แบรนด์ใหญ่ต่างพากันหยุดซื้อโฆษณาจาก Facebook เพื่อเรียกร้องให้หันมาจัดการ HateSpeech!
สื่อโซเชียลมีเดียกำลังเจอปัญหาหนักจากการที่แบรนด์ใหญ่ระดับโลกพากันแบน หยุดซื้อโฆษณา เนื่องจากมองว่า ตอนนี้โซเชียลมีเดียต่างๆ กลายเป็นแหล่งรวม Hate Speech ของการเหยียดสีผิวและทำให้คนเกลียดชังกัน
เหตุด้วยเนื่องมาจากว่าแบรนด์เหล่านี้ไม่พอใจเจ้าของแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram และ Twitter ในเรื่องการจัดการเนื้อหาที่มีเนื้อหาเกลียดชัง ข้อมูลปลอม ถ้อยคำรุนแรง และนำไปสู่ความแตกแยกของสังคม จนเกิดเป็นแคมเปญชื่อ #StopHateforProfit ซึ่งมันจะบอกไปถึงเจ้าของแพลตฟอร์มเหล่านี้ว่า กำไรของคุณจะ “ไม่มีค่า” ถ้ามันไปส่งเสริมความเกลียดชัง การใส่ร้าย ความรุนแรง การเหยียดชนชาติ
โดยตอนนี้มีบริษัทและแบรนด์เกือบ 100 แห่งในสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมแคมเปญ #StopHateforProfit เพื่อประท้วงเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ ที่ล้มเหลวในการจัดการกับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม รวมถึง Hate Speech บนแพลตฟอร์ม และทำการยุติการซื้อโฆษณาของ Facebook, Instagram และแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น YouTube, Twitter และล่าสุดบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Unilever, Coca-Cola และ Verizon Communications ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในสหรัฐฯก็ประกาศว่าเข้าร่วมแคมเปญด้วย โดยกล่าวว่าจะหยุดโฆษณาบน Facebook และ Instagram ในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทบางแห่ง เช่น P&G กำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาว่าจะยุติการซื้อโฆษณาบน Facebook เหมือนกัน โดยล่าสุด Starbucks, Pepsi และ มันฝรั่งเลย์ ก็ได้ประกาศหยุดซื้อโฆษณาใน Facebook ในแคมเปญ #StopHateforProfit เช่นกัน เพื่อเรียกร้องให้เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหันมาจัดการ HateSpeech ที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง และแตกแยก