คำถามเปิดใจนักศึกษาอดีตผู้ติดเชื้อโควิด-19 วัย 22 ปี
คำถามเปิดใจ - ถอดบทเรียน
กรณีนักศึกษาอดีตผู้ติดเชื้อโควิด-19 วัย 22 ปี *ขอสงวนชื่อและนามสกุล
จุดเริ่มอาการและเข้ารับการตรวจ
ผมโชคดีที่ติดตามข่าวและที่มหาวิทยาลัยก็ให้ข้อมูลเรื่องหลักการปฏิบัติตัวและวิธีป้องกันการติดเชื้อตั้งแต่มีข่าวใหม่ ๆ แล้วครับ ผมและเพื่อน ๆ นักศึกษาด้วยกันก็คุยเรื่องนี้ คือ ทุกคนใช้ชีวิตปกติ แต่มีการป้องกันตัวเองเท่าที่ทำได้ ใส่หน้ากาก มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ตามที่ต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย
จนวันที่ผมกังวลเพราะได้ไปนั่งสังสรรค์กับรุ่นพี่ที่ร้านอาหาร แล้วมีคนเล่าว่าที่บริษัทก็มีคนติดเชื้อ อาทิตย์ต่อมาพี่เค้าไปตรวจแล้วเจอ จากนั้น วันต่อมา ผมเกิดท้องเสีย ไม่มีอาการไข้ แต่ด้วยความกังวล ผมเลยโทรปรึกษาอาจารย์ใกล้ชิดที่แนะนำให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ จึงไปตรวจแล้วพบว่าผมติดเชื้อ อาจารย์ก็ช่วยประสานงานส่งตัวเข้ารับการรักษาทันที
ความรู้สึกเมื่อพบว่าติดเชื้อ
เมื่อผลออกมาว่าติดเชื้อ ผมเครียดมาก ถ้าดูจากไทม์ไลน์ จะเห็นว่าก่อนวันที่จะไปตรวจผมเพิ่งกลับบ้านที่ตรัง เพื่อยื่นเอกสารผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร ผมกลัวและเครียดว่าจะเอาเชื้อไปติดพ่อแม่ด้วย ตอนนั้นเป็นทุกข์ใจมากจริง ๆ ยิ่งแม่ผมมีโรคประจำตัวและอายุมากด้วย
ระหว่างนั้น อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยช่วยประสานงานแจ้งข่าวและติดต่อทุกคนที่ใกล้ชิดไปตรวจหาเชื้อ และเมื่อทุกคนไม่พบ ผมถึงได้โล่งใจ แต่ก็ใช้เวลาหลายวันกว่าผมจะหายเครียดได้ ไม่สบายใจเลยตั้งแต่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อและอาจแพร่ให้คนอื่นได้
เตือนเพื่อนวัยรุ่น ระวังติดเชื้อเพราะประมาท
เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าต้องเก็บตัว ไม่สังสรรค์ ใส่หน้ากาก ล้างมือ และรักษาระยะห่างเวลาอยู่นอกบ้าน อยากเตือนเพื่อน ๆ ทุกคนว่า วัยรุ่นหรือนักศึกษาอย่างผม ถึงจะแข็งแรงแต่ต้องไม่ประมาทเด็ดขาด ความคิดชั่ววูบแค่การไปนั่งดื่มสังสรรค์กับเพื่อนฝูง อย่าคิดว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจกลายเป็นสาเหตุให้ติดเชื้ออย่างผมได้ สิ่งที่ผมเรียนรู้จากจากการติดเชื้อครั้งนี้ คือความประมาท ทำให้เราติดเชื้อและตามมาด้วยความเครียดความกังวลและเป็นทุกข์ หากเราเป็นสาเหตุให้คนใกล้ตัวครอบครัวและเพื่อนต้องติดเชื้อไปด้วย โดยที่เราไม่รู้ตัวและไม่ได้ตั้งใจ
ชีวิตในโรงพยาบาลและฮีโร่ตัวจริง
รักษาโดยการกินยาต้านไวรัส แล้วก็ยาตามอาการที่เราเป็น หลัก ๆ ก็จะมี 5 ชนิด (จำชื่อไม่ได้)
ผมพูดตรง ๆ ที่เขาเรียกคุณหมอและพยาบาลเป็นฮีโร่ ผมขอยืนยันอีกเสียงในฐานะคนไข้ที่อยู่ใกล้ชิดว่าหมอและพยาบาลทำงานหนักมากจริง ๆ ผมติดเชื้อเพราะประมาทในการสังสรรค์กับเพื่อนทำให้เป็นภาระให้กับหมอและพยาบาลต้องมาตามรักษา แต่หมอกับพยาบาลทุกคนที่ดูแลผม มีแต่คำพูดที่สุภาพและใจดี ใจเย็นในการให้คำแนะนำและรักษาผมเป็นอย่างดี พวกเขาคือฮีโร่ของผมครับ
เตรียมฟิตร่างกายรอบริจาคพลาสมา
ผมรู้ข่าวจากมหาวิทยาลัยว่า ถ้าผมรักษาหายและพลาสมาของผมสามารถนำไปช่วยรักษาผู้ป่วยคนอื่นได้ผมก็พยายามฟื้นตัวให้แข็งแรงเร็วที่สุด และลุ้นอยู่ว่าหลังจากที่ครบกำหนดกักตัวและตรวจเชื้อไม่พบอีก ผมจะเดินรีบเดินทางไปบริจาคทันทีเลยครับ เพราะผมอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะมอบอาวุธให้กับฮีโร่ของพวกเรา และช่วยชีวิตผู้โชคร้ายที่ติดเชื้อได้
ความในใจที่อยากฝากไว้
ก่อนอื่น ผมขอโทษทุกคนด้วยนะครับ ที่ทำให้กังวลและเครียด ในช่วงที่ผมติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนนั้นผมติดเชื้อมาแล้ว และคงไม่มีไครอยากเป็น รวมถึงตัวผมด้วย พอรู้ข่าวว่าทุกคนที่ใกล้ชิดไม่มีใครติดเชื้อจากผม ก็รู้สึกดีใจแล้วก็โล่งใจมาก
ขอขอบคุณทุกกำลังใจจากคณะครูอาจารย์ และบุคลากรทุกท่านเลยนะครับ ขอบคุณทุกฝ่ายเลยนะครับที่ ช่วยกันประสานงานและดำเนินงานทุกอย่างในเคสของผม ทั้ง ๆ ที่ผมทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั้งมหาวิทยาลัย และยังส่งกำลังใจมาให้ผมตลอด ผมได้อ่านทุกข้อความแล้วนะครับ
บทเรียนจากประสบการณ์โควิด-19
สำหรับผม โรคโควิด-19 มันน่ากลัวนะครับ แต่ประสบการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ผมรู้ว่า ผมไม่ได้อยู่คนเดียวตามลำพัง อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่า ยังมีคนเป็นห่วงเรานะ ยังมีคนที่คอยให้กำลังใจเราอยู่นะ ซึ่งโรคนี้ก็น่ากลัวมาก โดยเฉพาะกับคนแก่ ร่างกายไม่แข็งแรง ภูมิต้านทานไม่ดี มีโรคประจำตัว ถ้าคนเหล่านี้ติดเชื้อโควิด-19 ก็จะอันตรายมาก
อาจจะเป็นความโชคดีของผม ที่ไม่มีอันตรายอะไร เพราะร่างกายผมยังแข็งแรงอยู่ รู้ตัวเร็ว รักษาเร็ว เอาข้อมูลไปบอกต่อคนอื่นได้เร็ว ผมไม่อยากให้คนอื่นประมาท อยากให้ทุกคนดูแลตัวเองกันดี ๆ แบบจริงจังกันได้แล้ว อย่าต้องมาติดเชื้อโควิด-19 เหมือนผม เพราะคุณอาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนผมก็ได้นะ
สุดท้ายนี้อยากให้ทุกคน สู้ ๆ นะครับ สู้ต่อไป สู้เพื่อคุณหมอ สู้เพื่อคุณพยาบาล และสู้เพื่อบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน อยู่บ้านเถอะ อยู่เพื่อตัวเอง อยู่เพื่อคนที่คุณรัก แล้วก็ อยู่เพื่อทุก ๆ คนที่รักเรา ถึงอาจจะเหงาหน่อย เบื่อหน่อย แต่ก็ดีกว่าต้องมาเบื่อและเหงาอยู่โรงพยาบาลนะครับ.