเองนะ ...” สาวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นผิวขาว หน้าตาบ่งบอกว่ามีเชื้อจีน เธอสวยกว่าที่คิดเสียอีก แม้จะมองไม่ค่อยถนัดเพราะแสงสลัวจากไฟตะเกียง
“ จ้า บอกว่ามาก็ต้องมาสิ ” เอกดีใจนักหนาที่ได้มาเห็นสาวคนที่คุยมาตลอดตัวเป็น ๆ
เธออยู่ชั้นสองที่พออยู่ได้ แต่น้ำก็ยังปริ่ม ๆ ข้าวของดูรกไม่เป็นระเบียบคงถูกขนย้ายขึ้นมา เจ้าป้อมมันมองเหลียวมองอย่างระแวงหวาด ๆ ดูไม่ค่อยสบายใจนัก กลิ่นก็อับ ๆ บางครั้งเหม็นเหมือนมีไรเน่า สะกิดเจ้าเอกยิก ๆ
“ เออน่า ไม่มีไรหรอก หมูหมามันตายก็เหม็นหน่อยงี้แหละ เอ็งนี่ก็...” พูดเหมือนรู้ใจมัน
“ หมวยจะเอาไงต่อไป ..เตี่ยอยู่ไหนเหรอ ” “ เตี่ยไม่ค่อยสบาย นอนในห้อง คืนนี้พวกพี่ก็นอนตรงนี้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยคิดเรื่องพาหมวยออกไปจากที่นี่ ..”
เอาไงเอากัน เอกคิด แต่คืนนี้เขาไม่คิดนอนแน่ ๆ อุตส่าห์มาถึงที่ทั้งที ยังไงก็ขอชื่นใจกับสาวเจ้าสักคืน เธอก็มีใจซะอย่างนั้น ไม่งั้นไม่ชวนมาถึงที่หรอก แล้วก็จริงดังว่า หมวยเธอออกมานั่งด้วย เขาจึงพาหลบมุมไปแถว ๆ หลังบ้าน ปล่อยให้ไอ้ป้อมมันนอนกรนคร่อก ๆ คนเดียว
ไม่รู้ดึกเท่าไหร่ เจ้าป้อมมันรู้สึกปวดท้องฉี่ขึ้นมา ลุกขึ้นมาปล่อยฉ่าตรงนั้นล่ะ ว่าจะนอนต่อก็เหลือบไปเห็นสองหนุ่มสาวกอดรัดฟัดกันพัลวัน แต่..ให้ตายเถอะ!สาวเจ้าที่เพื่อนมันกำลังคลุกเคล้า มันไม่ใช่น้องหมวยคนสวย บัดนี้มันเป็นร่างที่บวมอืดเน่าเฟะ ผมหลุดร่วง เบ้าตาถลน แวบนึงหันมามองมันพร้อมยิ้มแสยะ แลบลิ้นยาวเฟื้อยมาหา ไอ้ป้อมแทบช็อค ขาแข้งแข็ง ขนลุกเกรียว
“ ไอ้ ไอ้..เอก ..ผ..ผี.ผ..ผี..!!! มึงก..กอด..ผ..ผี..” ไอ้เอกไม่รับรู้ยังคงนัวเนียไม่หยุด พลันนั้น!มือหนึ่งมาตะปบที่ไหล่มัน พร้อมเสียงแหบพร่า
“ ลื้อจาไปยุ่งอารายกับหนุ่มสาวเขา..เหอ ๆ ๆ ..” เจ้าป้อมสะดุ้งเฮือกหันหลังกลับมามอง ให้ตาย มีแต่ท่อนมือที่เกาะบ่ามัน ไม่มีใคร มันสะบัดแขนนั้นให้หลุดเร่า ๆ แหกปากลั่น นั่นล่ะ เจ้าเอกถึงได้สติไปมองเพื่อนที่วิ่งไปวิ่งมาราวคนบ้า กลับมามองสาวคนรักซึ่งบัดนี้ไม่เหลือความสวยงามน่ารักอีกแล้ว ดวงตาบวมหลุดห้อยจากเบ้าต่องแต่ง จมูกยุบฟันซี่ใหญ่ ๆ ล้นปากและหน้าทื่อืดพอง หนังหัวหายไปเป็นกระจุก
“ เฮ้ยยยยยยย!!! อะไร อะไรกัน ผ..ผี เธอ..เป็นผี..อย่า...อย่า....!!!!”
เขาหันหลังถอยกลับไปหาไอ้ป้อมที่ตอนนี้มันสลบไสลไปแล้ว
“ ไปไหนคะที่รักขา..ไหนว่าจะเอาน้องหมวยเป็นเมียไง..แล้วหนีทำไม..ไม่รักหมวยอีกแล้วหรา..”
“ มาสิจ้ะ จะหนีทำไม อุตส่าห์มาหาถึงนี่ รู้มั้ยหมวยรอพี่มา ตั้งสามวันแล้ว...ลืมที่เราไลน์คุยกันแล้วเหรอ...ผู้ชายก็งี้แหละ..”
เขาไม่รู้หรอกว่าเธอจะพูดอะไรไปเรื่อย รู้แต่ตอนนี้เขาตัวชาหูอื้อ ผมเผ้าลุกซู่ ขาแข้งมันเหมือนถูกตรึงไว้ ลิ้นพองคับคาปาก เวียน ๆ หัวพร้อมจะเป็นลม และก่อนสติจะดับไป เขาเห็นแสงไฟส่องมาจากข้างนอก แล้วก็.........................................
เอกรู้สึกตัวอีกทีว่าตัวเองอยู่ที่ตลาดที่แวะมากินข้าว ข้าง ๆ มีไอ้ป้อมฟุบอยู่ คนล้อมรอบเต็มไปหมด เขาเล่าทุกอย่าง ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งบอกว่าพวกเขาเป็นหน่วยอาสาออกไปช่วยหาคนที่ติดน้ำท่วมเห็นเขาล้มลุกโหวกเหวกคนเดียวเลยช่วยมา ส่วนชาวบ้านเล่าว่า บ้านหมวยกับเตี่ยขายของชำ เห็นว่าจมน้ำตายทั้งคู่มาแล้วสามวัน ยังหาศพไม่เจอ เขาฟังแล้วขนลุกซู่อีกครั้ง
เอกกับป้อมกลับบ้านอย่างหมดเรี่ยวแรง นึกไม่ออกว่าทำไมถึงมาหลอกหลอนกันขนาดนี้ หรือว่าดึงเขามาเพื่อให้ทางการหาศพเจอ ยังไงเขาก็ต้องทำบุญกรวดน้ำให้ยกใหญ่
ตั้งแต่นั้นมาได้ยินเสียงไลน์ทีไรเขาขยาดที่จะไปเปิดมันดูแล้ว
แล้วคุณล่ะ เหอ ๆ ๆ ......