แกงเปรอะ(แกงเห็ด) ของแซ่บถิ่นอีสาน
หากจะพูดถึงอาหารอีสาน ส่วนใหญ่แล้วจะมีรสชาติจัดจ้านไม่เลี่ยน และทุกเมนูมีเอกลักษณ์ประจำภาคเป็นตัวชูโรงของเมนูนั้นๆ นั่นก็คือ น้ำปลาร้า หรือ น้ำปลาแดก ของอีสานนั่นเอง ซึ่งนอกจากจะเป็นส้มตำ ลาบ ก้อย ต่างๆแล้ว อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจและได้รับความนิยมจากผู้คนที่โปรดปรานหลงใหลในอาหารอีสาน ก็คงจะไม่พลาด "เมนูแกงเปรอะ" หรือบางคนเรียกว่า "แกงเห็ด"
แกงเปรอะ เป็นเมนูแกงผักรวมต่างๆกับน้ำใบย่านางของอีสาน ซึ่งบางครั้งอาจจะใส่ไข่มดแดงลงไปร่วมด้วยเพื่อความแซ่บ แต่ใครไม่ใส่ก็ได้น้า แกงเปรอะจะหากินง่ายที่ภาคอีสาน แต่สำหรับภาคอื่นๆแล้วจะมีร้านอาหารอีสานแค่บางร้านเท่านั้นที่มีเมนูนี้ให้ลูกค้าได้เลือกสั่งกินกัน
ดังนั้นวันนี้ผู้เขียนเลยไปเดินตลาดเลือกซื้อวัตถุดิบมาปรุงเมนูแกงเปรอะเองกับมือ ซึ่งเป็นเมนูโปรดของผู้เขียนด้วย ทำเสร็จค่อยกินให้หนำใจไปเลยค่ะ แต่ก่อนอื่นมาเตรียมวัตถุดิบ และดูขั้นตอนการทำกันไปพร้อมกันค่ะ
วัตถุดิบ ได้แก่
1. เห็ดต่างๆ เช่น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนู เห็ดเผาะ
2. หน่อไม้หวานต้ม 1 ถ้วยตวง
3. ผักหวานป่า 1 ถ้วยตวง
4. น้ำใบย่านาง 2 ถ้วยตวง
5. ข้าวเบือ (ข้าวสารเหนียวแช่น้ำตำละเอียด) 1 ทัพพี
6. หอมแดง 5-6 หัว
7. ฟักทอง 1/2 ถ้วยตวง
8. ใบแมงลัก 1 ถ้วยตวง
9. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ
11. พริกขี้หนูสด 10 เม็ด
12. บวบหอม 1 ถ้วยตวง
13. ยอดชะอม 1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำ มีดังนี้
1. นำข้าวเบือไปคนละลายเข้ากันกับน้ำใบย่านาง ยกหม้อตั้งไฟกลาง ข้าวเบือจะช่วยให้น้ำแกงมีความข้นเหนียวยิ่งขึ้น และต้องคนให้เข้ากันกับน้ำใบย่านางก่อนตั้งไฟนะ เพราะหากใส่ตอนตั้งไฟหรือน้ำใบย่านางร้อนแล้วล่ะก็ ข้าวเบือของเราก็จะจับตัวกันเป็นก้อนนั่นเอง ข้าวเบือใครไม่ชอบไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ค่ะ
2. โขลกหอมแดง พริกขี้หนูสดพอแหลก อย่ารอรีตักใส่หม้อไปสมทบเลยจ้า
3. รอจนเดือดใส่ฟักทองหั่นชิ้นพอดีคำ บวบหอมลงไป รอจนสุก
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำปลาร้าตามลงไป
5. นำหน่อไม้ที่ต้มน้ำทิ้งเรียบร้อยแล้วใส่ลงไป หน่อไม้หวานให้ต้มก่อนนำมาประกอบอาหารเพื่อขจัดรสหืนให้หมดไป จากนั้นใส่เห็ดต่างๆ ตามลงไป รอจนเดือด ใครชอบเผ็ดก็โยนลูกโดดสมทบเพิ่ม ไม่ว่ากัน
6. เมื่อทุกอย่างสุก ก็ถึงเวลาใส่ใบผักหวานป่า ใบชะอม ใบแมงลัก คนให้เข้ากัน เมื่อผักสลบ ก็ชิมรสตามใจชอบ พร้อมยกลงจากเตา
แกงเปรอะของเราจะกินคู่กับข้าวเหนียว หรือข้าวสวยร้อนๆสักจาน ก็ลงตัว กลิ่นใบแมงลักหอมฟุ้งมาแตะจมูก รสหวานจากน้ำใบย่านางและผักต่างๆ เผ็ดจากพริกขี้หนูพร้อมลูกโดด ตัดเค็มด้วยน้ำปลาร้า เมื่อตักเข้าปากมาเจอเห็ดเผาะ ขบดังเผาะระเบิดในปาก ได้บรรยากาศเหมือนเยือนถิ่นแดนอีสาน บอกเป็นภาษาถิ่นสั้นๆว่า แซ่บนัวคัก อีหลีเด้อจ้า