สมองของเราสามารถหดตัวจากความเครียด แต่เรามีวิธีที่จะหยุดมันได้
“ประสบการณ์จะทำให้เราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น ดังเหล็กกล้าที่ต้องผ่านการเผาและทุบตีเพื่อขึ้นรูปเป็นเครื่องใช้” ทุกวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แต่ละคนล้วนพบเจอ เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย และ มันเป็นสิ่งที่กระตุ้นอารมณ์ของคุณ ซึ่งเมื่อพูดถึงผลกระทบของเรื่องแย่ ๆ ที่สร้างความเครียดให้สมองแล้ว มันอาจทำให้คุณอ่อนแอลงได้ ทั้งสุขภาพของคุณที่ดูแย่ลง ตามสภาพจิตใจ และนอกจากนี้จากการทดสอบ เราพบว่า สมองของคนเรานั้น จะหดตัวลง หากคุณได้รับความเครียดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลของการที่สมองหดเล็กลงที่เด่นชัดคือ การควบคุมอารมณ์และ ความจำของคนกลุ่มนี้จะพัฒนาต่ำลงจากเดิม อย่าเพิ่งตกใจไปคุณยังสามารถป้องกันความเครียดได้
เราลองศึกษา และ ได้หาข้อมูลจากที่ต่าง ๆ เพื่อจะบอกเพื่อน ๆ ว่าเพื่อน ๆ จะสามารถควบคุมความเครียดได้ด้วยวิธีอะไรบ้าง และเราอยากให้เพื่อน ๆ บอกเราด้วยว่า ได้นำมันไปใช้ แล้วได้ผลยังไงบ้าง
ความเครียดเป็นทั้งเพื่อนและเป็นทั้งศัตรูในเวลาเดียวกัน
© AP / Associated Press / East News © depositphotos.com
ถ้าพูดถึงความเครียด หลาย ๆ คนคงไม่ชอบ แต่เราอยากให้เพื่อน ๆ ทำความเข้าใจง่าย ๆ กันก่อนว่า ไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะมีแต่ความสุข ทุกคนล้วนต้องมีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ดังนั้นอย่ามองว่าความเครียดเป็นสิ่งที่แย่ไปเสียทั้งหมด มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดขึ้นกับเราเมื่อเราต้องทำอะไรที่ไม่เคยทำ อย่างเช่น เมื่อเราอยู่ในการแข่งขันหรือพูดในที่สาธารณะ แต่หากว่ามันมากเกินไป เช่นเมื่อคุณทำงานหนักเกินไปหรือ มีกิจกรรมที่ทำแล้วส่งผลต่อตัวคุณอย่างมาก มันจะส่งผลต่อร่างกายและระบบความคิดของคุณเป็นอย่างแรก เช่นคนที่เครียดอยู่บ่อย ๆ อาจส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะ ปวดท้อง ความดันโลหิตสูง เจ็บหน้าอก และ นอนไม่หลับ
ความเครียดที่มากเกินไปจะทำให้สมองของคุณหดตัวเล็กลง
© depositphotos.com
จากการศึกษาในปี 2018 ที่ตีพิมพ์ในวารสารประสาทวิทยาพบว่า ผู้ที่มีระดับความเครียดสูงนั้นจะมีหน่วยความจำแย่ลง และ สมองของพวกเขาจะมีขนาดเล็กลงกว่าผู้ที่มีระดับความเครียดต่ำ การหดตัวของสมองนี้ส่งผลต่อสมองส่วนที่รับผิดชอบต่อความทรงจำและการเรียนรู้ ดังนั้นยิ่งคุณมีความเครียดอย่างต่อเนื่องมากขึ้นเท่าไหร่ คุณจะยิ่งมีความจำที่แย่ลง และ เราพบว่าเป็นการยากที่คนกลุ่มนี้จะพยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะ คุณจะเริ่มกลัว และกังวลหากต้องทำกิจกรรมใหม่ ลักษณะพิเศษเหล่านี้เชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม Sudha Seshadri หนึ่งในผู้วิจัยกล่าว นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่ปัญหาทางจิตใจที่รุนแรงอย่างเช่นภาวะซึมเศร้า ดังนั้น หากคุณคิดว่ามีความเครียด เราขอแนะนำ ให้คุณไปออกกำลังกาย เพื่อให้ สมองปลอดโป่ง แล้วค่อย กลับมาคิดหาทางแก้ปัญหา หรือ อาจจะให้คนที่คุณสามารถคุยได้ รับฟังปัญหาและ เสนอแนวทางแก้ไข หรืออาจะจแค่ พูดให้ใครสักคนฟังเพื่อ ระบายก็จะเป็นการลดความกังวลลงได้บ้าง
คุณสามารถรักษาระดับความเครียดของคุณด้วยกิจกรรมกลางแจ้ง
© depositphotos.com
อย่างที่เกริ่นนำไปข้างต้น การเคลื่อนไหวร่างกายของคุณ หรือ การออกกำลังกาย แบบแอโรบิกเป็นประจำสามารถ ลดอาการเครียด และ ยังฟื้นฟูการทำงานของหน่วยความจำของสมอง เป็นการรักษาสุขภาพของสมองในขณะที่เรามีอายุมากขึ้น จากการศึกษาของออสเตรเลียพบว่า การออกกำลังกายจะปล่อยสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกกับร่างกาย
© depositphotos.com
นอนหลับให้เพียงพอ ร่างกายจะรักษาฟื้นฟูตัวเองเมื่อคุณหลับ หากคุณนอนไม่พอจะเพื่มความเสี่ยงต่อสุขภาพของคุณและสิ่งนี้อาจทำให้เกิดความเครียดได้
© depositphotos.com
ดูแลการกิน การทานอาหาร ที่มีสารอาหารครบถ้วน และ ทานอาหารอย่างดี จะส่งผลต่ออารมณ์และระดับความเครียดของคุณ การรับประทานอาหารปกติที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและ ลดปริมาณคาเฟอีนลง ก็ช่วยลดความเครียดได้เช่นกัน
© depositphotos.com
อยู่กับคนที่คุณรัก การได้รับการเอาใจใส่นั้นเป็นประโยชน์ในการต่อสู้กับความเครียด การสังสรรค์กับเพื่อนและครอบครัวจะสร้างฮอร์โมน “ที่ทำให้รู้สึกดี” ที่เรียกว่าอุซิโทซินซึ่งสามารถลดความวิตกกังวลได้
© depositphotos.com
พักผ่อน ด้วยการฝึกโยคะหรือนั่งสมาธิ นวดหรือพักผ่อนระยะสั้นช่วยให้คุณผ่อนคลายและมีเวลาสำหรับดูแลตัวคุณเอง การสละออกจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันของคุณ ทำให้คุณสบายใจมากขึ้น
บางคนบอกว่าความเครียดไม่ได้มีผลอะไร
© depositphotos.com
Sudha Seshadri กล่าวว่าในขณะที่ดูเหมือนว่าระหว่างความเครียดและการหดตัวของสมองมีส่วนเชื่อมโยงกัน ความเครียดอาจไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้สมองหดตัวลง จากการวิจัยพบว่า สมองผลิตสารคอร์ติซอลเมื่อเราเครียด แบะระดับสารคอร์ติซอล จะมีมากขึ้นเมื่อผู้เข้ารับการตรวจได้รับระดับความเครียดที่สูงขึ้น แต่ Bruce McEwen นักประสาทวิทยาที่มหาวิทยาลัย The Rockefeller ในนิวยอร์ก กลับพบว่านอกจากอาการเครียดแล้ว สารคอร์ติซอล สามารถเกิดได้เมื่อเราเจ็บป่วย หรือร่างการมีอาการอักเสบ ด้วยเช่นกัน
* คอร์ติซอล (Cortisol) เป็นฮอร์โมนกลุ่มสเตียรอยด์ที่สร้างขึ้นจากต่อมหมวกไต เพื่อช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อความเครียด และยังมีบทบาทเกี่ยวกับกระบวนการต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น ต่อสู้กับอาการอักเสบ กระตุ้นตับให้สร้างน้ำตาลออกมาสู่กระแสเลือด และช่วยควบคุมปริมาณสารน้ำภายในร่างกาย แต่ละช่วงเวลาจะมีระดับคอร์ติซอลที่แตกต่างกัน