อนันต์ กาญจนพาสน์ที่ผมรู้จัก
ผมขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของคุณอนันต์ กาญจนพาสน์เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563 สิริรวมอายุได้ 79 ปี (หรือ 80 ปีถ้านับแบบจีน) ผมจึงขออนุญาตเขียนถึงท่านในฐานะที่เคยพบปะกันท่านมาเมื่อประมาณ 32 ปีก่อน (พ.ศ.2531)
ผมเคยได้พบกับคุณอนันต์ในสมัยที่ท่านกำลังจะเปิดตัวโครงการเมืองทองธานีในช่วงปี 2532 ขณะนั้นท่านยังเป็นหนุ่มใหญ่อายุประมาณ 47 ปี ผมได้พบทั้งท่าน คุณพ่อของท่าน (คุณมงคล) และพี่สาวของท่านด้วย ท่านได้เล่าให้ฟังเรื่องที่ท่านเป็นจีนอยู่เยาวราช ราชวงศ์ ท่านเป็นครอบครัวคนจีนระดับเจ้าสัวมีกิจการมากมายทั้งในไทยและฮ่องกงแล้วในขณะนั้น ส่วนที่บ้านผมก็เป็นคนจีนเหมือนกัน แต่เป็นจีนบ้านนอก จีนจนๆ อยู่แถวดินแดง
ผมจำได้ว่ากลุ่มเมืองทองธานีมีส่วนร่วมทำโครงการเสนานิเวศน์มาตั้งแต่สมัยปี 2512 ซึ่งนับเป็นหมู่บ้านจัดสรรในยุคแรกๆ ย่านชานกรุงเทพมหานคร โครงการสำคัญอีกโครงการหนึ่งก็คือ “จัตุรัสนครหลวง” ซึ่งหลายคนคงไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน โครงการนี้ก็คือที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ “ธนาคารนครหลวงไทย” เดิม มีห้างเมโทร มีโรงภาพยนตร์พอลลี่ และดาด้า และสุดโครงการก็เป็นที่ตั้งของโรงแรมบางกอกพาเลสนั่นเอง
การพัฒนาที่ดินของกลุ่มบางกอกแลนด์มักทำเป็นโครงการประเภทเมืองขนาดย่อม หรือ Township โดยจะเห็นได้ว่ามีโครงการเมืองทองหลายโครงการทั้งแถวพัฒนาการ แจ้งวัฒนะและอื่นๆ ที่พิเศษก็คือ มีการเดินสายรถประจำทางเองของโครงการจากเมืองทองแจ้งวัฒนะถึงสถานีขนส่งมวลชนหมอชิต เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านที่ไปซื้อบ้านอยู่อาศัยในโครงการนี้ แม้แต่โครงการธนาซิตี้ของคุณคีรี กาญจนพาสน์ ซึ่งเป็นน้องชายของคุณอนันต์ในตระกูลนี้ ที่บางนา-ตราด ก็เป็น Township ขนาดใหญ่เช่นกัน
ในช่วงของการพัฒนาเมืองทองธานี ผมจำได้ว่าในช่วงราวๆ ปี 2530 ราคาที่ดินที่เป็นไข่แดงในใจกลางโครงการเมืองทองธานี ยังซื้อขายกันในราคาไร่ละ 200,000 บาท เมืองทองก็ทยอยรวบรวมซื้อมาจนกลายเป็นโครงการ Township เช่นทุกวันนี้ นับเป็นความตั้งใจและพยายามอย่างยิ่งยวดในการพัฒนาโครงการแบบนี้ ซึ่งในแง่หนึ่งก็เป็นการสร้างชื่อให้กับผู้พัฒนา แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นการเสี่ยงมาก เพราะความสำเร็จหรือไม่ก็ต้องขึ้นกับปัจจัยต่างๆ มากมาย ต่างจากการพัฒนาโครงการขนาดเล็กๆ ที่มีความเสี่ยงน้อย
ในสมัยที่เริ่มจะสร้างเมืองทองธานีตามแนวคิดใหม่ ผมจำได้ว่าท่านได้สถาปนิกมากจากฮ่องกง ออกแบบแบบที่ฮ่องกงใช้กันเลย เน้นการใช้พื้นที่ (ที่แม้ใหญ่มากแต่ก็จำกัดในแง่ที่เป็นเมืองขนาดย่อมๆ) ให้ได้ประโยชน์สูงสุด มีองค์ประกอบของโครงการมากมาย เท่าที่จำได้ก็มีตั้งแต่อาคารสำนักงานขนาดย่อมๆ แบบมินิออฟฟิศ อาคารชุดพักอาศัย ตั้งใจจะมีศูนย์ประชุม รวมถึงการสร้าง “ครูเมืองทอง” ซึ่งเป็นบ้านสำหรับผู้มีรายได้น้อย
การพัฒนาที่โดดเด่นมากประการหนึ่งก็คืออาคารโรงงานอุตสาหกรรมแนวสูง แบบ Factory Building ในฮ่องกง เนื่องจากเล็งเห็นว่าในปี 2540 ฮ่องกงต้องกลับไปเป็นของจีน น่าจะสามารถเชิญชวนเจ้าของโรงงานใหญ่น้อยในฮ่องกงมาปักหลักปักฐานในไทยได้ ในฮ่องกงยุคนั้น ขนาดรถบรรทุกยังสามารถขับขึ้นไปบนอาคารอุตสาหกรรมได้ เพราะพื้นที่ฮ่องกงและเกาลูนค่อนข้างจำกัด เมืองทองธานีจึงสร้างอาคารคอนโดอุตสาหกรรมบ้าง แม้จะไม่ถึงขนาดให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ขึ้นได้ แต่ก็สามารถขนถ่ายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่น่าเสียดายที่นักลงทุนฮ่องกงไม่มา เนื่องจากจีนเปิดเซินเจิ้นดึงดูดกิจการอุตสาหกรรมไปแทน อาคารคอนโดอุตสาหกรรมจึงค้างเติ่งไว้ แม้ว่าจะได้รับใบอนุญาตให้เป็นเขตอุตสาหกรรมในผังเมืองก็ตาม อย่างไรก็ตามสถานการณ์ก็แปรเปลี่ยนไป ในภายหลังอาคารบางแห่งก็มีผู้มาซื้อไป เช่น สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ก็นำไปใช้เป็นสำนักงาน ธนาคารกสิกรไทยก็นำไปเป็นสำนักงานใหญ่อีกแห่งหนึ่ง โดยดัดแปลงเป็นอาคารอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นในปัจจุบัน ก็ได้ดัดแปลงเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า มีลูกค้าเช่าอยู่ไม่น้อย
จำได้ว่าในช่วงที่เมืองทองธานีกำลังบูมสุด ๆ นั้น พอดีเจอสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 2533 หรือเมื่อ 30 ปีก่อน ส่งผลให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ หยุดชะงักไปหมด เหลือเพียงเมืองทองธานีเจ้าเดียวที่ “โกย” ได้มากที่สุด มีการลงโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าใหม่ๆ ของโครงการนี้ทยอยออกมา และปรากฏว่าขายได้ตลอด มีคนมาซื้อไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นมินิออฟฟิศ เลควิวคอนโด ครูเมืองทอง บ้านทรงอิสระ (แบบพรีแฟบ) ฯลฯ คาดว่าในช่วงปี 2533-2535 กลุ่มเมืองทองอาจมีส่วนแบ่งในตลาดไม่น้อยกว่า 20% ก็ว่าได้ เพราะรายอื่นใหญ่รายอื่นแทนไม่กล้าขยับตัว
ในห้วงเวลาเดียวกันคุณอนันต์ยังสามารถดึงทางด่วนขั้นที่ 2 ให้ผ่านเข้าไปในเมืองทองธานีได้อีกด้วย โดยในสมัยนั้นบริษัทญี่ปุ่นชื่อกูมาไกกูมิมาทำโครงการนี้ นับได้ว่าท่านมีเครือข่ายที่แข็งแรงมากโดยเฉพาะทางธุรกิจและทางการเมือง การสร้างศูนย์ประชุมและอื่นๆ ก็ค่อยๆ คืบหน้าไปเรื่อยๆ เพื่อหวังให้เป็นเมืองที่มีทุกอย่างพร้อมมูลในตัวเอง สามารถพึ่งตัวเองได้ คุณอนันต์ยังใช้บริการของซัพพลายเออร์ชั้นนำ เช่น บริษัทก่อสร้างจากฝรั่งเศส บริษัทนายหน้าจากอังกฤษ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 สถานการณ์ก็แปรเปลี่ยนไป การสร้างเมืองขนาดใหญ่นี้ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นมา กระแสเงินสดก็สะดุด ไม่ใช่เฉพาะเมืองทองธานี แต่เป็นไปแทบทุกโครงการในประเทศไทยในขณะนั้น ทุกรายก็ต้องเข้าสู่กระบวนการในการแก้ไขปัญหาหนี้ จะเห็นได้ว่าที่ดินแปลงงามๆ หลายแปลงในเมืองทองธานี ก็มีบริษัทอื่นซื้อไปพัฒนาเป็นโครงการอื่นเช่นกัน
คุณอนันต์เป็นคนที่ตัดสินใจได้เฉียบขาดน่านับถือเป็นอย่างมาก ในห้วงเกิดวิกฤติ อย่างโครงการชื่อเลควิวคอนโด ปกติขายอยู่ในราคา 1.5 ล้านบาท ท่านนำมาลดเหลือแค่ราคา 699,000 บาท โครงการที่เมืองทองบางนาก็เช่นเดียวกัน จากการขายห้องชุดที่ราคา 433,000 บาท ท่านก็ลดเหลือ 260,000 บาท นัยเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน
แม้ผมจะไม่ได้รู้จักกับท่านเป็นส่วนตัวก็จริง แต่ก็นับถือในฐานะคนจริง มีอยู่กรณีหนึ่งคือโครงการเมืองทองบางนา ท่านสร้างห้องชุดประมาณ 5,000 หน่วย และสร้างศูนย์การค้าชื่อห้างเมโทรขึ้นมากลางโครงการเลย เพื่อดึงดูดให้คนซื้อมั่นใจว่าทำจริง แต่ปรากฏว่าเมื่อเกิดวิกฤติปี 2540 เมืองนี้ก็แทบไม่มีใครเข้าอยู่ กลายเป็นเมืองกึ่งร้างไปเลย จนกระทั่งมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ นำอาคารศูนย์การค้าและอาคารชุดที่ยังสร้างไม่เสร็จไปใช้เพื่อการศึกษาแทน
แต่เรือธงที่ยังอยู่และเป็นการ “กู้ชื่อ” เป็นอย่างมากก็คือศูนย์การประชุม ซึ่งนับว่าอิมแพ็คเมืองทองธานี เป็นศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดและยังสามารถจัดกิจกรรมได้หลากหลายที่สุดในประเทศไทย และยังมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจออกไปอีกมาก แต่นี่ก็เป็นถึงรุ่นลูกของคุณอนันต์ หรือรุ่นหลานของคุณมงคลที่ต้องสานต่อกันต่อไป
นี่แหละครับคุณอนันต์และเมืองทองธานีที่ผมเคยพบเห็นมา
ที่มา: https://marketeeronline.co/archives/158726
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน