เพลิงแค้นของคุณพ่อลูกสิบ Jack Hinson
จอห์น ดับเบิ้ลยู 'แจ๊ค' ฮินสัน (John W. 'Jack' Hinson) หรือที่รู้จักกันดีในนาม 'เฒ่าแจ๊ค (Old Jack)' เกษตรกรผู้มั่งคั่งในสจ๊วต เคาท์ตี้ (Stewart County) รัฐเทนเนสซี แม้จะเป็นพลเมืองชาวใต้ที่ประกาศแยกตัวออกจากรัฐบาลกลาง แต่แจ๊คเป็นหนึ่งในชาวใต้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลท้องถิ่นในการแยกตัวครั้งนี้ แม้ว่าตัวเขาจะเป็นเจ้าของทาสก็ตาม จากคำบอกเล่าของเพื่อนบ้านอธิบายว่า แจ๊คเป็นคนที่รักสงบ แม้จะผ่านเรื่องราวอันน่าสับสนวุ่นวายนี้ในสงคราม เขาก็พอใจที่จะเป็นนักรบเดี่ยวที่ออกรบอย่างเดียวดาย ไร่ของแจ๊คมีชื่อเรียกว่า 'บับบลิ้ง สปริงส์' (Bubbling Springs) ซึ่งเขาอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกๆ อีกสิบคน ครั้นเกิดสงครามกลางเมืองในปี ค.ศ. 1861 เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะคงความเป็นกลางเอาไว้และนำครอบครัวของตนออกห่างจากความขัดแย้งของไฟสงคราม
จอห์น ดับเบิ้ลยู "แจ๊ค" ฮินสัน
ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี1862 ช่วงสงครามกำลังดำเนินอยู่ พลจัตวายูลิสซิส เอส. แกรนท์ เดินทางมาถึงในพื้นที่ที่เขาอยู่ ครอบครัวของแจ๊คจำต้องเป็นเจ้าภาพรับรองท่านนายพลที่บ้าน และท่านนายพลก็รู้สึกพอใจมากกับสภาพบรรยากาศอันเงียบสงบของไร่แห่งนี้ซึ่งหลังจากนั้นมันกลายมาเป็นกองบัญชาการชั่วคราว แม้ว่าลูกชาย 2 คนของเขาจะเข้าร่วมกองทัพฝ่ายใต้ แต่ตัวของแจ๊คยังคงเป็นกลางในความขัดแย้งนี้ เขาพอใจที่จะใช้ชีวิตในการทำไร่ท่ามกลางพวกทหารและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการทำสงคราม
หลังจากที่กองทัพของนายพลแกรนท์ยึดป้อมเฮนรี่ (Fort Henry) และป้อมดอเนลสัน (Fort Donelson) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในชัยชนะครั้งสำคัญของฝ่ายเหนือตั้งแต่เริ่มสงครามกลางเมือง ชัยชนะครั้งนี้ยังหมายความว่ากองกำลังฝ่ายเหนือสามารถเคลื่อนพลเข้ามาประชิดชายแดนเคนตักกี้-เทนเนสซี ซึ่งครอบครัวของแจ๊คอาศัยอยู่ที่นี่ และแล้วสิ่งที่แจ๊คหนีห่างและไม่อยากเข้าใกล้ก็มาถึงเขาจนได้ ไฟสงครามลามมายังครอบครัวของเขาและมันกำลังจะพรากคนที่เขารักไปตลอดกาล กองทหารฝ่ายเหนือที่กระเหี้ยนกระหือและฮึกเหิมในชัยชนะ เริ่มปล้นชิงทรัพย์สินสิ่งของพลเมืองในเขตพื้นที่ของฝ่ายใต้ บ้านเรือนหลายหลังถูกเผา ไร่และพื้นที่เกษตรกรรมถูกทำลาย ปศุสัตว์ถูกปล้นชิงไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้กองทัพฝ่ายใต้แม้จะเสียพื้นที่บางส่วนไปแล้ว แต่พวกเขายังย้อนกลับมาเล่นงานทหารฝ่ายเหนือด้วยการซุ่มโจมตี และทำการรบแบบกองโจรก่อกวนพื้นที่ยึดครองต่างๆ นั่นจึงทำให้ทหารฝ่ายเหนือมีมาตรการลงโทษพลเมืองที่ต้องสงสัยว่ารู้เห็นหรือให้การช่วยเหลือทหารฝ่ายใต้ หลายคนถูกฆ่าและแขวนคอประจาน
ฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 1862 จอร์จ ฮินสัน ลูกชายวัย 22 ปีของแจ๊ค และน้องชายวัย 17 ปีของเขาออกไปล่ากวางประมาณหนึ่งไมล์จากบ้านของพวกเขาเหมือนที่เคยทำมาเช่นทุกวัน ช่างโชคร้ายที่พวกเขาพบกับชุดลาดตระเวนของทหารฝ่ายเหนือที่สงสัยว่าพวกเขาคือทหารฝ่ายใต้ที่แทรกซึมเข้ามาก่อกวน ผู้หมวดที่เป็นหัวหน้าชุดลาดตระเวนสั่งจับลูกชายของเขาทั้งสองถูกมัดไว้กับต้นไม้ แล้วยิงทิ้งอย่างไร้ความปราณี เท่านั้นยังไม่พอ ร่างของพวกเขาถูกลากกลับไปที่เมือง โดยนำศพทั้งคู่แห่ไปรอบๆจัตุรัสศาลโดเวอร์ เพื่อเป็นตัวอย่างของการไม่ยอมรับและต่อต้านอำนาจของสหภาพ ทหารฝ่ายเหนือยังแสดงความโหดร้ายด้วยการตัดศีรษะลูกทั้งสองของแจ๊ค โดยทิ้งร่างประจานเอาไว้ในจัตุรัสเมือง และส่งศีรษะกลับไปที่ไร่ของแจ๊ค และนั่นคือการโหมเพลิงแค้นของพ่อที่จะตามจองล้างจองผลาญและแก้แค้นให้ลูกของเขาให้จงได้ เขาฝังศพลูกๆของเขา จากนั้นส่งครอบครัวที่เหลือและทาสไปยังรัฐเทนเนสซีตะวันตกเพื่ออยู่กับญาติ
แจ๊คกลับมาเตรียมอาวุธล้างแค้นของตัวเอง โดยเขาแอบไปทำปืนไรเฟิลบรรจุปากลำกล้องระบบจุดชนวนด้วยถ้วยชนวน ขนาด .50 แบบพิเศษ ปืนไรเฟิลนี้มีลำกล้องแปดเหลี่ยมยาวถึง 41 นิ้ว เฉพาะส่วนลำกล้องหนักถึง 17 ปอนด์ ด้วยลำกล้องที่ยาวนี้จึงทำให้สามารถจัดการกับเป้าหมายที่ห่างไปถึงครึ่งไมล์ได้อย่างแม่นยำ เมื่ออาวุธล้างแค้นของแจ๊คผนวกกับความตั้งใจที่เผาผลาญจากเพลิงพิโรธของผู้เป็นพ่อ จึงทำให้ชาวไร่ที่อยากจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบกลายมาเป็นนักล่า และก็หาใช่สัตว์ในป่าที่เขาต้องการจะล่า แต่มันคือคนที่สั่งฆ่าลูกๆของเขาทั้งสอง
อาวุธประจำกายของเฒ่าแจ็ค
แจ๊คออกตามล่า 'ไอ้ผู้หมวด' ที่บังอาจสั่งยิงและตัวศีรษะลูกชายทั้งสองเขา เขาออกตามล่าและแกะรอยนายทหารคนนี้ไปอย่างกระชั้นชิดราวกับพยัคฆ์ล่าเหยื่ออยู่หลายวัน จนสืบทราบมาว่าพวกมันและลูกน้องที่มีส่วนต่อการตายของลูกชายเขาจะไปที่ไหน ไอ้ผู้หมวดกับลูกน้องโฉดของมันควบม้าไปตามเส้นทาง โดยหารู้ไม่ว่าพญามัจจุราชกำลังรอพวกมันทุกคนอยู่ สายตาของแจ๊คที่เล็งเป้าของตนเองด้วยอาวุธคู่ใจซึ่งหวังจะทวงแค้นให้ลูกๆ ของเขา บัดนี้เขาพร้อมแล้วที่จะลั่นไกและส่งกระสุนไปปลิดชีพใครสักคนที่อยู่ตรงหน้า แจ๊คซุ่มอยู่บนเนินที่มีต้นไม้ปกคลุมและซ่อนพรางตนเองไว้อย่างดี ซึ่งเขาหวังว่าที่นี่จะเป็นจุดซุ่มยิงที่เหมาะสมและชำระความแค้นที่สุมอยู่ในอกตน
ภาพวาดแสดงให้เห็นการซุ่มยิงบนต้นไม้ของแจ๊ค
“เปรี้ยง!!!!”
กระสุนสังหารของคุณพ่อลูกสิบพุ่งตรงเข้ากลางหน้าอกของคนที่สั่งฆ่าลูกของเขา ผู้หมวดตกลงจากม้าสิ้นใจในทันที เหล่าบรรดาลูกน้องของผู้หมวดถ่อยคนนี้พากันตกใจไม่รู้ว่ากระสุนยิงมาจากทางไหนและใครเป็นคนยิง แจ๊คไม่ปล่อยให้พวกมันทั้งหมดรู้ว่าปืนถูกยิงมาจากทางไหน วินาทีที่เขาจะได้ชำระแค้นกำลังหมดลงไป เขารีบเร่งบรรจุกระสุนนัดใหม่และเล็งไปยังเป้าหมายที่สองนั่นก็คือ ทหารฝ่ายเหนือซึ่งเป็นลูกน้องของไอ้ผู้หมวดถ่อยคนนี้ ที่มันหิ้วหัวลูกชายเขาทั้งสองมาส่งถึงบ้าน
“ตายซะเถอะมึง”
เสียงกระสุนนัดที่สองแผดเสียงสนั่นออกมาอีกครั้ง คราวนี้มันทำให้ร่างของทหารที่เคยหิ้วหัวลูกรักของเขาทรุดฮวบลงที่พื้นไม่ไหวติงอีกต่อไป พร้อมกับเลือดที่ค่อยๆไหลออกมาจากบาดแผล ความแค้นของคุณพ่อลูกสิบได้รับการปลดปล่อย เขาส่งคนที่ฆาตกรรมลูกๆของพวกเขาทั้งสองตายตกตามกันไปได้สำเร็จ
การตายของทหารทั้งสองและการหายตัวไปของแจ๊ค ทำให้ทหารฝ่ายเหนือเดาได้เลยว่าใครคือคนสังหารทหารทั้งคู่ ตั้งแต่นั้นมาแจ๊คหลบหนีการตามล่าของทหารฝ่ายเหนือ และเขาถูกประกาศว่าเป็น 'อาชญากร' นั่นจึงทำให้เขาหันเหชีวิตตนเองมากลายมาเป็นพวกนอกกฎหมายหลังจากนั้น แจ๊คยังสร้างวีกรรมอันยอดเยี่ยมจากการยิงอาวุธปืนของตนเองด้วยการยิงปืนของตนใส่เรือทหารฝ่ายเหนือซึ่งแล่นอยู่ในแม่น้ำ มันทำให้กัปตันเรือของฝ่ายเหนือตกใจที่กระสุนปืนไรเฟิลสามารถยิงเข้ามาเกือบถูกตัวเขาได้ และเข้าใจผิดคิดว่าตนเองนั้นถูกซุ่มโจมตีจากกองทหารฝ่ายใต้ที่ซุ่มอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ พวกเขาลนลานมากถึงขนาดพากันยกธงขาวยอมแพ้ทันที
ภาพวาดแสดงเหตุการณ์ที่แจ็คใชปืนยิงใส่เรือทหารฝ่ายเหนือซึ่งแล่นอยู่ในแม่น้ำ
แม้ฝ่ายใต้จะรู้เรื่องของแจ๊คและชักชวนให้เขาร่วมด้วยกับกองทัพฝ่ายใต้ แต่เขาก็ไม่สนใจที่จะร่วมรบในสงครามล้างผลาญครั้งนี้ เขายังคงตามเก็บนายทหารฝ่ายเหนือที่ปล้นชิงและทำร้ายพลเมืองฝ่ายใต้อยู่เรื่อยๆ มีตัวเลขที่ยังไม่ได้รับการยืนยันถึงยอดการสังหารของเขานั้นอยู่ที่ประมาณ 103 ศพ แต่ตัวเลขที่น่าจะเป็นไปได้อยู่ที่น้อยกว่า 100 ศพ
สงครามกลางเมืองอเมริกาเปลี่ยนแปลงครอบครัวอันอบอุ่นของเขาไปตลอดกาล แม้จะพาครอบครัวหนีไปได้ แต่ลูกน้อยของเขาอีก 2 คน เสียชีวิตด้วยโรคระบาด ในขณะที่ลูกชายที่เข้าร่วมรบในกองทัพฝ่ายใต้ก็เสียชีวิตในการรบทั้งคู่ ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของสงคราม ด้วยความช่วยเหลือจากชาวบ้านและการเดินทางหลบหนีอย่างต่อเนื่อง แจ๊คจึงรอดพ้นการจับกุมมาโดยตลอด แม้จะมีการออกตามล่าตัวเขาครั้งใหญ่ก็ตามจนกระทั่งสงครามยุติ หลังสงครามแจ๊ค ฮินสันกลับไปอยู่กับครอบครัวที่เหลืออยู่ในเทนเนสซี และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1874
อ้างอิงจาก: google