ห่านเพรียง (Barnacle Goose) ตำนานการถือกำเนิดสุดแปลก และชวนขบขัน นกที่เชื่อว่าเติบโตมาจากต้นไม้
ห่านเพรียง (Barnacle Goose) ตำนานการถือกำเนิดสุดแปลก และชวนขบขัน นกที่เชื่อว่าเติบโตมาจากต้นไม้
ความเชื่อ คือสิ่งที่มีอยู่ทุกหนแห่งในโลก แม้ว่าจะมีความต่างกันทั้งในด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังถูกหล่อหลอมไปด้วยความเชื่อในสิ่งลึกลับที่ยากแก่การพิสูจน์ข้อเท็จจริง ดังเช่นตำนานเกี่ยวกับจุดกำเนิดของนกและสัตว์ปีกต่างๆที่ค่อนข้างลึกลับและน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
นักวิชาการโบราณได้พยายามหาคำอธิบายว่า เพราะเหตุใดนกอพยพบางชนิดจึงปรากฏขึ้นและหายไปเมื่อฤดูกาลเปลี่ยนไป ความคิดที่ว่าสิ่งมีชีวิตที่มีขนเล็ก ๆ เหล่านี้สามารถเดินทางได้หลายพันไมล์เพื่อค้นหาอาหารและความอบอุ่นนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
เช่นเดียวกันกับ โฮเมอร์ นักเขียนชาวกรีกยุคโบราณ ผู้แต่งมหากาพย์เรื่อง อีเลียด และ โอดิสซีย์ เชื่อว่า นกกระเรียนจะบินไปทางใต้ในช่วงฤดูหนาวเพื่อต่อสู้กับ ชนเผ่า Pygmies (ปิ๊กมี่) ชนเผ่าที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปแอฟริกากลาง
ขณะที่อริสโตเติลกล่าวว่า นกนางแอ่นตัวน้อยหลีกเลี่ยงความเครียดจากการย้ายถิ่น โดยการจำศีลในพื้นดินแทน ซึ่งตำนานเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่มานานหลายศตวรรษ
ด้านบาทหลวงชาวสวีเดน Olaus Magnus ได้กล่าวว่า นกนางแอ่นมารวมกันเป็นจำนวนมากในฤดูใบไม้ร่วง และพร้อมใจกันมุดลงไปในโคลนและน้ำ สอดคล้องกับตำนานเล่าขานที่ว่าชาวประมงดึงตาข่ายที่เต็มไปด้วยนกนางแอ่นจำศีลจากทะเลสาบ
ห่านเพรียง (Barnacle Goose)
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวของสัตว์ที่แปลกประหลาดอีกเรื่องหนึ่ง ที่เกิดจากความตลกขบขันของข้อผิดพลาดคือนั่นก็คือ ห่านเพรียง (Barnacle Goose) ห่านที่มีสายพันธุ์ขนสีดำที่มีชื่อเสียงมาจาก ตำนานเพรียง ซึ่งสามารถมีอายุย้อนกลับไปได้อย่างน้อยในศตวรรษที่ 12 เมื่อ เจอราลด์แห่งเวลส์ อ้างว่า เห็นห่านเหล่านี้ห้อยลงมาจากท่อนไม้
เพรียงทะเล
ขณะที่จิตรกรชื่อดังอย่าง วิลเลียม เทอร์เนอร์ ก็อ้างว่า เห็นนกโผล่ออกมาจากเปลือกหอย ส่วน จอห์น เจอราร์ด นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษยุคโบราณ ก็มีความเชื่อเกี่ยวกับ The Barnacle Tree หรือ ต้นไม้ห่าน ต้นไม้ในตำนานที่เชื่อกันในยุคกลาง
ซึ่งมัน ถูกระบุไว้ใน Generall Historie of Plantes ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2140 ซึ่งเขาเขียนว่า: "...there is a small llande in Lancashire called the Pile of Foulders...whereon is found a certaine spume or froth, that in time breedeth unto certaine shels" พร้อมกับยังบอกอีกว่า นกจะห้อยอยู่ตามกิ่งใบจนกว่าจะโตเต็มที่ จากนั้นก็จะตกลงไปในทะเล
แม้ว่าจะมีคนแย้งว่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นเท็จ แต่เรื่องราวของต้นไม้นี้ได้รับความนิยมในหมู่นักสมุนไพรไปจนถึงศตวรรษที่ 18